เรื่องเด่น

3 แนวทาง เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจด้วย Generative AI

อัพเดทวันที่ 23 เม.ย. 2567

3 แนวทาง เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจด้วย Generative AI

Generative AI เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์แขนงหนึ่งที่ล้ำยิ่งกว่า AI ทั่วไป เพราะถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่ “สร้างสิ่งใหม่” ที่มีความคล้ายหรือเกือบเทียบเท่ามนุษย์ อีกทั้งข้อมูลที่ได้ก็มีความน่าเชื่อถือสูง Generative AI จะเรียนรู้ผ่านระบบจากชุดข้อมูลจำนวนมาก ทั้งที่อยู่ในรูปแบบของข้อความ ภาพ เสียง เพลง วิดีโอ หรือโค้ด จึงทำให้ Generative AI ถูกนำมาใช้ในสายงานสร้างสรรค์มากขึ้น เช่น การวาดภาพ การสร้างเสียงเพลง หรือจะเป็นตัวแชตบอตชื่อดังอย่าง ChatGPT ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มพนักงานบริษัทยุคใหม่ เพราะเป็นตัวช่วยสร้างเอกสารและสไลด์นำเสนองานได้อย่างรวดเร็ว ข้อมูลมีความแม่นยำสูง แม้ที่ผ่านมาจะมีกระแสต่อต้านและการวิจารณ์ถึงความเหมาะสมในการใช้ Generative AI สร้างผลงานต่าง ๆ ไม่น้อย แต่ต้องยอมรับว่าในอนาคตพวกมันกำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่เริ่มทวีความสำคัญ และถูกใช้งานในวงกว้างมากขึ้น จนคาดการณ์ว่าโลกเราจะเดินทางไปถึง AI Disruption Age อย่างแน่นอน

มีข้อมูลผลสำรวจจาก YouGov โดย Salesforce พบว่า 63% ของพนักงานไทยยอมรับว่าบริษัทที่มีนโยบายเชิงรุกสนับสนุนการใช้งาน Generative AI น่าร่วมงานด้วย และกว่า 60% มองเห็นประโยชน์ของการใช้ Generative AI ว่าเป็นเหมือนกุญแจที่ช่วยให้งานของพวกเขาประสบความสำเร็จได้จริง ดังเช่น 3 ตัวอย่างของการนำ Generative AI ไปใช้กับธุรกิจ ซึ่งอ้างอิงจากการนำเสนอของ Forbes ดังต่อไปนี้



3 แนวทางการนำ Generative AI ไปใช้กับธุรกิจ

  1. การพัฒนาการขาย การขายจำเป็นต้องบาลานซ์ความเหมาะสมระหว่างปริมาณกับคุณภาพ เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าและผลลัพธ์ทางการตลาดตามที่บริษัทคาดหวัง ซึ่ง Generative AI สามารถช่วยวิเคราะห์แผนการขายได้ ด้วยการช่วยพัฒนาและปรับแต่งแผนการขายให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่มแตกต่างกันไป อีกทั้งสามารถนำเสนอโซลูชันการขายให้ลูกค้าได้ มีความสมดุลระหว่างปริมาณและคุณภาพที่อยู่ในจุดคุ้มทุน เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งฝ่ายขายสามารถนำมาประยุกต์ และปรับแต่งเพิ่มเติมได้ง่ายกว่าการคิดแผนด้วยตนเองทั้งหมด
  2. การสร้างคอนเทนต์การตลาด ลูกค้าส่วนใหญ่มักเรียนรู้และมีปฏิสัมพันธ์เกี่ยวกับสินค้าอย่างลึกซึ้ง ผ่านการรับรู้ ความสนใจ และการสร้างประสบการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากแบรนด์ จึงทำให้การนำเสนอสินค้ามีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึกของลูกค้าอย่างมาก นักการตลาดยุคใหม่สามารถใช้ Generative AI สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่ตอบสนองอารมณ์ ความรู้สึก ของลูกค้าได้รวดเร็ว ตรงจุด เข้าใจง่าย ข้อมูลมีประสิทธิภาพ และปรับแต่งให้เหมาะสมได้สะดวก โดยไม่ต้องใช้เวลาในการเข้าใจพฤติกรรมลูกค้ามากเหมือนในอดีต
  3. การสร้างระบบสนับสนุนลูกค้าแบบอัตโนมัติ การสร้างระบบแชตบอตที่ช่วยตอบคำถามลูกค้าอย่างชาญฉลาด ทั้งก่อนและหลังการขาย มีการป้อนข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มีคุณภาพ และรวดเร็ว ทั้งหมดนี้เป็นการสร้างประสบการณ์การขายที่ดีให้แก่ลูกค้า ถือเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ายุคใหม่ที่ชอบค้นคว้าข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการ รวมทั้งต้องการจัดการปัญหา ใช้บริการ และดำเนินการซื้อ-ขายด้วยตนเอง การสร้าง Generative AI ที่ให้บริการลูกค้าตรงจุดนี้ได้ดี จะช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านการตลาดให้แบรนด์ได้มากขึ้น


ปัจจุบันการเข้าใจและเริ่มต้นเรียนรู้ที่จะใช้งานหรือปรับตัวเข้ากับนวัตกรรม Generative AI ได้เร็ว จึงถือเป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ สำหรับธุรกิจยุคใหม่ และตอนนี้หลายธุรกิจก็นำเครื่องมือ Generative AI มาใช้งานกันมากขึ้นแล้ว และยอมรับว่า Generative AI ไม่ใช่แค่เทรนด์ระยะสั้น แต่คาดการณ์ว่าจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนธุรกิจแห่งอนาคต ให้สามารถก้าวหน้าไปอย่างไม่สิ้นสุด และเป็นตัวช่วยสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจได้เร็วกว่าคู่แข่งอื่นในท้องตลาดอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้เรื่องการป้อนข้อมูลบริษัทเข้าสู่ระบบ AI ก็ยังคงมีประเด็นเรื่องความปลอดภัยให้ถกเถียงกันอยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งอาจจะต้องได้รับการปรับปรุงกันต่อไป