รายงานความยั่งยืน

สารจากประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่

ประเทศไทย และประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกยังคงต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่อง และมีความรุนแรงขึ้น อันเป็นผลจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ประกอบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่นำไปสู่ต้นทุน และภาวะเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และภัยธรรมชาติที่นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวในปีที่ผ่านมา ธนาคารยังคงมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยพร้อมดูแลช่วยเหลือลูกค้า สนับสนุนการเติบโตอย่างมั่นคง และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนคนไทย

ในปี 2565 ธนาคารได้กำหนดนโยบายการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ (Responsible Lending Policy) ขึ้นมา เพื่อให้กระบวนการพิจารณาอนุมัติการให้สินเชื่อ และแนวทางการบริหารจัดการความเสี่ยงมีการพิจารณาครอบคลุมประเด็นความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล โดยธนาคารมุ่งเน้นสนับสนุนการให้สินเชื่อกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีศักยภาพตามที่ธนาคารกำหนด และสอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม สังคม ธรรมาภิบาล (Inclusion List) และไม่สนับสนุนสินเชื่อให้กับธุรกิจประเภทต่าง ๆ หรือบุคคลที่อยู่ในกลุ่มไม่พึงประสงค์ ตามที่ธนาคารกำหนด (Exclusion List) ซึ่งในแต่ละกระบวนการต้องมีการระบุ ประเมิน ควบคุม ติดตาม และบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อธนาคารในอนาคต


มิติสิ่งแวดล้อม

การดำเนินงานในมิติสิ่งแวดล้อม ธนาคารสนับสนุนการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ (Climate Change) ที่มีความสอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยที่มุ่งสู่แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ผสมผสานการพัฒนา 3 ด้านหลักคือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG) ธนาคารจึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน เดินหน้าสู่การเงินเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรภายในองค์กรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อประหยัดพลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยธนาคารได้ดำเนินการเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในของธนาคาร เช่น หลอดไฟ LED เครื่องปรับอากาศที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ในการเดินทางของธนาคาร ดำเนินการรณรงค์การใช้ทรัพยากรภายในธนาคารอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดของเสียโดยได้ดำเนินโครงการกรุงไทยรักสิ่งแวดล้อม ภายใต้แคมเปญ “กรุงไทย RELIFE” ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ ในการจัดการทรัพยากรภายในธนาคารให้มีประสิทธิภาพ โดยนำตู้รับขวดรีไซเคิลอัตโนมัติ และเครื่องแปรรูปเศษอาหารเป็นดิน มาใช้ในธนาคาร นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินโครงการบริหารจัดการขยะทั้งวงจร (Waste Management) เป็นต้นแบบแนวทางการทำกิจกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในธนาคาร ด้วยการติดตั้งถังแยกประเภทขยะในแต่ละชั้นของอาคารสำนักงานใหญ่ อาคารสาขา และกลุ่มเครือข่ายภาคใต้ รวมถึงมีการจัดเก็บข้อมูลการเกิดของเสียภายในธนาคาร ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งที่สำคัญในการมุ่งสู่เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์


มิติสังคม

ธนาคารกรุงไทยในฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำระดับประเทศ อยู่เคียงข้างคนไทยและประเทศไทยมากว่าครึ่งศตวรรษ การยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพี่น้องคนไทยคือแนวทางที่ธนาคารยึดถือดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ ธนาคารได้พัฒนาต่อยอดแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในรูปแบบของ Thailand Open Digital Platform ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 40 ล้านคน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงการตามนโยบายภาครัฐ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ เช่น โครงการ “คนละครึ่ง” ระยะที่ 4 และระยะที่ 5 ที่มีประชาชนเข้าร่วมโครงการมากกว่า 24 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนมากกว่า 9 หมื่นล้านบาท รวมถึงถูกนำมาใช้เพื่อร่วมพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ โดยในปีที่ผ่านมา แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ได้ถูกใช้เป็นแพลตฟอร์มเพื่อจัดจำหน่ายหุ้นกู้ออนไลน์ ทั้งของบริษัทเอกชน และหน่วยงานรัฐบาล วงเงินรวมมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนสามารถเข้าถึงจองซื้อหุ้นกู้ได้อย่างเท่าเทียม และรวดเร็ว โดยไม่ต้องใช้กระดาษในการทำธุรกรรม ได้ถูกใช้เป็นแพลตฟอร์มในการจัดจำหน่ายทองคำบริสุทธิ์ 99.99% แบบออนไลน์ (Gold Wallet) ที่ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการมากกว่า 1.5 แสนบัญชี ได้ถูกใช้เป็นแพลตฟอร์มสุขภาพโดยมี “กระเป๋าตังสุขภาพ” หรือ “Health Wallet” ที่ธนาคารพัฒนาร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถตรวจสอบสิทธิ และเบิกใช้สิทธิรักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยนอกได้ด้วยตนเอง ที่อำนวยความสะดวก มีระบบแจ้งเตือน และแสดงรายการนัดหมาย รวมถึงพัฒนาระบบการชำระเงินที่เชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับระบบเบิกจ่ายตรงค่ารักษาพยาบาลของโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ นอกจากนี้ยังได้ร่วมมือกับบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย พัฒนา “เป๋าตังเปย์” เป็นกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในรูปแบบซูเปอร์วอลเล็ต ที่สามารถใช้จ่ายผ่านคิวอาร์พร้อมเพย์ทุกประเภท รวมถึงโอนเงินเข้า-ออกทุกธนาคาร จ่ายบิล เติมเงิน โดยไม่มีค่าธรรมเนียม และมีคูปองส่วนลดจากร้านค้าแบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ

นอกจากนั้น ธนาคารยังได้ดำเนินโครงการ “กรุงไทยรักชุมชน” โดยในปี 2565 ธนาคารได้ดำเนินการพัฒนาชุมชนต้นแบบ 2 ชุมชน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาอย่างองค์รวม ผ่านการสร้างคุณค่าร่วมอย่างยั่งยืน (Sustainable Value Creation) ที่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงที่ครอบคลุม ตั้งแต่ระดับโครงสร้าง นโยบาย และกลไกการทำงานร่วมกับชุมชน ซึ่งมีเป้าหมายหลักในการเสริมสร้างสังคมไทยให้ก้าวทันพลวัตของโลก เกื้อหนุนให้คนในชุมชนมีโอกาสที่จะพัฒนาตนเองได้อย่าง เต็มศักยภาพ พร้อมกับการยกระดับกิจกรรมการผลิต และการให้บริการ ให้มีมูลค่าเพิ่มที่สูงขึ้น อยู่บนพื้นฐานของ ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม โดยมีอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบ่มเพาะ และสร้างผู้ประกอบการชุมชน และธุรกิจเพื่อสังคมอีก 4 องค์กรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชน การบริหารจัดการการเงิน และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมในชุมชน ร่วมดำเนินโครงการกับธนาคาร พร้อมนำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมสู่ชุมชน เพื่อขยายผลสู่ชุมชนอื่นต่อไปในอนาคต

สำหรับการดำเนินงานด้านทรัพยากรบุคคลของธนาคาร เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ธนาคารมุ่งสู่การเป็น “ธนาคารแห่งอนาคต” หรือ “Future Banking” ธนาคารได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนแนวนโยบายบริหารทรัพยากรบุคคล โดยมุ่งเน้นในเรื่องการสร้างความรู้ และทักษะแห่งอนาคต (Future Skills) ให้แก่พนักงาน เพื่อรองรับการแข่งขันในอนาคต นอกจากนี้ยังได้เร่งปฏิรูปการดำเนินงาน ได้แก่ การปฏิรูปวัฒนธรรมองค์กร (Culture Transformation) การปฏิรูปผู้นำและศักยภาพ (Leadership & Potential Transformation) และการปฏิรูปทักษะของพนักงานในด้านต่าง ๆ (People Skills Transformation) ทั้งนี้ได้เชื่อมโยงระบบการจัดการเรียนรู้เข้ากับแอปพลิเคชันวันกรุงไทย (One Krungthai Application) เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา


มิติธรรมาภิบาล

ธนาคารมุ่งสร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจ กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของธนาคาร ประกาศนโยบายไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerance) มุ่งมั่นในการดำเนินงานด้วยความโปร่งใส เป็นไปตามกฎเกณฑ์ และกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับ ด้วยการสร้างวัฒนธรรมองค์กร ขับเคลื่อนคุณธรรมอัตลักษณ์ 5 ส. ได้แก่ สร้างสรรค์ สำเร็จ สัตย์ซื่อ สามัคคี และสังคม ผ่านยุทธศาสตร์ 3 ป. คือ ปลูกจิตสำนึก ป้องกัน และปรับเปลี่ยน โดยใช้กระบวนการ “ระเบิดจากข้างใน” เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้บริหาร และพนักงานมีส่วนร่วมในการระดมความคิด ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการกรุงไทยคุณธรรม และโครงการกรุงไทยแฮกกาธอน (Krungthai Hackathon) ที่มุ่งเน้นเรื่องการต่อยอด และพัฒนาแผนงานเพื่อให้เกิดความคิด ค้นหาไอเดีย สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ

นอกจากนี้ ในปี 2565 ธนาคารได้มีการทบทวนแผนยุทธศาสตร์และนโยบายด้านบรรษัทภิบาล บมจ.ธนาคารกรุงไทย โดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีขององค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development: OECD) กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามมาตรฐานสากล เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานต่อไป

จากการดําเนินงานในรอบปีที่ผ่านมา ภายใต้วิสัยทัศน์ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน” ที่ธนาคารได้มีส่วนร่วมดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยในมิติต่าง ๆ ได้ตอกย้ำถึงภารกิจของธนาคารในการเสริมพลังให้คนไทยทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (To Empower a Better Life for All Thais) ได้อย่างเด่นชัด โดยธนาคารมุ่งสร้างการเติบโตไปพร้อมกับทุกภาคส่วน ด้วยหลักธรรมาภิบาล และการสร้างคุณค่าร่วมต่อสังคม (Creating Shared Value: CSV) และได้มีส่วนร่วมสนับสนุน และตอบสนองต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ตามแนวทางขององค์การสหประชาชาติ ส่งผลให้ธนาคารได้รับการยอมรับจากสถาบันต่าง ๆ ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก เช่น รางวัล Most Sustainable Bank Thailand 2022 จากนิยตสาร World Economics รางวัล Best Sustainable & Business Solutions Bank จากนิตยสาร The European รางวัลพระราชทาน Thailand Corporate Excellence Awards 2022 สาขาความเป็นเลิศด้านสินค้า/การบริการ (Product/Service Excellence Award) ความเป็นเลิศด้านผู้นำ (Leadership Excellence Award) และความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence Award) จากสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย และ Thailand Sustainability Investment 2565 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งรางวัลเหล่านี้เป็นเครื่องสะท้อนและตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงาน การเป็นเสาหลักของระบบเศรษฐกิจไทยของธนาคาร ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้าง พัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทย ท่ามกลางความไม่แน่นอน และความผกผันของสถานการณ์โลกในยุคปัจจุบัน


นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ
ประธานกรรมการ


นายผยง  ศรีวณิช
กรรมการผู้จัดการใหญ่