สารจากประธานกรรมการ
และกรรมการผู้จัดการใหญ่

สารจากประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่

สารจากประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่
สารจากประธานกรรมการธนาคาร
ธนาคารกรุงไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ Krungthai Sustainability
ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดสากลด้าน "สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล" หรือ ESG

       การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ต่อเนื่องมาถึงปี 2564 ยังคงส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชนและ ภาคธุรกิจเป็นวงกว้าง ทำให้ภารกิจสำคัญของธนาคารกรุงไทย จึงยังคงมุ่งเน้นไปที่การร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในการช่วยเหลือเยียวยาลูกค้าและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 และเป็นฟันเฟืองหลักที่ช่วยขับเคลื่อนมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐสู่ประชาชนทุกคน ไปจนถึงระดับเศรษฐกิจฐานราก โดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ธนาคารพัฒนาและต่อยอด มาใช้เป็นเครื่องมือในการส่งผ่านความช่วยเหลือไปสู่กลุ่มเป้าหมายของภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       นอกจากนี้ จากการระบาดของ COVID-19 ยังได้เปิดเผยให้เห็นถึงความเปราะบางของประเทศในมิติต่าง ๆ อาทิ ความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ การออม และการเข้าถึงโอกาสทางเศรษฐกิจ ตลอดจนปัญหาการละเลยต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศที่ทวีความสำคัญและกำลังเป็นกระแสโลก ธนาคารจึงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน หรือ Krungthai Sustainability ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดสากลด้าน “สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล” หรือ ESG อีกทั้งธนาคารยังส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรมให้กับภาคธุรกิจและการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวให้แก่ธุรกิจธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) รวมทั้งรายย่อย เพื่อให้ภาคธุรกิจทุกขนาดมีโอกาสในการเติบโตได้อย่างมั่นคง ทั้งนี้ ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจดำเนินธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบและหลักธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธนาคารได้รับการยอมรับและไว้วางใจจากภาคส่วนต่าง ๆ สะท้อนจากรางวัลในปี 2564 ที่ธนาคารได้รับทั้งในระดับนานาชาติและระดับประเทศรวม 38 รางวัล อาทิ รางวัล “Most Sustainable Bank Thailand 2021” จากนิตยสาร World Economic ประเทศสหรัฐอเมริกา รางวัล “Bank of the Year 2021 in Thailand” จากนิตยสาร The Banker ประเทศอังกฤษ รางวัล ”Best Bank Awards 2021 สาขา Best Digital Bank – Thailand” จากนิตยสาร Asiamoney ฮ่องกง รางวัล "Best Digital Banking Service of the Year Award" จากนิตยสาร Business+ รางวัล “Sustainability Disclosure Award ประจำปี 2564” จากสถาบันไทยพัฒน์ และรางวัลพระราชทาน “Thailand Corporate Excellence Awards 2021 สาขาความเป็นเลิศด้านสินค้า/การบริการ (Product / Service Excellence)” โดยสมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)

       อย่างไรก็ดี สภาพแวดล้อมการดำเนินธุรกิจในระยะข้างหน้าที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง เพื่อให้มั่นใจว่าธนาคารจะยังตอบโจทย์ลูกค้าและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการธนาคารยังคงสนับสนุนให้บุคลากรทุกระดับเปลี่ยนวิธีการทำงาน โดยส่งเสริมการคิดนอกกรอบ นำกระบวนการใหม่ ๆ มาประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกับ New Normal เร่ง Upskill Reskill ให้ทันต่อยุคดิจิทัล ให้มี Digital literacy มากขึ้น สามารถเชื่อมโยงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างลงตัว เน้นการทำงานแบบ Agility ให้สอดรับกับ Business model ของภาคธนาคารที่มุ่งสู่ Digital banking อย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งต้องเร่งเพิ่มผลิตภาพและบูรณาการกระบวนการทำงานแบบ End-to-End ควบคู่ไปกับการปลูกฝัง DNA การไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerance) ให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น เพื่อให้พนักงานทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากภายใน (Change From Within) โดยคณะกรรมการธนาคารได้ให้ความสําคัญกับการสร้างธรรมาภิบาลให้เกิดขึ้นในองค์กรมาโดยตลอด เพราะเชื่อว่าจะเป็นรากฐานสำคัญที่ช่วยให้ธนาคารเติบโตได้อย่างยั่งยืน มีภูมิคุ้มกันต่อภัยคุกคามและความไม่แน่นอน และพร้อมปรับตัวรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมที่ไม่เคยหยุดนิ่ง รวมทั้งมีความพร้อมที่จะสนับสนุนสังคมไทยให้เติบโตบนฐานของความยั่งยืนด้วย

       ในนามของคณะกรรมการธนาคาร ผู้บริหาร พนักงาน และบริษัทในเครือ ผมขอขอบพระคุณท่านผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน สำหรับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจที่ได้มอบให้กับธนาคารกรุงไทยเสมอมา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะยังให้การสนับสนุนธนาคารอย่างต่อเนื่องและตลอดไป


นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ
ประธานกรรมการ


สารจากกรรมการผู้จัดการใหญ่
การที่ธนาคารสามารถส่งผ่านความช่วยเหลือจากภาครัฐ
ให้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ตรงจุด และตรวจสอบได้
เป็นผลจากการเร่งดำเนินการพัฒนา Digital Platform มาอย่างต่อเนื่อง

       ในปี 2564 การกลับมาระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างจำกัด ฐานะการเงินของครัวเรือนและภาคธุรกิจยังมีความเปราะบาง โดยเฉพาะในกลุ่มที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและกลุ่มที่อิงกับอุปสงค์ในประเทศ ธนาคารกรุงไทยได้ให้การดูแลลูกค้าและผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตครั้งใหญ่นี้ไปได้ โดยร่วมมือกับภาคธนาคารในการออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เสริมสภาพคล่องและสนับสนุนเงินทุนเพื่อฟื้นฟูกิจการ รวมถึงการพักชำระหนี้และปรับโครงสร้างหนี้อย่างยั่งยืนและเป็นธรรมตามแนวนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย และเป็นที่น่าภาคภูมิใจที่ธนาคารได้รับการยอมรับอย่างมากจากการทุ่มเทสรรพกำลังทั้งเครือข่ายบริการ เทคโนโลยี ตลอดจนบุคลากรในการส่งต่อความช่วยเหลือของภาครัฐสู่ประชาชนคนไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน เราชนะ มาตรา 33 เรารักกัน และยิ่งใช้ยิ่งได้ นอกจากนี้ ธนาคารยังได้เข้าร่วมโครงการ “ไทยร่วมใจ” จัดตั้งหน่วยบริการวัคซีนนอกโรงพยาบาลในพื้นที่ต่าง ๆ รวมจำนวนกว่า 129 จุด ทั่วประเทศ ทั้งนี้ เพราะธนาคารมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและลูกค้าทุกกลุ่ม ตลอดจนมุ่งสร้างความเท่าเทียมกันด้านการเงินแก่คนไทย สะท้อนความตั้งใจที่จะเป็นให้ได้มากกว่าธนาคาร (Beyond Banking) ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจใหม่ คือ “To empower better life for all Thais” และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของธนาคารสอดคล้องไปกับกรอบการทำงาน และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals) ขององค์การสหประชาชาติ (United Nations)

       การที่ธนาคารสามารถส่งผ่านความช่วยเหลือจากภาครัฐให้ถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ตรงจุด และตรวจสอบได้ ทั้งยังสามารถต่อยอดเพื่อมอบบริการที่สนองตอบพฤติกรรมและความต้องการใหม่ ๆ ในยุค New Normal ได้อย่างทันเวลา เป็นผลจากการเร่งดำเนินการพัฒนา Digital Platform มาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความสำคัญกับ 5 Ecosystems ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของธนาคาร ได้แก่ กลุ่มหน่วยงานภาครัฐ อาทิ โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ปัจจุบันมีผู้ถือบัตรกว่า 13 ล้านราย การจำหน่าย 1 Baht Bond ผ่านวอลเล็ต สบม. ที่ประชาชนสามารถลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ขั้นต่ำเพียง 100 บาท รวมถึงการร่วมสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐดังที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น กลุ่มการชำระเงิน อาทิ การพัฒนาฟังก์ชันและบริการใหม่ ๆ ของ Krungthai NEXT บริการ Krungthai Gold Wallet ที่สามารถซื้อขายทองคำแบบออนไลน์ครบวงจร รวมถึงการเปิดขายหุ้นกู้ดิจิทัลของ PTTEP ซึ่งถือเป็นการซื้อขายหุ้นกู้ด้วยระบบดิจิทัลวอลเล็ต “ครั้งแรกในเอเชีย” สะท้อนความพร้อมในการขยาย Digital Footprint ของธนาคารไปสู่ความต้องการใหม่ ๆ ในโลกอนาคตได้อย่างมั่นใจ กลุ่มการรักษาพยาบาลและสุขภาพ อาทิ ระบบ Smart Hospital ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีมาเชื่อมโยงการให้บริการแบบครบวงจร เช่น เครื่องตรวจร่างกายอัตโนมัติ AI Chat Bot อัจฉริยะ เพื่อช่วยคัดกรองผู้ป่วยโดยใช้ระบบการสั่งงานด้วยเสียง Telemedicine การปรึกษาแพทย์เฉพาะทางผ่านระบบ VDO Conference เป็นต้น รวมถึงการพัฒนาฟังก์ชันและบริการใหม่ๆ ของ Health Wallet เพื่อยกระดับบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค กลุ่มสถาบันการศึกษาและนักเรียน อาทิ โครงการ Smart University และบริการต่าง ๆ ของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และกลุ่มระบบขนส่ง อาทิ การพัฒนาระบบรับชำระค่าโดยสารแบบไร้เงินสดให้กับระบบขนส่งสาธารณะรูปแบบต่าง ๆ ทั้งนี้ ธนาคารได้ใช้กลยุทธ์ X2G2X โดยใช้ G หรือภาครัฐเป็นจุดศูนย์กลาง แล้วเชื่อมต่อจุดแต่ละจุดยึดโยงเข้ากับ 5 ecosystems ด้วย Digital Platform (connect the dot) เพื่อต่อยอดธรุกิจจากคู่ค้าของลูกค้า และนำไปสู่การสร้างรายได้ให้กับธนาคาร (Monetization) ซึ่งในปัจจุบันธนาคารสามารถก้าวสู่การเป็นผู้นำในระบบธนาคารดิจิทัล สะท้อนจากจำนวนผู้ใช้งานใน Digital Platform ของธนาคารที่มีจำนวนรวมมากที่สุด โดยผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” และ“Krungthai NEXT” รวมกันกว่า 40 ล้านคน (จากเมื่อ 4 - 5 ปีก่อนที่มีผู้ใช้งาน KTB Netbank เพียงประมาณ 3 ล้านคน) นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”อีกกว่า 1.5 ล้านร้านค้า และ “Krungthai Connext” กว่า 16 ล้านคน

       สำหรับในปี 2565 แม้ภาวะเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น แต่ก็ยังเปราะบางและไม่ทั่วถึง อีกทั้งสภาพแวดล้อมทางด้านการแข่งขันในระบบการเงินมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก นำมาซึ่งความท้าทายจาก Disruption รอบทิศทาง อาทิ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค นวัตกรรมทางการเงินใหม่ ๆ อย่าง Cryptocurrency, Digital asset และ DeFi หรือระบบการเงินที่ไร้ตัวกลาง ทำให้ธนาคารต้องปรับ Business Model และบริหารจัดการทรัพยากรให้ได้อย่างยืดหยุ่น สามารถปรับเปลี่ยน ปรับตัว เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้อย่างคล่องแคล่วและรวดเร็วภายใต้ความไม่แน่นอน ธนาคารจึงมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 2 Banking Models คือ เรือบรรทุกเครื่องบิน (Carrier) และ เรือเร็ว (Speed Boat) ภายใต้แผนปฏิบัติการ 5 Execution Pillars อย่างต่อเนื่อง โดยจะดำเนินการให้เข้มข้นมากขึ้นและกล้าที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อก้าวนำ (Courage to Change) ได้แก่ 1) Sustain Core Growth เพื่อให้ธุรกิจหลักเติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน โดยเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน (Everyday Life) ครอบคลุมกับทุกความต้องการ ให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพื่อให้ลูกค้ารายย่อยสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้สะดวกและทั่วถึงยิ่งขึ้น ขณะที่สินเชื่อธุรกิจจะเน้นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโต และสินเชื่อเพื่อยกระดับการดำเนินงานให้รองรับเทรนด์ Net Zero Emission รวมถึง BCG Economy (Bio-Circular-Green Economy) 2) Build New Business Model โดยธนาคารจะค้นหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ผ่านบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย (Infinitas by Krungthai) ซึ่งมุ่งเน้นการให้บริการด้านการพัฒนา Innovation & Digital Platform เพื่อสร้างรายได้ใหม่ ๆ สอดรับกับ Mega Trends นอกจากนี้ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ธนาคารโดยบริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย ร่วมมือกับบริษัท เอคเซนเชอร์ โซลูชั่นส์ จำกัด ตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท อะไรส์ บาย อินฟินิธิส (Arise by Infinitas) เพื่อสร้างอัจฉริยะสายพันธุ์ดิจิทัล หรือ “Digital Talents” รองรับแผนขยายธุรกิจของธนาคารและพันธมิตร 3) การต่อยอดธุรกิจแบบ X2G2X โดยมีภาครัฐเป็นศูนย์กลาง หรือการต่อยอดธุรกิจกับคู่ค้าของลูกค้า ซึ่งจะเน้นการเชื่อมโยงบริการทางการเงินให้เข้ากับกิจกรรมในชีวิตประจำวันที่เกี่ยวข้องกับ 5 Ecosystems ด้วย Digital Connectivity 4) Digitization โดยธนาคารจะลดการใช้กระดาษให้น้อยที่สุด ตลอดจนปรับกระบวนการและระบบงานภายในโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย เช่น ระบบ Robotic Process Automation (RPA) และการใช้ AI เป็นต้น เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และ 5) Krungthai Sustainability การให้ความสําคัญกับการนำหลัก ESG (Environmental, social, and governance) มาใช้ในการขับเคลื่อนกรุงไทยคุณธรรม ผ่านโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ 1 หน่วยงาน 1 แผนความยั่งยืน โครงการ Compliance Champion และโครงการ Krungthai Hackathon เป็นต้น นอกจากนี้ ธนาคารจะให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพด้านการเงินภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยใช้ประโยชน์จากมาตรการพักทรัพย์พักหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย และตั้งสำรองในระดับสูงเพียงพอ เพื่อที่จะบริหารหน้าผา NPL (NPL Cliff) ให้ผ่านพ้นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       การพัฒนาศักยภาพบุคลากร เป็นอีกพันธกิจหนึ่งที่ธนาคารให้ความสำคัญ โดยปลุกพลังความกล้าที่จะเปลี่ยน และสนับสนุนการ Upskill / Reskill ทั้งในด้าน Innovation, Creativity และ Design Thinking ซึ่งจะช่วยยกระดับและปฏิรูปองค์กรให้สามารถตอบโจทย์ Future of Work รวมถึงส่งเสริมการทำงานแบบ Formula 1 culture โดยมีการบูรณาการ (Integration) มีความคล่องตัว (Agility) มีความน่าเชื่อถือ (Reliability) มีความแม่นยำ (Accuracy) และมีความปลอดภัย (Security) อีกทั้งธนาคารยังเน้นการสร้างความร่วมมือ (Synergy) กับบริษัทในกลุ่มธุรกิจและพันธมิตร เพื่อร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุมกิจกรรมหลักในชีวิตประจำวันของลูกค้าและประชาชนอย่างทั่วถึง

       ทั้งนี้ ด้วยการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการดังกล่าว จะช่วยให้ธนาคารยังสามารถดำรงฐานะธนาคารพาณิชย์ชั้นนำที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ช่วยลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัลและช่องว่างการกระจายรายได้ในสังคม สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและลูกค้าทุกกลุ่มให้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ ตลอดจนร่วมมือกับพันธมิตรของธนาคารในการเป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งอนาคตเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป


นายผยง  ศรีวณิช
กรรมการผู้จัดการใหญ่