รายงานความยั่งยืน

การกำกับดูแลกิจการ

บรรษัทภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดีถูกผนวกเป็นแกนกลางของวัฒนธรรมองค์กร ตลอดจนแนวปฏิบัติของธนาคารกรุงไทย การดำเนินงานให้สอดคล้องกับหลักการกำกับกิจการที่ดีสำคัญอย่างยิ่งต่อเราในฐานะสถาบันการเงิน เนื่องมาจากหลายเหตุผลด้วยกัน เริ่มตั้งแต่การช่วยให้ธนาคารมีกรอบการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เป็นพื้นฐานของการพัฒนาอย่างมั่นคงในระยะยาว สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผ่านการดำเนินงานอย่างโปร่งใส มีความรับผิดชอบ ถูกต้องตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด ถือเป็นการป้องกันความเสียหายด้านชื่อเสียงและภาพลักษณ์ที่อาจเกิดขึ้น ทำให้กรุงไทยสามารถรักษาสถานะของธนาคารที่คนไทยเชื่อมั่นตลอดมา พร้อมต่อยอดไปสู่การสร้างคุณค่าเชิงบวกให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างยั่งยืน

ธนาคารให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส สุจริตและเป็นธรรม ตามแนวทางของการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้เป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพ มีความเป็นเลิศในการดำเนินธุรกิจ บนพื้นฐานของความรับผิดชอบอย่างมีจรรยาบรรณ คำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม สร้างความเชื่อมั่นและประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้น และครอบคลุมตามหลัก ESG อันประกอบด้วย Environmental (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) ควบคู่ไปกับการปลูกฝังสร้างวัฒนธรรมองค์กร การไม่ทนต่อการทุจริต (Zero Tolerance) การให้บริการลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) ซึ่งหล่อหลอมอยู่ในทุกกระบวนการปฏิบัติงานอย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจพร้อมกับการมุ่งสร้างประโยชน์ให้แก่สังคม ลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ทุกภาคส่วนของสังคมสามารถเติบโตไปพร้อมธนาคารอย่างยั่งยืนและแข็งแกร่ง

คณะกรรมการธนาคารให้ความสำคัญและยึดมั่นในการปฏิบัติตามหลักการและแนวทางการกำกับดูแลกิจการที่ดีอย่างจริงจัง และผนวกรวมมิติด้านความยั่งยืน เข้าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและการดำเนินธุรกิจของธนาคาร เพื่อให้การดำเนินกิจการของธนาคารมีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส น่าเชื่อถือ และมีการส่งเสริมให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับ ยึดมั่นและปฏิบัติตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการ เพื่อนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมที่ทำให้เกิดธรรมาภิบาลภายในองค์กร และยกระดับการกำกับดูแลกิจการของธนาคารให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล นำไปสู่ธนาคารชั้นนำที่ช่วยส่งเสริมการพัฒนาสังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน” ตามหลักบรรษัทภิบาล CARPETS เพื่อเป็นหลักปฏิบัติแก่ผู้บริหารและพนักงานของธนาคาร



โดยปัจจุบัน โครงสร้างคณะกรรมการธนาคาร ประกอบด้วยบุคคลซึ่งผ่านกระบวนการสรรหาโดยคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนตามขั้นตอนของกฎหมายและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งมีการพิจารณาสรรหากรรมการจากแหล่งต่าง ๆ รวมถึงฐานข้อมูลกรรมการ (Director Pool) เพื่อให้ได้บุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญตาม Skill Matrix ที่กำหนดไว้ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจและยุทธศาสตร์ธนาคารทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนของธนาคาร ดังนั้น คณะกรรมการธนาคารจึงประกอบด้วยคณะบุคคลที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งในด้านทักษะ ประสบการณ์ ความสามารถเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์กับธนาคาร โดยไม่กีดกันหรือใช้ความแตกต่างส่วนบุคคล อาทิ ศาสนา วัฒนธรรม เพศ เป็นต้น เป็นข้อจำกัดในการดำรงตำแหน่งกรรมการธนาคาร ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 โดยปัจจุบันธนาคารมีกรรมการทั้งหมด 12 คน ประกอบด้วยกรรมการที่เป็นผู้บริหารจำนวน 1 คน และกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารจำนวน 11 คน ซึ่งเป็นกรรมการอิสระจำนวน 6 คน หรือมีอัตราเท่ากับร้อยละ 50 ของกรรมการทั้งหมด ซึ่งมากกว่าข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ให้มีกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 ใน 3 ของกรรมการทั้งหมด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 3 มีคณะกรรมการธนาคารมีสุภาพสตรีจำนวน 2 คน หรือร้อยละ 16.67%


ตารางแสดงองค์ประกอบความรู้ความชำนาญของคณะกรรมการ



นโยบายการสรรหากรรมการธนาคาร

บุคคลผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการของธนาคาร จะต้องผ่านกระบวนการสรรหา โดยคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ตามขั้นตอนของกฎหมายและหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีการคำนึงถึงสัดส่วนและองค์ประกอบที่เหมาะสมกับธนาคาร ลักษณะธุรกิจ และสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะพิจารณาสรรหากรรมการจากแหล่งต่างๆ รวมถึงฐานข้อมูลกรรมการ (Director Pool) และจากการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นได้เสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งกรรมการ เพื่อให้ได้บุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ตาม Skill Matrix ที่กำหนดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจและยุทธศาสตร์ธนาคารทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนของธนาคาร และต้องเป็นบุคคลที่ไม่มีลักษณะต้องห้ามในการเป็นกรรมการสถาบันการเงิน ตามหลักเกณฑ์ของหน่วยงานทางการที่เกี่ยวข้องและข้อบังคับของธนาคาร ดังนั้นคณะกรรมการธนาคาร จึงประกอบด้วย คณะบุคคลที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งในด้านความเป็นอิสระ ทักษะประสบการณ์ ความสามารถเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์กับธนาคาร ซึ่งประกอบด้วยผู้มีความรู้หรือประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างน้อย 1 คน ด้านบัญชีและการเงินอย่างน้อย 1 คน และด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างน้อย 1 คน โดยไม่กีดกันหรือใช้ความแตกต่างส่วนบุคคล อาทิ ศาสนา วัฒนธรรม เชื้อชาติ สัญชาติ อายุ เพศ เป็นต้น เป็นข้อจำกัดในการดำรงตำแหน่งกรรมการธนาคาร

การสรรหากรรมการต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของคณะกรรมการธนาคาร ซึ่งประกอบด้วย

  • บุคคลผู้มีคุณสมบัติการเป็นกรรมการดังที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงินพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการควบคุมดูแลธุรกิจบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนกฎหมายและหลักเกณฑ์ของหน่วยงานกำกับที่เกี่ยวข้องกับการประกอบธุรกิจของธนาคาร และข้อบังคับของธนาคาร รวมถึงไม่มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
  • บุคคลผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญตาม Skill Matrix ที่ธนาคารกำหนดไว้ ซึ่งสอดคล้องกับภารกิจและยุทธศาสตร์ธนาคาร ซึ่งทำให้คณะกรรมการประกอบด้วยบุคคลที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งในด้านทักษะ ประสบการณ์ ความสามารถเฉพาะที่เป็นประโยชน์ ซึ่งประกอบด้วยผู้มีความรู้หรือประสบการณ์ทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างน้อย 1 คน ด้านบัญชีและการเงินอย่างน้อย 1 คนและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างน้อย 1 คน
  • บุคคลผู้สามารถปฏิบัติหน้าที่และแสดงความคิดเห็นได้โดยอิสระ อุทิศเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเพียงพอ
  • การดำรงตำแหน่งในบริษัทอื่น
    • ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ กรรมการที่เป็นผู้บริหาร อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างในบริษัทอื่นอีกไม่เกิน 3 กลุ่มธุรกิจ
    • ดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้ไม่เกิน 5 บริษัท (นับรวม บมจ. ธนาคารกรุงไทย แต่ไม่ นับรวมบริษัทที่ได้มาจากการปรับโครงสร้างหนี้)


ความรู้ความเชี่ยวชาญตาม Skill Matrix ของกรรมการธนาคาร

: ความเชี่ยวชาญ (ประสบการณ์การทำงานในสาขานั้นไม่ต่ำกว่า 3 ปี ให้ระบุเพียง 2 ลำดับแรกที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุด)
* มีประสบการณ์ภาคธุรกิจ หมายถึง มีประสบการณ์ในภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานที่มิใช่ส่วนราชการ ไม่น้อยกว่า 3 ปี
** หลักเกณฑ์ตามประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ที่ ทจ.39/2559 / ประกาศ ธปท ที่ สนส 10/2561 และกฎบัตรคณะกรรมการอิสระ




การสนับสนุนองค์กรภายนอก

ธนาคารกรุงไทยมีบทบัญญัติที่ชัดเจนในการไม่ร่วมสนับสนุนทางการเงินหรือการช่วยเหลือใดๆแก่พรรคการเมือง ซึ่งสามารถดูได้จากจรรยาบรรณธุรกิจของธนาคาร ในปี 2565 ธนาคารไม่มีการบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนองค์กรทางการเมืองหรือการรณรงค์ทางการเมืองใดๆ อย่างไรก็ตาม เราตระหนักดีว่า ธนาคารและภาคการเงินสามารถร่วมกันผลักดันความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในระดับอุตสาหกรรม รวมทั้งการยกระดับความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในตลาดโลก เนื่องจากธนาคารได้พิจารณาถึงผลกระทบเชิงบวกในการสนับสนุนการพัฒนาแนวปฏิบัติ นโยบาย และกฎระเบียบที่มุ่งเน้นความยั่งยืน ธนาคารจึงร่วมมือกับสมาคมธนาคาร และสมาคมการค้า ในการบริจาคอย่างโปร่งใสให้กับกลุ่มบางกลุ่มในรูปแบบค่าสมาชิก ดังนี้




ข้อมูลเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ