รายงานความยั่งยืน


การประเมินประเด็นสาระสำคัญ

ธนาคารดำเนินการทบทวนและประเมินประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืนตามหลักการทวิสารัตถภาพ (Double Materiality) ผ่านแนวทางกรอบมาตรฐานการรายงาน Global Reporting Initiative (GRI) Standards 2021 ซึ่งพิจารณาผลกระทบของการดำเนินงานของธนาคารที่มีต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม (Impact Materiality) ควบคู่กับผลกระทบทางการเงินของธนาคารที่เกิดจากปัจจัยด้านความยั่งยืน จากภายนอกต่อมูลค่าของธนาคาร (Financial Materiality) โดยสายงานบริหารความเสี่ยง และทีม Marketing Activation (งาน Sustainability and CSR/CSV) ทำให้สามารถวิเคราะห์ให้เห็นถึงปัจจัยด้านความยั่งยืน ที่ส่งผลกระทบ ความเสี่ยง และโอกาสที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน (Sustainability Related Risks and Opportunities) ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน IFRS S1 General Requirements for Disclosure of Sustainability-Related Financial Information ได้อย่างครอบคลุม อีกทั้ง ยังช่วยจัดลำดับความสำคัญ ตลอดจนวางแผนในการบริหารความเสี่ยงและพัฒนาธุรกิจของธนาคารให้เป็นไปตามหลักการความยั่งยืน ที่ธนาคารได้ให้ความสำคัญในมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม และตอบสนองต่อความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตามหลักสิทธิมนุษยชน โดยมีกระบวนการการประเมินประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืน 4 ขั้นตอน ดังนี้


การระบุประเด็น

พิจารณาประเด็นตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของธนาคารจากประเด็นที่ถูกระบุไว้ที่ปี 2566 และพิจารณาประเด็นที่เกิดขึ้นในปี 2567 ผ่านแหล่งข้อมูลทั้งจากภายในและภายนอก จากแนวโน้มด้านความยั่งยืนของอุตสาหกรรม มาตรฐานตามกรอบการรายงานในระดับสากล บริษัทคู่เทียบ ความคาดหวังและผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และสรุปออกมาเป็นประเด็นด้านความยั่งยืนทั้งสิ้น 13 ประเด็น ครอบคลุมมิติด้านธรรมาภิบาล สิ่งแวดล้อม และสังคม นอกจากนี้ ธนาคารได้กำหนดความครอบคลุม ความเสี่ยง และโอกาสที่สอดคล้องกับความเสี่ยงของธุรกิจสำหรับแต่ละประเด็นความยั่งยืน


การระบุผลกระทบ

ระบุผลกระทบ ความเสี่ยง และโอกาสด้านความยั่งยืนผ่านการรวบรวมข้อมูลจากช่องทางในการติดต่อกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การทบทวนข้อมูลการระบุผลกระทบของปีที่ผ่านมา รวมถึงการติดตามบริบทและการเปลี่ยนแปลงทางด้านความยั่งยืน อีกทั้ง ยังสามารถระบุได้จากการสะท้อนผ่านการสัมภาษณ์ผู้แทนที่ปฏิบัติงานใกล้ชิดกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกธนาคาร เช่น คณะกรรมการธนาคารและผู้บริหารระดับสูง หน่วยงานกำกับดูแล ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน คู่ค้า ชุมชน ลูกค้า และพนักงานทุกระดับ เพื่อให้ข้อมูลการประเมินผลกระทบมีความเป็นปัจจุบัน ทำให้ธนาคารสามารถระบุผลกระทบได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ รวมไปถึงผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากกิจกรรมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่าของธนาคาร


การประเมินผลกระทบ

นำความเห็น บริบทด้านความยั่งยืน และผลกระทบของแต่ละประเด็นที่ได้รับจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมาประเมินความสำคัญของผลกระทบซึ่งสอดคล้องตามมาตรฐาน GRI ได้แก่ การประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจเกิดขึ้น ผลกระทบเชิงบวกและผลกระทบเชิงลบ ที่ครอบคลุมในระยะสั้น กลาง และระยะยาว เป็นผลกระทบที่สามารถแก้ไขย้อนกลับได้หรือไม่ ประเมินระดับความรุนแรงของผลกระทบ (ขนาด ขอบเขต และระดับความสามารถในการแก้ไข) และประเมินความเป็นไปได้ของผลกระทบทั้งเชิงบวกและเชิงลบ ความเสี่ยง และโอกาสที่จะเกิดผลกระทบทางการเงิน โดยอ้างอิงกระบวนการบริหารจัดการความเสี่ยงของธนาคาร เพื่อวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืนต่อการดำเนินธุรกิจของธนาคาร ทำให้ได้ผลลัพธ์เป็นเมทริกซ์ประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืน


การวิเคราะห์จัดลำดับความสำคัญและการรายงาน

ประมวลผลข้อมูลที่ได้รับจากขั้นตอนการจัดทำประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืน รวมถึงทำการยืนยันประเด็นดังกล่าวร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ และสรุปผลออกมาเป็นประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืน ซึ่งสะท้อนผลกระทบของการดำเนินงานของธนาคารที่มีต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม (Impact Materiality) และผลกระทบทางการเงินของธนาคารที่เกิดจากปัจจัยด้านความยั่งยืนจากภายนอกต่อมูลค่าของธนาคาร (Financial Materiality) จากนั้นธนาคารจึงได้ดำเนินการยืนยันผลลัพธ์ดังกล่าวร่วมกับสายธุรกิจที่รับผิดชอบ และผู้บริหารระดับสูง เพื่อทบทวนการกำหนดกลยุทธ์ กรอบการทำงาน และการสื่อสารให้บุคคลในธนาคารทราบโดยทั่วกัน พร้อมทั้งกำหนดขอบเขตและโครงสร้างการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนประจำปีให้ครอบคลุมประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืน ธนาคารรวบรวมและเปิดเผยข้อมูลการบริหารจัดการ เป้าหมาย และผลการดำเนินงานอย่างตรงไปตรงมา ตามความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย โดยอ้างอิงแนวทางการประเมินภายนอกเพิ่มเติม เช่น มาตรฐานตาม Sustainability Accounting Standards Board (SASB), Thailand Taxonomy (Phase I), S&P Global และ FTSE Russell โดยในปี 2567 ได้มีการทบทวนและยืนยันโดยคณะกรรมการขับเคลื่อนความยั่งยืน (Sustainability Management Committee) ซึ่งคณะกรรมการประกอบด้วยผู้บริหารสายงาน (N-1) ที่ดูแลขับเคลื่อนและติดตามผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนองค์กร


ผลการประเมินประเด็นสาระสำคัญ

จากกระบวนการประเมินประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืน ซึ่งพิจารณาแนวโน้มด้านความยั่งยืนของอุตสาหกรรม มาตรฐานในระดับสากล บริษัทคู่เทียบ และความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมทั้งจัดลำดับความสำคัญของผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม รวมถึงผลกระทบทางการเงินของธนาคาร พบว่าประเด็นที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของธนาคารเปลี่ยนแปลงไปจากปีก่อนเล็กน้อย โดยประเด็นที่มีนัยสำคัญด้านความยั่งยืนของธนาคารกรุงไทย ในปี 2567 แสดงดังนี้