เรื่องเด่น

5 สิ่งที่ธุรกิจควรพิจารณา เมื่อได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี (EEC)

อัปเดตวันที่ 20 ธ.ค. 2566

5 สิ่งที่ธุรกิจควรพิจารณา เมื่อได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี (EEC)

เมื่อไรก็ตามถ้าเราพูดถึงเรื่อง “ภาษี” ที่เกี่ยวข้องกับ “ธุรกิจ” ผมเชื่อว่าหนึ่งเรื่องสำคัญที่ทุกภาคส่วนให้ความสนใจคงหนีไม่พ้น “สิทธิประโยชน์ด้านภาษี” ที่รัฐมักจะใช้เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนภาพรวมของเศรษฐกิจ เพื่อกระตุ้นการลงทุน การใช้จ่าย โดยให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้รับประโยชน์ทางด้านภาษีเป็นการตอบแทน

ในช่วงเวลาที่ผ่านมา หนึ่งในนโยบายที่ธุรกิจทั้งหลายเห็นได้ชัดและรัฐคาดหวังว่าจะได้ใช้ นั่นคือ โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นโครงการพัฒนาพื้นที่โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อต่อยอดการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ที่เราเคยรู้จักกันในชื่อ อีสเทิร์นซีบอร์ด ซึ่งเน้น 3 จังหวัดในภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา โดยคาดหวังไปยังความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และใช้เป็นประตูสำคัญสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียแปซิฟิกในอนาคต

และเมื่อคาดหวังเรื่องการลงทุนเพื่อพัฒนา ย่อมมีการส่งเสริมการลงทุนตามมา ซึ่งนั่นจึงเป็นที่มาของสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่าง ๆ ภายใต้ พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อจูงใจให้นักลงทุนได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งได้แก่โครงการต่าง ๆ ต่อไปนี้


มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่อีอีซี ปี 2566 มีอะไรบ้าง?


ส่วนแรกเป็นมาตรการเกี่ยวกับ การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับกิจการที่เข้าเงื่อนไขต่าง ๆ ที่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมาย ตั้งแต่กลุ่ม A1+ ไปจนถึง A1-A4 ที่แตกต่างกันตามการลงทุนในแต่ละประเภทอุตสาหกรรม รวมถึงพื้นที่ในเขตต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไข ซึ่งนั่นทำให้ธุรกิจมั่นใจได้ว่า สิทธิแรกที่ได้รับ คือ สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือพูดง่าย ๆ ก็คือ ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ตามอุตสาหกรรมและการประกอบกิจการในพื้นที่ที่กฎหมายกำหนด

อีกส่วนหนึ่งเป็น สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม (บางส่วน) ที่มอบให้ไม่ว่าจะเป็น

  • การลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับแรงงานต่างชาติที่ทำงานในพื้นที่ ได้รับสิทธิเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหัก ณ ที่จ่ายในอัตรา 17%
  • การยกเว้นภาษีอากรขาเข้า สำหรับการนำเข้าเครื่องจักรที่เข้าเงื่อนไข หรือยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา
  • การหักค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในอัตรา 3 เท่าของต้นทุนงานวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี

นอกจากนั้นยังมีสิทธิประโยชน์ด้านธุรกรรมการเงิน การครอบครองที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงการย้ายถิ่นฐานการผลิตต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา เพื่อให้เกิดการพำนักอาศัยในประเทศไทย

มาถึงตรงนี้เราคงเห็นตรงกันว่า จากสิทธิประโยชน์ที่มอบให้ ธุรกิจส่วนใหญ่ที่มีศักยภาพและเข้าเงื่อนไขในกลุ่มเป้าหมาย คงจะเริ่มสนใจและมองว่าเป็นโอกาสในการที่จะเข้าสู่อุตสาหกรรมดังกล่าว แต่ความเป็นจริงแล้ว มีอีกประเด็นที่สำคัญ นั่นคือสิ่งที่ธุรกิจควรพิจารณาในการตัดสินใจ เมื่อได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี


สิ่งที่ธุรกิจควรพิจารณาคืออะไร เมื่อได้รับสิทธิประโยชน์ด้านภาษี

สำหรับเรื่องนี้ ผมมีแนวคิดง่าย ๆ อยู่ 5 ข้อเพื่อให้ลองมองภาพรวมของการตัดสินใจ และเลือกใช้สิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีอย่างเหมาะสม ซึ่งหลักการทั้งหมดนี้ไม่ใช่สำหรับการลงทุนใน EEC เพียงเท่านั้น แต่คือหลักการพื้นฐานที่ธุรกิจควรใช้ในการวางแผนเพื่อประโยชน์สูงสุด ซึ่งได้แก่ 5 ประเด็นสำคัญดังนี้

  1. ตัวเลขกำไร ประเด็นแรกคือ ตัวเลขกำไรที่ธุรกิจได้รับ เพราะสิทธิประโยชน์ส่วนใหญ่มักจะสัมพันธ์กับภาษีเงินได้ที่เกิดขึ้น ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ ดังนั้น หากธุรกิจมีกำไรเป็นจำนวนมาก หรือเติบโตได้ดี สิทธิประโยชน์เรื่องการลดภาษีจะถูกใช้ได้อย่างเต็มที่และเหมาะสม แต่เมื่อไรก็ตามที่ธุรกิจนั้นมีตัวเลขขาดทุน สิทธิประโยชน์ดังกล่าวก็จะถูกลดทอนลงไป เนื่องจากธุรกิจมีโอกาสใช้ในช่วงเวลาที่จำกัดตามกฎหมายกำหนด
  2. กระแสเงินสด โดยปกติแล้ว รายจ่ายของธุรกิจจะสัมพันธ์กับเงินสดหมุนเวียนที่ธุรกิจมีในแต่ละช่วงเวลา ผสานกับการคาดการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีเกี่ยวข้องกับการลงทุนต่าง ๆ มักจะเป็นสิทธิประโยชน์แฝง เช่น การลงทุนในเครื่องจักร (ได้รับยกเว้นอากร) ซึ่งธุรกิจควรจะพิจารณาเงินสดหมุนเวียนให้ดี เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสมต่อไป
  3. โอกาสเติบโตในอนาคต ไม่ว่าจะลงทุนที่ไหน ธุรกิจย่อมคาดหวังโอกาสการเติบโต ดังนั้น ถ้าโจทย์ของการลงทุนตอบโจทย์และสร้างโอกาสในการเติบโตได้ ก็ถือว่าสอดคล้องกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับ แต่โดยปกติแล้วรัฐมักจะไม่ได้สนับสนุนด้านนี้โดยตรง (เหมือนกับนโยบายภาษี) จึงเป็นหน้าที่ที่ธุรกิจต้องประเมินความสามารถและโอกาสในการเติบโตให้ดีเช่นเดียวกัน
  4. ประโยชน์ที่มองเห็น (แบบจับต้องได้) หลายครั้งหลายคราวการใช้แรงจูงใจเพื่อประหยัดภาษีอาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดี 100% เพราะภาษีที่ประหยัดได้นั้นน้อยกว่ารายจ่ายที่ธุรกิจต้องจ่ายไปเสมอ ดังนั้น การวัดประโยชน์ที่มองเห็นได้ก่อน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ธุรกิจควรมองเห็น มากกว่าคาดหวังจากภาษีที่ประหยัดได้
  5. การวัดผล ท้ายที่สุดแล้วเมื่อธุรกิจเลือกใช้ คำตอบสุดท้ายที่ต้องตอบให้ได้ก็คือ สัมฤทธิ์ผลดังที่ตั้งใจไว้ไหม? ทั้งในมุมของรายจ่าย การลงทุน และภาษี ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเปรียบเทียบระหว่างผลประโยชน์ที่ได้รับและโอกาสที่เสียไป ดังนั้น ถ้าหากตอบคำถามทั้งหมดนี้ได้ชัดจากการวัดผล ย่อมจะเป็นคำตอบในการตัดสินใจของธุรกิจที่ดีที่สุด

อย่างไรก็ดี การที่ภาครัฐมีนโยบายภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นย่อมเป็นเรื่องที่ดี และเป็นแรงจูงใจให้ประเทศได้พัฒนาต่อ แต่ในแง่มุมของธุรกิจเองก็ต้องมีคำตอบที่ตอบได้อย่างชัดเจนด้วยว่า เมื่อเลือกใช้สิทธิประโยชน์เหล่านี้แล้ว จะมีประโยชน์ต่อธุรกิจจริง ๆ มากกว่าการคาดหวังผลลัพธ์แต่เพียงภาษีที่ได้รับ เพราะบรรทัดสุดท้ายของผลลัพธ์จากการทำธุรกิจ คือ กำไร ไม่ใช่มีแค่การประหยัดภาษี...

#เคล็ดลับธุรกิจ #อีอีซี #EEC #สิทธิประโยชน์ด้านภาษี#กรุงไทยSME #ติดปีกให้ธุรกิจคุณ


แนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับธุรกิจท่าน