สถานที่ unseen ทั่วไทย ต้องไปสักครั้งในชีวิต

       เพราะเมืองไทยมีแหล่งท่องเที่ยวสวย ๆ อีกมากมายที่รอให้เราไปสัมผัส และยิ่งในช่วงนี้ที่สถานที่ท่องเที่ยวแทบทุกแห่งกลับมาต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้งกันแล้ว งานนี้สายเที่ยวจะช้าได้ไง มาฟิตร่างกาย เตรียมใจ เก็บกระเป๋าให้พร้อม และมาออกเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวสุด unseen ทั่วประเทศไทยที่เราคัดสรรมาฝากกันในวันนี้ได้เลย...

1. สกายวอล์กเชียงคาน จ.เลย

สถานที่ท่องเที่ยวใหม่แกะกล่องมาก ๆ กับสกายวอล์กเชียงคาน จ.เลย ที่เพิ่งทดลองเปิดให้นักท่องเที่ยวชื่นชมความงามของวิวแม่น้ำเหืองที่ไหลมาบรรจบแม่น้ำโขงด้วยความสูงเทียบเท่าตึก 30 ชั้น ซึ่งเป็นที่กั้นพรมแดนระหว่างไทย-ลาว ดื่มด่ำความงามจากธรรมชาติสุดลูกหูลูกตา เดินชิล ๆ บนทางเดินพื้นกระจก ความยาว 2 เมตร และได้สักการะพระพุทธรูปปางลีลาประทานพร ความสูงกว่า 19 เมตร ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้ ๆ เพื่อความสิริมงคลแก่ชีวิต เปิดให้บริการทุกวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ใครเป็นสายลุยแบบไม่กลัวความสูงก็แวะไปกันได้เลย

2. อ่าวคราม จ.ชุมพร

เปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวแบบโฮมสเตย์ นั่งเรือชมบ้านเรือนของชาวบ้านที่เป็นชาวประมงในท้องถิ่น ซึ่งยังคงอนุรักษ์ธรรมชาติและวัฒนธรรมไว้ได้อย่างงดงาม บรรยากาศโอบล้อมไปด้วยภูเขา ต้นไม้ และทะเลที่มองเมื่อไรก็สดชื่น สบายตา และเย็นใจเป็นที่สุด นอกจากจะได้เรียนรู้วิถีชีวิตของคนในพื้นที่แล้ว ยังฟินไปกับอาหารทะเลสด ๆ ชนิดที่เรียกว่าจับปุ๊บกินปั๊บเลยทีเดียว สำหรับใครที่ต้องการหาแหล่งท่องเที่ยวเพื่อชาร์จพลังในตัวเองแล้วล่ะก็ ที่นี่ถือว่าตอบโจทย์มาก

3. อุทยานแห่งชาติศรีน่าน จ.น่าน

หากพูดถึงอุทยานแห่งชาติศรีน่าน สิ่งที่ขาดไม่ได้คือจุดชมวิวที่สวยงามมาก เพราะมีพื้นที่ยาวตามแนวสองฟากฝั่งลำน้ำน่าน ไปสิ้นสุดที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเก็บภาพประทับใจและกางเต็นท์พักแรมกันอย่างคับคั่ง ซึ่งจุดชมวิวยอดนิยม ได้แก่ ดอยเสมอดาว ดอยผาชู้  เสาดินนาน้อย ผาหัวสิงห์ วิวสวยงามหลักล้านแบบนี้ ใครมาแล้วก็อยากกลับมาอีกครั้งแน่นอน

4. วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี

อิ่มบุญกันถ้วนหน้า เมื่อได้แวะมาที่วัดป่าภูก้อน จ.อุดรธานี เพราะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ซึ่งเป็นรอยต่อของ 3 จังหวัด ได้แก่ อุดรธานี เลย และหนองคาย ความโดดเด่นของที่นี่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ สถาปัตยกรรมของวัดที่สวยเด่นเป็นสง่า ตัวอาคารสีขาวตัดกับหลังคาสีฟ้าสุดวิจิตร วิวตอนกลางวันว่าสวยแล้ว แต่พอถึงเวลากลางคืนนั้น เรีกว่างดงามจนไม่อาจละสายตา เพราะตัววัดจะมีแสงไฟที่ช่วยให้สว่างไสวท่ามกลางหมู่ดาว บอกเลยว่าคุ้มค่ากับมาเยือนสุด ๆ

5. หมู่เกาะลันตา จ.กระบี่

หมู่เกาะลันตา ประกอบด้วยเกาะน้อยใหญ่รวมทั้งสิ้น 25 เกาะ มีทั้งหาดทราย แนวปะการัง ป่าชายเลน และเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก และที่พลาดไม่ได้คือแหลมโตนด ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ของที่นี่เลยทีเดียว เพราะตั้งอยู่ปลายสุดของเกาะลันตาใหญ่ ลักษณะเป็นที่ราบรูปสามเหลี่ยมปลายยื่นออกไปทางทะเล บรรยากาศโอบล้อมไปด้วยป่าต้นตาล หินรูปทรงแปลกตา รวมถึงประภาคารเก่าแก่ที่ได้ไปนั่งชมพระอาทิตย์ต้องฟินสุด ๆ หากต้องการค้างคืน ในพื้นที่ก็มีเต็นท์และจุดกางเต็นท์พร้อมบริการเช่นเดียวกัน

6. ละลุ จ.สระแก้ว

หากใครไม่รู้จักจะคิดว่าที่นี่คือต่างประเทศแน่ ๆ แต่ความจริงแล้วที่นี่คือละลุ จ.สระแก้ว จากความบังเอิญของปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่งเกิดจากน้ำฝนกัดเซาะจนดินยุบตัวและพังทลายลง บวกกับแรงลมที่พัดไปมา ทำให้เกิดเป็นรูปร่างอย่างที่เห็น และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างไม่ได้ตั้งใจ โดยในพื้นที่ 2,000 ไร่ก็มีความสวยงามที่แตกต่างกัน สำหรับใครที่เคยมา เราขอท้าให้ไปอีกสักรอบ แล้วหยิบรูปเก่าที่ถ่ายไว้ในครั้งก่อนมาเทียบกับของจริงดูสิ รับรองว่าไม่เหมือนเดิมแน่นอน นั่นก็เพราะดินเหล่านี้จะถูกแปลงโฉมไปเรื่อย ๆ ทุกปีตามสภาพอากาศนั่นเอง

สำหรับใครที่อยากไปเช็กอินตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ แต่ยังกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายก็ขอให้สบายใจได้เลย เพราะภาครัฐได้จัดทำโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวกันมากขึ้น ด้วยการมอบส่วนลดค่าที่พัก 40% ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน / คูปองมูลค่าสูงสุด 900 บาท/วัน สำหรับใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารและค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว / คืนเงินค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ไม่เกิน 3,000 บาท/ที่นั่ง โดยใช้สิทธิ์ได้ในจังหวัดที่ไม่ได้อยู่ในทะเบียนบ้านของตนเอง ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ต.ค. 2563 ได้ที่ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com

เพื่อความสะดวกสบายที่มากกว่า สมัคร LINE Krungthai Connext ไว้ได้เลย เพราะรู้ทุกเรื่องแจ้งเตือนการใช้จ่ายและได้เงินคืนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ฟรี! สมัคร คลิก