ผู้ป่วยโคม่า คือ คนที่บัญชีรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือนมีสถานะติดลบ หรือพูดอย่างง่ายก็คือรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย ซึ่งใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้และยังไม่รีบจัดการ ผลที่ตามมา คือ จะเกิดพฤติกรรมกู้วนลูป แล้วในที่สุดปัญหาเรื่องหนี้สินก็จะยิ่งเรื้อรังมากขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวอย่างกรณีศึกษา : นาย A มีเงินเดือน 35,000 บาท พร้อมโอทีอีกเดือนละ 5,000 บาท หักประกันสังคม 750 บาท หักกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ 3,500 บาท หักซื้อหุ้นแบบ DCA เดือนละ 1,500 บาท
โดยมีค่าใช้จ่ายสำหรับเพื่อยังชีพเดือนละ 10,000 บาท และค่าเดินทาง 2,000 บาท และมีภาระผ่อนชำระสินเชื่อส่วนบุคคลเดือนละ 10,000 บาท ผ่อนคอนโดเดือนละ 15,000 บาท และผ่อนบัตรเครดิตเดือนละ 12,000 บาท
การปลดหนี้ขั้นตอนที่ 1 : จัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายล่วงหน้า 6 เดือน
เพื่อจะได้รู้ว่าในแต่ละเดือนนั้น สถานะการเงินของตัวเองเป็นอย่างไร บรรทัดสุดท้ายของบัญชี “ติดลบ” อยู่เท่าไหร่ และจะได้ประเมินความหนักเบาของปัญหาหนี้อย่างเป็นระบบ โดยอย่างในกรณีนี้ จะเห็นว่า นาย A ติดลบเดือนละ -14,750 บาท ดังนั้น เป้าหมายแรกคือการทำให้ส่วนที่ติดลบนั้นกลับมาเป็น “0 บาท” หรือเป็นบวกให้ได้
การปลดหนี้ขั้นตอนที่ 2 : บริหารจัดการหนี้แบบองค์รวม
จะเห็นได้ว่าตัวเลข -14,750 ของนาย A นั้นประกอบไปด้วย “ภาระผ่อนชำระ” ทั้งหมด 3 รายการ ซึ่งสิ่งแรกที่ต้องทำ คือเข้าไปขอเจรจากับเจ้าหนี้ทั้ง 3 รายอย่างพร้อม ๆ กัน โดยหลีกเลี่ยงการแก้ทีละรายการ เพราะหากทำเช่นนั้น จะทำให้หนี้ก้อนหนึ่ง ย้ายไปบวมที่อีกก้อนหนึ่งอย่างไม่จบสิ้น ซึ่งผลของการเข้าไปเจรจาสามารถออกได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งจ่ายเฉพาะดอกเบี้ย ขอพักชำระ หรืออาจจะขอผ่อนผันตามความเหมาะสมของสถานะการเงิน ณ ปัจจุบันได้เลย
จากกรณีตัวอย่าง หลังเข้าไปเจรจาเป็นที่เรียบร้อย สำหรับสินเชื่อส่วนบุคคลโดยปกติแล้วสามารถขอจ่ายเพียงดอกเบี้ยได้ 3 เดือน และหลังจากนั้นก็สามารถทำการรีไฟแนนซ์เพื่อลดดอกเบี้ยได้ ซึ่งหากนาย A ทำเช่นนี้ จะส่งผลให้สามารถผ่อนชำระเหลือเพียงเดือนละ 9,000 บาท
ส่วนสินเชื่อคอนโดฯ ก็สามารถขอพักชำระหนี้ได้ 3 เดือนเช่นเดียวกัน แล้วจากนั้นก็ยังสามารถดำเนินการปล่อยเช่าได้ 5,000 บาทต่อเดือน และขณะเดียวกัน หนี้บัตรเครดิตก็สามารถขอเจรจาผ่อนผันจากการจ่ายเดือนละ 12,000 บาทเหลือ 6,000 บาท โดยจะไม่มีการรูดเพิ่มเติม
จะเห็นได้ว่า เพียงแค่การเข้าไปเจรจากับเจ้าหนี้ บรรทัดสุดท้ายก็มีโอกาสที่จะกลับมาเป็นบวกได้แล้ว โดยนาย A สามารถสร้างกระแสเงินสดกลับมาเป็นบวกได้เดือนละ 11,250 บาท ซึ่งแปลว่าเมื่อเก็บสะสมเงินครบ 3 เดือน จะมีเงินเก็บกลับมา 30,000 บาท และหลังจากนั้น ถึงแม้จะยังติดลบเดือนละ -2,750 บาทอยู่ แต่ก็สามารถนำเงินที่สะสมเอาไว้ดังกล่าวไปจัดการหนี้ได้โดยไม่ต้องกู้วนลูปอีกต่อไป
การปลดหนี้ขั้นตอนที่ 3 : เร่งหารายได้ เพื่อเพิ่มกระแสเงินสด และนำไปจัดการหนี้
ถึงแม้ในกรณีตัวอย่างจะสามารถบริหารกระแสเงินสด จนกลับมาเอาตัวรอดในช่วง 6 เดือนข้างหน้าได้แล้ว แต่ในช่วงเดือน 4 - 6 หลังจากนั้นก็จะยังคงติดลบอยู่ ซึ่งสิ่งที่สามารถทำได้ต่อจากนี้ แนะนำว่าให้เร่งหารายได้เพิ่มเติม เพราะทุกบาททุกสตางค์ที่เพิ่มขึ้น จะเป็นสภาพคล่องที่เราสามารถเอาไปจัดการหนี้ได้ ดังนั้น ยิ่งหาได้เพิ่มก็จะช่วยทำให้สามารถแก้ไขปัญหาหนีได้เร็วยิ่งขึ้น
หลักการในการแก้หนี้ของผู้ป่วยโคม่า คือ ทำอย่างไรให้ชีวิตสามารถเดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ติดลบ และที่สำคัญคือต้องไม่ก่อหนี้เพิ่ม เพื่อให้เราสามารถสะสมเงินได้ จนกระทั่งเริ่มเคลียร์หนี้ได้ทีละน้อย ๆ และเป็นการปลดหนี้ได้ในที่สุด