
"กรุงไทยพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่องทุกปี"
ธนาคารกำหนดแนวทางการพัฒนาบุคลากร โดยพิจารณาถึงแผนยุทธศาสตร์และปัจจัยต่างๆ อาทิ ยุทธศาสตร์ธนาคาร, กลยุทธ์สายงาน, Competency, Job Description, Career Path, Training Need, Training Road Map และ Future Trend โดยแบ่งกลุ่มพนักงานออกเป็น 2 ระดับ คือ ระดับผู้บริหาร และระดับพนักงาน ธนาคารได้ดำเนินการพัฒนาพนักงานอย่างต่อเนื่องทุกปี เพื่อให้สอดคล้องและเชื่อมโยงกับแผนยุทธศาสตร์ และวัตถุประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ของธนาคาร โดยธนาคารมีการพัฒนาทักษะพนักงานใน 3 ด้าน คือ Core Competency, Management Competency และ Technical Competency อาทิ ความรู้ผลิตภัณฑ์ การขาย และการบริการ, สินเชื่อ, การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership) ฯลฯ
ทั้งนี้ ในปี 2563 ธนาคารมีนโยบายที่จะมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรให้สอดคล้องตามแนวทางยุทธศาตร์ 2-Banking Model ที่แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ด้าน คือ

ดังนั้น ธนาคารจึงมีการวิเคราะห์ทบทวนและประเมินสมรรถนะบุคลากร (Competency) ใน 3 ด้านอย่างเป็นระบบ ได้แก่ Core Competency, Leadership Competency และ Technical Competency โดยเฉพาะในเรื่องของ Technical Competency ที่เป็นสมรรถนะที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของพนักงาน ได้มีการเพิ่ม Competency ด้าน Digital ให้สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินงานของธนาคารมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งมีการจัดแบ่งหมวดหมู่ของ Technical Competency ตาม Job Family เพื่อให้สมรรถนะมีความสอดคล้องตามกลุ่มลักษณะงานภายในองค์กร ทำให้สามารถนำไปใช้ประเมินและพัฒนาบุคลากรทั้งในส่วนของ Carrier และ Speed Boat ที่มีความต้องการทักษะ ความรู้ และคุณลักษณะที่แตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม
ธนาคารพัฒนาพนักงานผ่านหลากหลายช่องทาง ทั้งการฝึกอบรมแบบ Classroom Training ทั้งภายในและภายนอกธนาคาร รวมถึง Online Classroom ผ่านระบบ Video Conference, หลักสูตร E-learning และการเผยแพร่ความรู้ผ่านช่องทางต่าง ๆ อาทิ Email และ Digital Signage ทั้งนี้ เพื่อให้กระบวนการพัฒนาบุคลากรและผู้นำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกเหนือจากรูปแบบการอบรมที่กล่าวไปข้างต้น ธนาคารยังได้ออกแบบหลักสูตรและเนื้อหาที่เน้นการเรียนรู้อย่างมีปฏิสัมพันธ์ โดยสอดแทรกเนื้อหาการอบรมเข้ากับกิจกรรมสันทนาการ หรือ การจำลองเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และได้ทดลองฝึกฝนในสถานการณ์จริง อาทิ หลักสูตร Hackathon หลักสูตร Consultative Selling Skill ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าอบรมได้เสนอผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในสถานการณ์จริง หลักสูตร Strategic Planning and Development และ หลักสูตร Coaching เป็นต้น โดยในปี 2564 เวลาเฉลี่ยในการอบรมของพนักงานเท่ากับ 105.46 ชั่วโมง/ต่อคน และธนาคารได้ใช้เงินเพื่อพัฒนาศักยภาพพนักงาน เฉลี่ยต่อคนเท่ากับ 4,960 บาท



นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นบทบาทของหัวหน้างานในการพัฒนาพนักงานผ่านการเรียนรู้แบบ Non-classroom Training อาทิ การโค้ชโดยหัวหน้างาน, การมอบหมายให้ทำงาน Project, การฝึกอบรมในงาน (OJT) และเริ่มติดตามผลของ Non-classroom Training นอกจากนี้ธนาคารยังสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาบุคลากรผ่านการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างบุคลากรภายในธนาคาร (Experience based Training) ซึ่งผู้บริหารระดับสูงมีส่วนร่วมสร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง โดยทำหน้าที่วิทยากรภายใน (Internal Trainer) ถ่ายทอดความรู้ให้พนักงานโดยตรงเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการพัฒนาบุคลากร อีกทั้งยังมีการสร้างวัฒนธรรมการโค้ช (Coaching Culture) ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนาทักษะการโค้ชระดับมืออาชีพตามมาตรฐานสากล เพื่อให้ผู้บริหารสามารถใช้ทักษะการโค้ชในการดึงศักยภาพและสร้างแรงจูงใจในการทำงาน นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสร้างวัฒนธรรมองค์แห่งการเรียนรู้ ธนาคารยังเปิดโอกาสให้พนักงานจากบริษัทในเครือ เข้ารับการอบรมไปพร้อมกับพนักงานภายในธนาคารอีกด้วย
การดำเนินงานด้าน Employee Engagement
ในปี 2564 เพื่อเป็นการยกระดับการดำเนินงานด้านเสริมสร้างความมุ่งมั่นผูกพัน (Employee Engagement) ธนาคารจัดให้มี Employee Engagement Agent จากทุกสายงานของธนาคาร เพื่อร่วมนำผลลัพท์จากการสำรวจฯ ไปใช้ในการเสริมสร้างยกระดับความมุ่งมั่นผูกพันของสายงานอย่างเป็นรูปธรรม รวมถึงจัดโครงการสร้างจิตสำนึกรักและความภาคภูมิใจที่มีต่อธนาคาร สร้างวัฒนธรรมการยกย่องชมเชยผ่านกิจกรรมและ สื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของธนาคาร เช่น กิจกรรมบอกรักกรุงไทย หัวใจสีฟ้ากิจกรรมส่งกำลังใจฝ่าวิกฤต COVID-19 กิจกรรม "จากน้องกรุงไทย ส่งให้พี่เกษียณ“ สื่อ VDO ชุด เพราะพวกเราทุกคนไม่ยอมแพ้... "ขอบคุณนะ" คู่มือ สริมสร้างความมุ่งมั่นผูกพัน เป็นต้น
พร้อมทั้งธนาคารได้สร้างช่องทางการสื่อสารในหลายรูปแบบเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของพนักงาน การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ข้อมูล และการแสดงความคิดเห็น สามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์อันดีทั้งในระดับพนักงาน และระหว่างหน่วยงานทั่วประเทศ
โดยในปี 2564 มีพนักงานให้ความร่วมมือตอบแบบสำรวจมากถึง 98.96%* มีผลสำรวจความมุ่งมั่นผูกพันในภาพรวมธนาคารเท่ากับ 90.80 % ทั้งนี้ คะแนนระหว่างเพศหญิงและเพศชายในปี 2564 และย้อนหลังไปอีก 4 ปี ไม่มีความแตกต่างกัน เป็นไปตามเป้าหมายของธนาคาร
การดำเนินงานด้านอาชีวอนามัย
ธนาคารมีการรายงานผลการดําเนินงานด้านอาชีวอนามัยให้คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการสภาพแวดล้อมเพื่อสวัสดิภาพของพนักงานรับทราบ ซึ่งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการสภาพแวดล้อมฯ มาจากการแต่งตั้งตัวแทนในระดับผู้บริหารจากทุกสายงานของธนาคาร มีหน้าที่ทบทวนกระบวนการบริหารจัดการและแผนงานด้านความปลอดภัยฯ ของธนาคาร รวมทั้งทำหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดการดำเนินงานด้านความปลอดภัยฯ และดำเนินการปรับปรุงด้านความปลอดภัย ตามนโยบายของกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยมีผู้บริหารสายงานทรัพยากรบุคคลและบรรษัทภิบาล เป็นประธานกรรมการ โดยในมติฯ ปี 2564 มีหัวข้อสำคัญ ได้แก่
1. รายงานความคืบหน้าการดําเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทํางานของธนาคาร
1.1 การดําเนินงานตามกฎหมายด้านความปลอดภัยฯ
1.1.1 การอบรมหลักสูตรด้านความปลอดภัยฯ และขึ้นทะเบียนบุคลากรด้านความปลอดภัยฯ
1.1.2 การจัดทําแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยของอาคารต่างๆ ทั่วประเทศ
1.1.3 การฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ
1.2 การสื่อสารและให้ความรู้ด้านความปลอดภัยฯ
2. รายงานผลการดําเนินงานด้านความปลอดภัยฯ (KRUNGTHAI-SSHE) ของธนาคาร ปี 2563
3. รายงานผลสํารวจความคิดเห็นงานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการ ทํางานของธนาคาร ครั้งที่ 1 ปี 2564 3.1 ผลสํารวจความคิดเห็นของพนักงานเกี$ยวกับงานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และ สภาพแวดล้อมในการทํางานของธนาคาร 3.2 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของธนาคาร
4. การดําเนินงานด้านอาชีวอนามัยฯ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19)
1.1 การดําเนินงานตามกฎหมายด้านความปลอดภัยฯ
1.1.1 การอบรมหลักสูตรด้านความปลอดภัยฯ และขึ้นทะเบียนบุคลากรด้านความปลอดภัยฯ
1.1.2 การจัดทําแผนป้องกันและระงับอัคคีภัยของอาคารต่างๆ ทั่วประเทศ
1.1.3 การฝึกซ้อมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ
1.2 การสื่อสารและให้ความรู้ด้านความปลอดภัยฯ
2. รายงานผลการดําเนินงานด้านความปลอดภัยฯ (KRUNGTHAI-SSHE) ของธนาคาร ปี 2563
3. รายงานผลสํารวจความคิดเห็นงานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการ ทํางานของธนาคาร ครั้งที่ 1 ปี 2564 3.1 ผลสํารวจความคิดเห็นของพนักงานเกี$ยวกับงานด้านอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และ สภาพแวดล้อมในการทํางานของธนาคาร 3.2 ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับงานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของธนาคาร
4. การดําเนินงานด้านอาชีวอนามัยฯ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (COVID-19)
นอกจากนี้ บริเวณสถานที่ทำงานของธนาคารยังได้รับการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับความร้อน แสงสว่าง และเสียง การตรวจวัดและประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงานและประเมินคุณภาพอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality) และการตรวจวัดปริมาณความเข้มข้นของสารเคมีอันตรายในบรรยากาศ โดยศูนย์เทคโนโลยีอาชีวอนามัย ความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม สมาคมส่งเสริมความปลอดภัยและอนามัยในการทำงาน (ประเทศไทย) ในพระบรมราชูปถัมภ์
ข้อมูลเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ