รายงานความยั่งยืน

พลิกสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ก้าวนำสู่ NET ZERO

ยกระดับและปรับวิถีการดำเนินธุรกิจคาร์บอนต่ำ พร้อมขับเคลื่อนสู่แนวทางการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด และทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ และบริการที่สร้างความสมดุล และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมขับเคลื่อนประเทศสู่ NET ZERO


การจัดการด้านสิ่งแวดล้อมในกระบวนการดำเนินงานของเรา

ปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาตินับเป็นวิกฤติระดับโลกที่ทุกประเทศกำลังเผชิญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งถือเป็นวาระเร่งด่วน นำมาซึ่งภัยพิบัติทางธรรมชาติและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชนและระบบเศรษฐกิจโดยตรง โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้ทรัพยากรและการปล่อยของเสีย

ธนาคารกรุงไทย สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ด้วยการจัดการความเสี่ยงและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ ธนาคารกำหนดแนวทางบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งมุ่งเน้นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยมลภาวะที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความสมดุลในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบและมุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ธนาคารสามารถประหยัดต้นทุนในการดำเนินงาน ตลอดจนลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่งเสริมให้ธนาคารมีภาพลักษณ์ที่ดีสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่นและยั่งยืน


การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (Operational Eco- Efficiency)

พื้นฐานสำคัญในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม คือการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน เพื่อลดการปล่อยมลพิษและก๊าซเรือนกระจก และลดการใช้พลังงานและทรัพยากร ธนาคารกรุงไทย เล็งเห็นความสำคัญของการใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่า จึงมุ่งเน้นบริหารการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างวัฒนธรรมการใช้ทรัพยากรอย่างรับผิดชอบ ส่งเสริมให้พนักงานตระหนักรู้และมีส่วนร่วมในโครงการและกิจกรรมการจัดการและป้องกันผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจเกิดขึ้นโดยธนาคารมีแนวทางบริหารจัดการทรัพยากรและหลักปฏิบัติ ดังนี้




การบริหารจัดการการใช้พลังงาน

พลังงานนับเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจของธนาคาร ธนาคารมุ่งมั่นปรับปรุงกระบวนการและการบริหารจัดการการใช้พลังงาน กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการพลังงาน เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการใช้พลังงาน มีการติดตามผลการดำเนินงานและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง 

ในปี 2566 ธนาคารได้ดำเนินโครงการเพื่อลดการใช้พลังงานอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยการลดการใช้พลังงานภายในธนาคาร และการสร้างความตระหนักรู้ด้านการจัดการพลังงาน ดังนี้



รายละเอียด

ผลการดำเนินงาน

โครงการเปลี่ยนหลอดไฟ LED

  • ดำเนินการเปลี่ยนหลอดฟลูออเรสเซนต์ในอาคารนานานเหนือ และอาคารสุขุมวิทเป็นหลอด LED จำนวน 18,382 หลอด เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า 786,434.84 kWh ต่อปี
  • ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 393.14 (tonne CO2e) ต่อปี

เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 22,857 ต้น

โครงการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศ

  • วางแผนการเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศโดยเลือกเทคโนโลยีที่ช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2568 จำนวน 2,454 เครื่อง ครอบคลุมทุกสาขาทั่วประเทศ
  • ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า3,724,231.59 kWh
  • ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 5,890.67 (tonne CO2e) ต่อปี

เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 342,481 ต้น

การปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำงานให้เป็น Open Space และ Co-Working Space

  • ปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำงานในสำนักงานใหญ่และอาคารขนาดใหญ่บางส่วนให้เป็น Open Space และ Co-Working Space เพื่อลดการใช้พลังงาน ลดความแออัด เพิ่มความยืดหยุ่น และมีพื้นที่อำนวยความสะดวกให้กับพนักงาน

มีพื้นที่การทำงานแบบ Open Space และ Co-Working Space รองรับพนักงานทั้งสิ้น 1,143 ที่นั่ง


การบริหารทรัพยากรน้ำ

ธนาคารให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำ จึงเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ทั้งในพื้นที่อาคารสำนักงานและพื้นที่โดยรอบสาขา โดยมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำใช้หลังบำบัดก่อนปล่อยออกจากแหล่งน้ำอย่างเคร่งครัดตามข้อกำหนดท้องถิ่นและเกณฑ์มาตรฐานของภาครัฐ และมีการติดตามปริมาณการใช้น้ำ พร้อมรายงานผลไปยังหน่วยงานที่รับผิดขอบ เพื่อดำเนินโครงการลดการใช้น้ำภายในองค์กรในรูปแบบต่าง ๆ

ในปี 2566 ธนาคารได้กำหนดแนวปฏิบัติในการลดการใช้น้ำในองค์กร และได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำใช้และน้ำเสียในอาคารและสำนักงานต่าง ๆ ของธนาคาร รวมถึงได้ประเมินความเสี่ยงทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์น้ำทั่วโลก (Water Risk Assessment) ตามภูมิศาสตร์ที่ตั้งของอาคารสำนักงานและสาขาของธนาคารทั่วประเทศ โดยใช้เครื่องมือวิเคราะห์ AQUEDUCT Version 4.0 ที่พัฒนาโดย World Resources Institute (WRI) โดยมีแนวทางปฏิบัติในการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้

  • เปิดใช้น้ำเท่าที่จำเป็นและปิดก๊อกน้ำทันทีเมื่อเลิกใช้
  • ตรวจสอบการรั่วไหลของระบบน้ำประปาเป็นประจำ
  • สร้างสื่อรณรงค์ให้พนักงานช่วยกันใช้น้ำอย่างประหยัด เช่น ทางอีเมล และป้ายประชาสัมพันธ์บริเวณห้องน้ำและห้องครัว

รายละเอียด

ผลการดำเนินงาน

ดำเนินการรีไซเคิลน้ำหรือนำน้ำมาหมุนเวียนใช้ในองค์กร โดยนำเทคโนโลยีการบำบัดน้ำทิ้ง (ระบบรีไซเคิลน้ำ) ภายในศูนย์ฝึกอบรมของธนาคาร เพื่อปรับปรุงคุณภาพน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ภายในพื้นที่ศูนย์ฝึกอบรมของธนาคาร ช่วยเพิ่มอัตราการรีไซเคิลน้ำ และลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติในกิจกรรมของศูนย์ฝึกอบรม อาทิ การรดน้ำต้นไม้และสนามหญ้า

มีปริมาณน้ำหมุนเวียน 19,274 ลูกบาศก์เมตร


การบริหารจัดการของเสีย

ธนาคารจัดการของเสียตามแนวทาง Zero Waste โดยมีเป้าหมายในการบริหารจัดการของเสียที่เกิดจากกิจกรรมของธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด สอดคล้องกับหลักการเศรษฐกิจหมุุนเวียนและกรอบความยั่งยืนของธนาคารในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ลดผลกระทบที่ธนาคารมีต่อสิ่งแวดล้อม

ในปี 2566 ธนาคารยกระดับการบริหารจัดการของเสีย โดยได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก (Low Emission Support Scheme: LESS) ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ซึ่งมีแนวคิดในการพัฒนารูปแบบการดำเนินการเพื่อสร้างความตระหนักในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และมุ่งเน้นการวางรากฐานด้านการจัดการของเสีย

โดยเริ่มจากการคัดแยกและจัดการขยะ พร้อมทั้งพัฒนาระบบเก็บข้อมูล และติดตามข้อมูลขยะแต่ละประเภท ดำเนินการจัดการขยะรีไซเคิลกับบริษัทภายนอก จัดอบรมเพิ่มความรู้ความเข้าใจ และจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ เพื่อให้พนักงานมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาและผลกระทบของการจัดการของเสีย ส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพนักงานจากต้นทางจนถึงปลายทาง ส่งผลให้การบริหารจัดการของเสียในองค์กรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถหมุนเวียนทรัพยากรนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการของเสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร

ธนาคารได้ดำเนินการโครงการต่าง ๆ ด้านการบริหารจัดการของเสีย และมีการติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธนาคารได้รับรางวัลด้านการบริหารจัดการของเสีย ได้แก่

  • Global Corporate Sustainability Awards (GCSA): Best Practice Award for the Project, สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)
  • ESG Business Awards 2023: Waste Management Award ประเทศสิงคโปร์
  • Sustainability Initiative of the Year: Business Intelligence Group ประเทศสหรัฐอเมริกา

โครงการ

รายละเอียด

โครงการ Waste Management

ธนาคารดำเนินโครงการ Waste Management ภายใต้แนวคิด “Care for the World แยกขยะเพื่อโลก” โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลมาบริหารจัดการขยะ มุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรในการลดของเสียตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง เพื่อลดปริมาณของเสียไปสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ โดยเน้นการวางรากฐานองค์ความรู้ให้พนักงานมีความเข้าใจ สามารถปฏิบัติได้จริง โดยได้ดำเนินการ ดังนี้

  • ติดตั้งถังขยะแยกประเภทในอาคารสำนักงานใหญ่ เพื่อแยกขยะเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ขยะเศษอาหาร และขยะอิเล็กทรอนิกส์
  • จัดอบรมให้ความรู้ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์และคลิปวิดีโอให้กับผู้บริหาร พนักงาน และแม่บ้าน เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจ เน้นการนำไปลงมือปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง
  • เก็บข้อมูลปริมาณขยะเพื่อจัดทำระบบฐานข้อมูลที่ตรวจสอบได้ รวบรวมข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน GEPP
  • นำขยะแต่ละประเภทเข้าสู่กระบวนการจัดการอย่างถูกวิธี เช่น ส่งต่อขยะเศษอาหารให้หน่วยงานกรุงเทพมหานคร โดยธนาคารได้เข้าร่วมโครงการ “ไม่เทรวม” เพื่อส่งให้หน่วยงานในกรุงเทพมหานครดำเนินการทำปุ๋ยหมัก หรือนำเข้าเครื่อง Inno Waste เพื่อแปรรูปเศษอาหารเป็นดิน ส่งต่อขยะรีไซเคิลให้ GEPP Sa-Ard ดิจิทัลแพลตฟอร์มจัดการขยะเพื่อนำไปรีไซเคิล ส่งต่อขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เพื่อกำจัดผ่านแอปพลิเคชัน E-Waste+


นอกเหนือจากการดำเนินการในอาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารได้ดำเนินการจัดทำระบบการจัดเก็บข้อมูลขยะรีไซเคิลและดำเนินการจัดการขยะอย่างเหมาะสมสำหรับสาขาธนาคารทั่วประเทศ

  • แยกประเภทขยะรีไซเคิลภายในธนาคารได้ 44,859.24 กิโลกรัม
  • ลดปริมาณการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้ 202,931.81 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e) ถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยบรรเทาปัญหาสภาวะเรือนกระจกที่ทำให้โลกร้อนขึ้นด้วย

โครงการ 4R For Earth การจัดการขยะในสำนักงาน สายงานเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย ภายใต้โครงการ “Care for the World”

ธนาคารได้ริเริ่ม โครงการคัดแยกขยะในสำนักงาน ภายใต้ Concept 4R For Earth (Rethink Reduce Reuse Recycle) โดยหน่วยงานในสังกัดกลุ่มเครือข่ายภาคใต้ สายงานเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย ได้ดำเนินการคัดแยกขยะในหน่วยงาน ระดับสำนักงานเขต และสาขา ตั้งแต่ เดือน กรกฎาคม 2565 เรื่อยมา จนกระทั่งได้ขยายโครงการฯ ไปสู่ทุกสาขาในสายงานเครือข่ายธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย ในเดือน สิงหาคม 2566 โดยมีกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้

  • กิจกรรมให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการคัดแยกขยะแก่พนักงานในสังกัด
  • กิจกรรม Kick Off เพื่อให้หน่วยงานดำเนินการคัดแยกขยะ และนำส่งรายงานปริมาณขยะ Recycle ที่คัดแยกได้ (กระดาษ และขวดพลาสติก) รายงานเข้าระบบฐานข้อมูล
  • กิจกรรมลดการใช้กระดาษ A4 ในหน่วยงาน การคัดกรองเอกสารตามหลัก PDPA


การดำเนินงานโครงการกลุ่มเครือข่ายภาคใต้ ก.ค. 2565 – ก.ค. 2566

  • รีไซเคิลกระดาษได้ 6,655 กิโลกรัม รีไซเคิลขวดพลาสติกใสได้ 1,814 กิโลกรัม
  • ลดปริมาณการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้ 38,041 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e)


การดำเนินงานโครงการทุกสาขาในสายงานเครือข่าย ส.ค. 2566 – ธ.ค. 2566

  • รีไซเคิลกระดาษได้ 13,136 กิโลกรัม รีไซเคิลขวดพลาสติกใสได้ 4,466 กิโลกรัม
  • ลดปริมาณการเกิดก๊าซเรือนกระจกได้ 79,134 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e)

โครงการกรุงไทยรักสิ่งแวดล้อม

ภายใต้แคมเปญ “กรุงไทย RELIFE เปลี่ยนคืน ฟื้นชีวิต” โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมของพนักงานให้รู้คุณค่าของสิ่งแวดล้อม คืนสิ่งที่ดีที่สุดให้กับธรรมชาติ ช่วยฟื้นฟููพื้นที่่สีเขียวให้กับโลก โดยมีรายละเอียดดังนี้


ติดตั้งตู้คืนขวดพลาสติก (Relife Machine)

ธนาคารได้ติดตั้งตู้คืนขวดพลาสติก (Relife Machine) จำนวน 2 เครื่อง โดยติดตั้งไว้ที่อาคารสำนักงานใหญ่ และสาขากระทรวงการคลัง โดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นตัวกลางให้พนักงาน ลููกค้า และประชาชนทั่วไปมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะและเพิ่มมูลค่าให้ขวดพลาสติก โดยการนำขวดพลาสติกไปผลิตเป็นเส้นใย เพื่อผลิตจีวรพระและเครื่องใช้เครื่องนุ่งห่ม

  • เก็บขวดพลาสติกรีไซเคิลได้ 95,520 ขวด
  • ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก 1,283.75 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e)


ติดตั้งเครื่อง Inno Waste  แปรรูปเศษอาหารให้กลายเป็นดิน

ธนาคารแปรรูปเศษอาหารที่เหลือจากโรงอาหารสำนักงานใหญ่ อาคารนานาเหนือ เพื่อลดปริมาณขยะเศษอาหารสู่กระบวนการฝังกลบให้เป็นศูนย์ ซึ่งขยะเศษอาหารจะก่อให้เกิดก๊าซมีเทนซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญและเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการสะสมพลังงานความร้อนในชั้นบรรยากาศจนเกิดภาวะโลกร้อน และด้วยเทคโนโลยีชีวภาพในเครื่องกำจัดขยะเศษอาหารจะช่วยแปรสภาพเศษอาหารให้กลายเป็นดินนำไปแจกจ่ายให้กับพนักงาน โรงเรียน และชุมชนเพื่อใช้สำหรับบำรุงต้นไม้คืนความสมดุลให้กับระบบนิเวศต่อไป

  • กำจัดเศษอาหารได้ 2,640 กิโลกรัม โดยนำเศษอาหารมาแปรรูปเป็นดินเพื่อใช้ปลูกต้นไม้ได้จำนวน 792 กิโลกรัม
  • ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก 6,679.20 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e)


ติดตั้งตู้ Shredbox ทำลายกระดาษด้วยวิธีการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญในการลดปริมาณการใช้กระดาษ จึงนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานเป็นหลัก และรณรงค์ให้พนักงานพิมพ์เอกสารเท่าที่จำเป็น ใช้กระดาษซ้ำ 2 หน้า ตลอดจนบริหารจัดการกระดาษที่ใช้แล้วเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลบนพื้นฐานความปลอดภัยของข้อมูล โดยการติดตั้งตู้ Shredbox ทำลายกระดาษและว่าจ้างให้บริษัทภายนอก รวบรวมและขนย้ายกระดาษไปย่อยด้วยวิธีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนำเยื่อกระดาษที่ผ่านการย่อยแล้วไปผลิตเป็นกระดาษ Recycle โดยเริ่มดำเนินโครงการ ณ อาคารหน่วยงานสำนักใหญ่ของธนาคาร 5 แห่ง ประกอบด้วย อาคารนานาเหนือ อาคารสุขุมวิท อาคารปทุมวัน อาคารถนนศรีอยุธยา และอาคารวงศ์สว่าง เพื่อให้หน่วยงานสามารถทิ้งกระดาษที่ไม่ใช้งานแล้วในตู้ Shredbox ที่มีการปิดล็อกกุญแจป้องกันข้อมูลรั่วไหลพร้อมนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล

  • มีปริมาณเอกสารทำลายด้วยวิธีการรักษาสิ่งแวดล้อม 18,280 ตัน 
  • ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก 4,751.70 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (kgCO2e)

โครงการลดการใช้กระดาษจากธุรกรรมออนไลน์

จากการที่ธนาคารได้ปรับกระบวนการทำงานให้เป็นรูปแบบดิจิทัล นำระบบ Robotic Process Automation (RPA) หรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามาใช้ในการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพ และลดการใช้ทรัพยากร การให้สินเชื่อผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ในปี 2566 สามารถลดปริมาณการใช้กระดาษได้ประมาณ 32.76 ล้านแผ่น


การบริหารจัดการเพื่อลดก๊าซเรือนกระจก

เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ธนาคารกำหนดหมุดหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขตที่ 1 และ 2) ขั้นต่ำร้อยละ 30 ภายในปี 2573 เทียบกับข้อมูลปีฐาน ในปี 2565 และธนาคารอยู่ระหว่างการดำเนินการกำหนดเป้าหมายระยะกลางและระยะยาว ให้ครอบคลุมกิจกรรมการชดเชย ดูดซับ และกักเก็บก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนการส่งเสริมการเงินอย่างยั่งยืนผ่านการบริหารการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมการลงทุนและการปล่อยสินเชื่อ และการพัฒนาแผนการดำเนินงานในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล

ในปี 2566 ธนาคารได้เปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศ หรือ Task Force on Climate-Related Financial Disclosures (TCFD) ขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อเปิดเผยการดำเนินงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครอบคลุม 4 ด้านตามข้อเสนอแนะของ TCFD ได้แก่ การกำกับดูแล กลยุทธ์ การจัดการความเสี่ยง ตัวชี้วัดและเป้าหมาย พร้อมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการ และการบริหารจัดการการใช้พลังงาน เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม รายละเอียดโครงการต่าง ๆ ดังนี้

รายละเอียด

ผลการดำเนินงาน

Krungthai EV & EV Charging Station

  • ดำเนินการเปลี่ยนรถยนต์ส่วนกลางของธนาคารเป็นรถยนต์ไฟฟ้า ในปี 2566 จำนวน 5 คัน และเพิ่มสถานีชาร์จรถไฟฟ้า
  • ลดการใช้เชื้อเพลิง 4,215.66 ลิตร
  • ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4.94 (tonne CO2e) ต่อปี

เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 288 ต้น

กิจกรรม Car Free Day

  • เชิญชวนพนักงานลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในการเดินทางมาปฏิบัติงาน ส่งเสริมการใช้รถขนส่งสาธารณะหรือเดินทางด้วยกัน เป็นระยะทางรวม 956 กิโลเมตร
  • ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 1.67 (tonne CO2e) ต่อปี

เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 98 ต้น

การติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์

  • ติดตั้ง Solar Powered Field Light สำหรับให้แสงสว่างทางเดินที่คลังจัดเก็บเอกสารราษฎร์บูรณะบ้านบึง และลาดบัวขาว
  • ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2.91 (tonne CO2e) ต่อปี

เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 170 ต้น

  • ธนาคารมีแผนงานในการดำเนินการติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) เพื่อเป็นแหล่งพลังงานสะอาดที่อาคารนานาเหนือ (Head Quarter)
  • ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 128 (tonne CO2e) ต่อปี

เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 7,442 ต้น

  • ติดตั้งแผงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ในสถานที่ที่ใช้พลังงานมาก อาทิ ศูนย์คอมพิวเตอร์บางบัวทอง (Data Center)
  • ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 35.31 (tonne CO2e) ต่อปี

เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 2,053 ต้น

โครงการ Digital Bank & Virtual Bank

  • ปรับประยุกต์การทำงานผ่านแนวทาง Digital Transformation ให้เป็นรูปแบบออนไลน์ (Online Banking) ส่งผลให้ลดปริมาณการใช้กระดาษ และลดการเดินทางของลูกค้า
  • ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 314,530 (tonne CO2e) ต่อปี

เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 18,286,628 ต้น


นอกจากนี้ ธนาคารได้พัฒนาผลิตภัณฑ์บัตรเดบิต Krungthai TranXit ที่ช่วยให้ผู้ถือบัตรสามารถจ่ายค่าโดยสารบริการขนส่งสาธารณะได้ทั้งระบบรถ ราง เรือ ช่วยส่งเสริมให้ลูกค้าลดการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคล ลดการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้กับพนักงาน


ผลการดำเนินงานที่สำคัญด้านสิ่งแวดล้อม

ผลการดำเนินงานที่สำคัญด้านสิ่งแวดล้อมครอบคลุมการดำเนินงานปี พ.ศ. 2563 – พ.ศ. 2566 ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)






Remark

  • The amount of greenhouse gas emissions analyzed according to the GHG Protocol covers greenhouse gas emissions in scope 1, 2 and 3.
  • The amount of greenhouse gas emissions is calculated from the amount of activities (Activity Data) that cause the greenhouse gases multiplied by the Emission Factor, referring to the Thailand Greenhouse Gas Management Organization (Public Organization) and IPCC Sixth Assessment Report.
  • GHG emission intensity is the ratio of greenhouse gas emissions (Scope1 and Scope2) to full-time equivalent (FTE), by using 2022 as the base year.
  • The Report is in accordance with GRI Standards 2021
  • Our assurance operation is based on information regarding KTB's operations and activities in Thailand only.
ดาวน์โหลด
Inno Waste Report (Greenhouse gases reduction from converting food scraps into soil)
Inno Waste Report (Greenhouse gases reduction from converting food scraps into soil)  
(1.11 MB) PDF
Climate-Related Financial Disclosure (TCFD)
Climate-Related Financial Disclosure (TCFD)  
(1.96 MB) PDF
Assurance Statement
Assurance Statement  
(0.12 MB) PDF
ข้อมูลเกี่ยวข้องที่น่าสนใจ