5 ข้อดีและข้อเสียในการทำธุรกรรมออนไลน์ด้วย E-wallet
ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำและการเชื่อมต่อไร้พรมแดน E-Wallet หรือ กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผู้คน จากอดีตที่เราคุ้นเคยกับการพกพาเงินสดหรือบัตรเครดิตพลาสติก สู่ปัจจุบันที่ทุกการใช้จ่ายสามารถทำได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ซึ่ง E-Wallet ได้เข้ามาปฏิวัติวิธีการทำธุรกรรมทางการเงินให้ง่ายดาย สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการทำธุรกรรมออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้งานทุกคน ในบทความนี้เราจะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับระบบ E-Wallet เทคโนโลยีที่จะเข้ามาทำให้ชีวิตการใช้จ่ายของคุณง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส รวมถึงวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียของการทำธุรกรรมออนไลน์อย่างรอบด้าน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจใช้งานได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัย
E-Wallet หรือ E-Payment คืออะไร
E-Payment คือ การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ เป็นระบบที่ช่วยให้เราสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เงินสด มีด้วยกันหลายรูปแบบ เช่น บัตรเครดิตหรือเดบิต การโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร การสแกน QR Code เพื่อชำระเงิน เป็นต้น
ส่วน E-Wallet หรือกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เปรียบเสมือนกระเป๋าเงินดิจิทัลที่เราสามารถเก็บเงินไว้ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และนำไปใช้จ่ายได้ตามร้านค้าที่รองรับ ซึ่งนอกจากจะใช้จ่ายได้แล้ว ยังมักมีฟีเจอร์เสริมอื่นๆ เช่น การสะสมคะแนน รับส่วนลด หรือโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ เข้ามาเพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งข้อดีของการทำธุรกรรมออนไลน์ที่ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้ใช้
ความแตกต่างระหว่าง E-Payment และ E-Wallet
แม้ว่าทั้ง E-Payment และ E-Wallet จะเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางการเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ในหลายประการ เช่น
- ขอบเขตการใช้งาน E-Payment จะครอบคลุมการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ทุกรูปแบบ ในขณะที่ E-Wallet เป็นเพียงส่วนหนึ่งของ E-Payment
- การเก็บเงิน E-Wallet จะมีการเก็บเงินไว้ในระบบ เหมือนกับการมีกระเป๋าเงินดิจิทัล แต่ E-Payment บางประเภท เช่น บัตรเครดิต ไม่จำเป็นต้องมีการเก็บเงินไว้ล่วงหน้า
- รูปแบบการใช้งาน E-Wallet มักใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน แต่ E-Payment อาจมีหลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้บัตรกับเครื่องรูดบัตร หรือการทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์
E-Wallet มีกี่ประเภท?
การชำระเงินออนไลน์ หรือ E-Payment ในปัจจุบันแบ่งออกได้เป็นประเภทหลักๆ 8 ประเภท ได้แก่
1. ระบบ E-Money
เป็นระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ใช้งานสามารถเติมเงินเข้าไปในบัญชีผ่านช่องทางต่างๆ เช่น บัตรเครดิต แอปฯธนาคาร และ เป๋าตังเปย์ (Paotang Pay) กระเป๋าเงินดิจิทัล จากธนาคารกรุงไทย รับโอนเงินเข้าออกได้ โดยข้อดีของการทำธุรกรรมออนไลน์นี้เป็นการรวมการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลครบ จบในที่เดียว ใช้สแกนจ่ายค่าสินค้า บริการ และขึ้นรถไฟฟ้า MRT/SRT ได้ นอกจากนี้ยังมีส่วนลดค่าสินค้าและบริการจากพาร์ทเนอร์แบบสุดคุ้ม
2. บริการเครือข่ายบัตรเครดิต
เป็นการชำระเงินโดยใช้วิธีการส่งข้อมูลการเงินของผู้ใช้ไปยังผู้ให้บริการบัตรเครดิตโดยตรง ยกตัวอย่างเช่น บัตร Play ที่เชื่อมต่อกับบัญชีเป๋าตังเปย์ของ แอปฯ เป๋าตัง สามารถชำระค่าโดยสารกับระบบขนส่งที่เข้าร่วมรายการไม่ว่าจะเป็น BTS หรือ MRT ได้ หรือใครที่เป็นสายช้อปสินค้าออนไลน์ก็ตัดจ่ายได้ง่าย จะใช้จ่ายผ่านเครื่อง EDC Payment ก็สะดวกสุดๆ
3. บริการสวิตช์ชิ่งในการชำระเงิน
ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างสถาบันการเงินต่างๆ เข้าด้วยกัน ช่วยให้การทำธุรกรรมข้ามธนาคารเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว
4. บริการเครือข่าย EDC Network
EDC ย่อมาจาก Electronic Data Capture หรือ ระบบเครือข่ายที่เชื่อมโยงเครื่องรับบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของร้านค้าต่างๆ เข้ากับระบบของธนาคารและผู้ให้บริการบัตรเครดิตหรือเดบิต ข้อดีของการทำธุรกรรมออนไลน์นี้ทำให้ลูกค้าสามารถใช้บัตรเครดิตหรือเดบิตชำระค่าสินค้าและบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็วและปลอดภัย
5. บริการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ผ่านอุปกรณ์ที่รองรับ
เป็นบริการที่ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ ครอบคลุมตั้งแต่การชำระค่าสินค้าและบริการ การโอนเงิน ไปจนถึงการชำระบิลต่างๆ
6. บริการหักบัญชี
บริการที่อนุญาตให้มีการหักเงินจากบัญชีของลูกค้าโดยอัตโนมัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ล่วงหน้า เช่น การหักค่าสาธารณูปโภค ค่าผ่อนชำระ หรือค่าบริการต่างๆ ช่วยให้ลูกค้าไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมจ่ายบิล
7. บริการชำระเงินแทน
บริการที่บุคคลหรือองค์กรสามารถทำการชำระเงินแทนผู้อื่นได้ เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการการชำระเงินให้กับลูกค้าหรือพนักงานจำนวนมาก เช่น การจ่ายเงินเดือนพนักงาน
8. บริการชำระดุล
เป็นระบบที่ช่วยจัดการและคำนวณยอดเงินสุทธิระหว่างสถาบันการเงินหรือผู้ให้บริการชำระเงินต่างๆ หลังจากที่มีการทำธุรกรรมระหว่างกันในแต่ละวัน ช่วยลดความซับซ้อนในการโอนเงินระหว่างกัน โดยคำนวณเฉพาะยอดสุทธิที่ต้องชำระจริง
5 ข้อดีของการทำธุรกรรมออนไลน์ E-wallet
1. สะดวกสบายในการใช้งาน
- ไม่ต้องพกเงินสด
- สามารถชำระเงินค่าสินค้าและบริการได้เพียงแค่มีสมาร์ทโฟน
- สามารถใช้บริการได้ตลอดทุกวัน 24 ชั่วโมง
- เชื่อมต่อกับบัตรเครดิตหรือบัญชีธนาคารได้แบบไร้รอยต่อ เหมือนกับ เป๋าตังเปย์ ที่สามารถผูกกับบัตร Play จ่ายได้ทั้งหน้าร้าน และร้านค้าออนไลน์ เพียงเติมเงินเข้าวอลเล็ตก็ใช้ได้ทันที ไม่ต้องเปิดบัญชีก็ใช้ได้ พร้อมสามารถชำระค่าเดินทางได้ในบัตรเดียว ไม่ว่าจะรถเมล์ รถไฟฟ้า MRT/SRT และทางด่วน
2. มีความปลอดภัยสูง
- ระบบ E-Wallet ในปัจจุบันมีระบบความปลอดภัยที่ดีมากๆ โดยมีทั้งระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน เช่น รหัส PIN, สแกนลายนิ้วมือ หรือสแกนใบหน้า
- เมื่อไม่ต้องพกเงินสดก็หมดกังวลเรื่องเงินสดสูญหาย
3. รู้ทุกการใช้จ่าย
-
มีบันทึกประวัติการทำธุรกรรมแบบอัตโนมัติ
-
สามารถดูรายงานการใช้จ่ายได้แบบเรียลไทม์
-
ช่วยในการวางแผนการเงินและการทำงบการเงินส่วนบุคคล
-
มีการออกใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์สำหรับทุกธุรกรรม
4. ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
-
ไม่ต้องเสียเวลาไปถอนเงินสดที่ตู้ ATM
-
ไม่มีค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างธนาคาร เหมือนกับ เป๋าตังค์เปย์ ที่โอนเงินเข้าวอลเล็ตได้จากทุกธนาคาร หรือจะโอนเงินออกไ
-
บัญชีพร้อมเพย์ และธนาคารต่างๆ ทำได้ทันที ไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอน
-
มีโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสำหรับการชำระเงินผ่าน E-wallet ทำให้เราประหยัดค่าใช้จ่ายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น
5. เข้าสู่สังคมไร้เงินสด ลดการใช้ทรัพยากร
- ลดการใช้กระดาษ อันเนื่องมาจากจากใบเสร็จและเอกสารต่างๆ
- ลดการผลิตธนบัตรและเหรียญ
- สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสด
ข้อเสียของการทำธุรกรรมออนไลน์ E-wallet
อาจจะมีบ้างในบางครั้งที่บริการ E-Payment ของบางธนาคารจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้บริการบางอย่าง หรือในส่วนของระบบหลังบ้านที่จะมีการปิดระบบเพื่อบำรุงรักษาอาจทำให้เกิดความไม่สะดวกบ้างในเวลาที่เราต้องการใช้งาน แต่ก็ต้องบอกว่าการปิดระบบเพื่อบำรุงรักษาระบบ E-Wallet ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้นสบายใจได้เลย อีกทั้งข้อดีของการใช้ E-Wallet ก็มากกว่าข้อเสียอยู่มาก ดังนั้นในอนาคตอันใกล้นี้การใช้ E-Wallet จะแพร่หลายมากขึ้นเรื่อยๆ
การชำระเงินผ่าน E-wallet มีความปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน ?
การชำระเงินผ่าน E-wallet มีความปลอดภัยสูงกว่าการใช้เงินสด ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน ผู้ให้บริการใช้เทคโนโลยีหลายระดับ เช่น การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน และการเข้ารหัสข้อมูล ผู้ให้บริการในไทยต้องได้รับการรับรองจากธนาคารแห่งประเทศไทยและปฏิบัติตามมาตรฐานสากล E-wallet ช่วยลดความเสี่ยงจากการพกเงินสด และสามารถระงับการใช้งานได้ทันทีหากพบความผิดปกติ นวัตกรรมนี้ปฏิวัติวิธีการชำระเงินในยุคดิจิทัล อำนวยความสะดวกให้ผู้คน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ด้วยความสามารถในการทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา
ดังนั้นการทำธุรกรรมออนไลน์ผ่าน E-wallet มีข้อดีมากมาย ไม่เพียงแต่สะดวก ประหยัดเวลา และประหยัดค่าธรรมเนียม แต่ยังรองรับการเติบโตของธุรกิจออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การผสมผสานระหว่างความสะดวกสบายและความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้ E-wallet เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลปัจจุบัน