ปักหมุด 20 ที่เที่ยวอิตาลี เมืองแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ยุโรปที่ใคร ๆ ก็หลงรัก
เตรียมตัวไปเที่ยวอิตาลีด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไปทั้งทีต้องเก็บให้ครบทุกแลนด์มาร์คสำคัญ เพราะอิตาลีเป็นอีกหนึ่งประเทศในยุโรปที่ควรค่าแก่การไปท่องเที่ยว เพราะมีความน่าสนใจทั้งในด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปะ และสถาปัตยกรรม กรุงไทยชวนปักหมุด 20 ที่เที่ยวอิตาลี เมืองแห่งศิลปะและประวัติศาสตร์ยุโรปที่ทุกคนหลงรักให้ไปตามรอยกัน
20 ที่เที่ยวอิตาลี เมืองแห่งศิลปะ ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติที่ห้ามพลาดเด็ดขาด
St. Peter's basilica
เซนต์ ปีเตอร์ส บาซิลิกา หรือมหาวิหารนักบุญเปโตร เป็นหนึ่งในสี่ของมหาวิหารเอกของกรุงโรม มหาวิหารในเขตของนครรัฐวาติกัน สร้างขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 4 ในรูปแบบบาซิลิกา และต่อมาได้มีการสร้างมหาวิหารขึ้นมาใหม่ในแบบเรเนซองส์ที่ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของคริสตจักรโรมันคาทอลิก จุดเช็คอินยอดนิยมคือลานเซนปีเตอร์ที่จะเห็นวิหารและโดมอันโดดเด่น หากเดินเข้าไปภายในวิหารแล้วอย่าพลาดที่จะถ่ายภาพเพดานวิหารที่เป็นศิลปะอันประณีต รวมถึงรูปปั้น Pieta ของ Michelangelo จากนั้นให้ขึ้นไปบนโดมของวิหารจะสามารถถ่ายภาพวิวของนครวาติกันและกรุงโรมได้จากมุมสูงอีกด้วย
พิกัด: https://maps.app.goo.gl/pk7s9bxeebeRxA5M7
ค่าผ่านประตู : ค่าบริการตั๋วเข้าชมพร้อม Audio guide 19.50 ยูโร สำหรับเด็กอายุระหว่าง 7-17 ปี ปี 14.50 ยูโร และฟรีสำหรับเด็กที่มีอายุน้อยกว่า 7 ปี และผู้พิการ
วันเวลา ปิด – เปิด : ตุลาคม - มีนาคมเปิดให้บริการบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 7.00 น. ไปจนถึงเวลา 18.00 น. เมษายน - กันยายน เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7.00 น. ไปจนถึงเวลา 19.00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยใช้รถไฟใต้ดิน metro station line A โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Ottaviano
เว็บไซต์ : www.basilicasanpietro.va
Florence Cathedral
มหาวิหารอันงดงามที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในอิตาลี นับเป็นหนึ่งในผลงานสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก จุดเด่นของมหาวิหารแห่งนี้คือโดมสีส้มขนาดใหญ่และโครงสร้างภายนอกอาคารที่เป็นหินอ่อนสีขาว แต่งด้วยหินสีเขียวและสีชมพูที่ได้รับการตกแต่งด้วยหินแกะสลัก มีหอระฆังสูง 85 เมตรอยู่บริเวณด้านข้าง เมื่อเดินเข้าไปในวิหารอย่าพลาดที่จะแหงนหน้าชมภาพวาดใต้ยอดโดมที่มีภาพ The Last Judgment อันโด่งดังของ Vasari ก่อนจะบันทึกภาพกับหน้าต่างบานสวยที่เป็นงานกระจกหลากหลายสีเป็นที่ระลึก
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/cWGBP4RDaKffEa659
ค่าผ่านประตู : ค่าตั๋วเข้าชมราคา 15 ยูโร โดยตั๋วนั้นรวมทางเข้าวิหาร, โดม , Baptistery, Crypt, Campanile di Giotto และ Museo dell’Opera del Duomo มี Audio guide ให้บริการแต่สำหรับผู้ที่มีหูฟังเท่านั้น หากไม่มีหูฟังจำกัดการเช่าอยู่ที่ผู้ใช้มากกว่า 4 คนต่อ Audio guide 1 อันในราคา 2 – 2.5 ยูโรต่อคน
วันเวลา ปิด – เปิด : เปิดให้บริการทุกวัน โดยวันจันทร์ อังคาร พุธ และวันศุกร์จะเปิดให้บริการในเวลา 10.00 น. - 17.00 น. วันพฤหัสบดี เปิดให้บริการในเวลา 10.00 น. - 15.30 น. วันเสาร์เปิดให้บริการเวลา 10.00 น. - 16.45 น. ส่วนวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเปิดให้บริการในเวลา 13.30 น. - 16.45 น. โดยเวลาเปิดปิดนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่ที่แต่ละช่วงเดือนด้วย
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟหลักของเมืองฟลอเรนซ์ Firenze Santa Maria Novella ที่ตั้งอยู่ที่ Piazza della Stazione สามารถเดินไป Piazza del Duomo ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิหารโดยใช้เวลาประมาณ 15 นาที หรือจะใช้บริการแท็กซี่ก็ได้
เว็บไซต์ : www.duomo.firenze.it
Vatican Museum
สำรวจงานศิลปะจากประติมากรรมคลาสสิกที่มีชื่อเสียงของศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปกรรมกว่า 70,000 ชิ้น จากหอศิลป์และห้องโถงรวมกันมากกว่า 54 ห้อง ทำให้ที่พิพิธภัณฑ์วาติกันเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ผลงานชิ้นสำคัญของที่นี่ คือ รูปปั้นโบราณ Laocoon and His Sons และ Apollo Belvedere สำหรับนักท่องเที่ยวนิยมถ่ายภาพกันที่บันได Spiral Staircase ออกแบบโดย Giuseppe Momo ตั้งแต่ปี คศ.1932 ถือเป็นจุดเช็คอินสำคัญของที่นี่
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/cPfACzeNTeL5aGq28
ค่าผ่านประตู : ค่าตั๋วเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่คือ 17 ยูโร สำหรับเด็กอายุระหว่าง 6 ถึง 18 ปี และนักเรียนนักศึกษาที่แสดงบัตรและมีอายุต่ำกว่า 25 ปี 8 ยูโร และฟรีสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี
วันเวลา ปิด – เปิด : เปิดให้บริการในวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 9.00 น. - 16.00 น. ปิดวันอาทิตย์
การเดินทาง : Metro line A ในการเดินทาง โดยสถานีที่ใกล้คือ Ottaviano และสถานี Cipro หรือจะเลือกเดินทางโดยใช้บัสสาย 49 ซึ่งจะมาจอดที่จตุรัสหน้าพิพิธภัณฑ์ หรือจะเป็นรถรางสาย 19 มาจอดที่ Piazza del Risorgimento
เว็บไซต์ : www.museivaticani.va
Amalfi Coast
สวรรค์ของคนรักทะเลอิตาลี Amalfi Coast มีพื้นที่อยู่ที่อ่าว Salerno บนทะเล Tyrrhenian เป็นเส้นทางเลียบชายฝั่งที่มีความคดเคี้ยวไปตามแนวหน้าผาแคบ ๆ มีวิลล่าน่ารักตั้งตามแนวเชิงเขา นับเป็นฉากหลังที่งดงามในภาพถ่าย นักท่องเที่ยวนิยมมานอนอาบแดดบริเวณชายหาด เล่นกีฬาทางน้ำในฤดูร้อน และเดินช้อปสินค้าที่ระลึก โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์เซรามิคสไตล์อิตาเลียน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/HDfrox2Y64hv9ZhY7
การเดินทาง : การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือการใช้เครื่องบินภายในประเทศบินตรงมาที่สนามบิน Salerno Costa d’Amalfi
Lake Como
ในวันพักผ่อนหลายคนเลือกมาที่ Lake Como ที่รวมเมืองต่าง ๆ ที่อยู่ริมทะเลสาบโคโม่ไว้ มีเอกลักษณ์คือเป็นอาคารสีสันสดใสตั้งอยู่บนเนินเขาหรือเชิงเขาริมหาด กิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ กิจกรรมล่องเรือ ชมความงดงามของธรรมชาติ และเดินเล่นตามตรอกซอกซอย หรือใครที่เป็นสายชิลก็สามารถเช่าจักรยานปั่นชมเมืองสุดน่ารักแห่งนี้ได้ ที่สำคัญคือที่นี่มีเวิร์กช็อปอาหารอิตาเลียนให้ได้ลองฝึกมือกันอีกด้วย จะปั่นจักรยานก็ชิลสุดๆ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/KPr1mSpJ2PDDXEX57
การเดินทาง : สามารถเดินทางโดยเครื่องบินไปลงที่สนามบินมิลานหรือจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Milano Centrale จากนั้นเดินทางต่อด้วยรถไฟจากสถานี Milano Centrale ไปที่สถานี Como San Giovanni ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโคโม่ โดยใช้ระยะเวลาเพียงประมาณ 40 นาที
Milan Cathedral
ณ จัตุรัสใจกลางเมืองมิลานคือที่ตั้งของมหาวิหารมิลาน หรือ Duomo di Milano หนึ่งสถาปัตยกรรมที่มีเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) ศิลปินชื่อก้องโลกเป็นหนึ่งในสถาปนิก ดังนั้นหากมาเที่ยวอิตาลีทั้งทีต้องมาเยือนที่นี่ให้ได้ เพราะ Milan Cathedral เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ใช้เวลาก่อสร้างถึง 579 ปี ความโดดเด่นของ Milan Cathedral อยู่ที่ยอดหลังคา ซึ่งรายล้อมด้วยยอดแหลมถึง 135 ยอด สวยงามแปลกตา บนหลังคาเปิดให้เราขึ้นไปชมทัศนียภาพอันสวยงามของเมืองมิลาน ได้ 360 องศา
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Men8WPe4mtUvGohQ6
ค่าผ่านประตู : ตั๋วเข้าชมมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2 ยูโร ถึง 3 ยูโร โดยตั๋วเข้าชมนั้นจะรวมทั้งในส่วนของ Milan Cathedral, Duomo Museum and San Gottardo in Corte Church
วันเวลา ปิด – เปิด : เปิดให้บริการทุกวัน โดยจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.00 น. ไปจนถึงช่วงเวลา 19.00 น. แต่จำหน่ายตั๋วเข้าชมถึงแค่เวลา 6.00 น. และเปิดให้สามารถเข้าชมได้ถึงช่วงเวลาสุดท้ายคือ 6.10 น. เท่านั้น
การเดินทาง : ใช้รถไฟใต้ดิน Metro มาลงที่สถานี Duomo โดย Metro line 1 และ 3 หรือสามารถสังเกตง่ายๆ โดยใช้ Metro ป้ายเหลืองไปตามทิศทางของ S.Donato และดูป้ายสถานี Duomo
Trevi Fountain
อยากกลับมาเที่ยวอิตาลีอีกครั้งต้องมาที่ Trevi Fountain น้ำพุที่ตั้งอยู่ที่เขตเตรวีในกรุงโรม เป็นน้ำพุที่มีความสูง 25.9 เมตร กว้าง 19.8 เมตร เป็นน้ำพุแบบบาโรกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโรม จุดเด่นของบริเวณน้ำพุแห่งนี้คือรูปปั้นและประติมากรรมที่สวยงาม ทั้งรูปปั้นเทพเนปจูนหรือไททันเทพครึ่งคนครึ่งปลา นักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ นอกจากจะมาถ่ายรูปเป็นระลึกแล้วจะมาโยนเหรียญอธิษฐาน โดยเชื่อว่าหากโยนเหรียญผ่านไหล่ด้านซ้ายและเหรียญหล่นไปใต้น้ำพุเชื่อกันว่าจะได้เดินทางกลับมาที่นี่อีกครั้ง
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/cVHJaYXFiiTUMV996
การเดินทาง : เดินทางได้อย่างสะดวกโดยการใช้รถไฟใต้ดิน Metro line A มาลงที่สถานี Barberini จากนั้นให้มองหาป้ายบอกทางไป Fontana di Trevi แล้วเดินตามป้ายบอกทาง
Leaning Tower of Pisa
เตรียมท่าไปถ่ายรูปกับหอเอนเมืองปิซ่า 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่นี่คือหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ที่มีลักษณะเป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว การเอนของหอแห่งนี้เกิดขึ้นมาจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่มก่อให้เกิดการยุบตัว ที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้นเพื่อไม่ให้เอนหรือล้มลงมา และเป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่างกาลิเลโอได้ทำการทดลองเกี่ยวกับแรงโน้มถ่วงของโลกสำเร็จบนหอคอยแห่งนี้ เป็นที่เที่ยวอิตาลีที่ชวนนักท่องเที่ยวมาทำท่าอิง พิง หรือดันก็ได้รูปคลาสสิกกลับไปแน่นอน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/rFZgkUUTyB3mn1aw5
วันเวลา ปิด – เปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00 - 18.00 น. ยกเว้นวันจันทร์
การเดินทาง : สถานีรถไฟหลักของเมืองคือ Pisa Centrale จากสถานีสามารถใช้รถบัสสาย 3 และ 4 หรือ Shuttle สาย A เพื่อเดินทางไปที่หอระฆัง หรือจะนั่งรถไฟใต้ดินมาลงที่สถานี San Rossore จากสถานีใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีเพื่อไปหอระฆัง
Galleria Vittorio Emanuele II
หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอิตาลี คือ Galleria Vittorio Emanuele II ห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งชื่อตามพระเจ้าวิตโตรีโอ เอมานูเอเลที่ 2 แห่งอิตาลี ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิก Giuseppe Mengoni มีลักษณะเป็นทางเดินอาคารขนาบ 4 ชั้น คลุมด้วยหลังคาทรงโค้งเป็นโดมกระจกขนาดใหญ่ บนพื้นตรงกลางอาคารเป็นจุดสำคัญที่ทุกคนแวะเวียนมาถ่ายภาพ เพราะมีงานโมเสก 4 ชิ้น ทำเป็นตราของเมืองหลวงเก่าของราชอาณาจักรอิตาลี คือ ตูริน ฟลอเรนซ์ มิลาน และ โรมเมืองหลวงปัจจุบันไว้ เดินเล่นจนหิวแล้วหาคาเฟ่สวย ๆ นั่งพักแล้วค่อยช็อปปิ้งที่ร้านค้าไฮแฟชั่นภายในห้างต่อ
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/egFZ6Hv86oNmPwAP7
วันเวลา ปิด – เปิด : เปิดให้บริการทุกวัน การเดินทาง: ใช้รถไฟใต้ดินโดยสถานีที่ใกล้คือสถานี Duomo ซึ่งต้องใช้ Metro line 3 และ Line 1 ซึ่งระยะทางจากสถานีอยู่ห่างจากห้างสรรพสินค้าประมาณ 120 เมตร
Ponte Vecchio
ที่เที่ยวอิตาลีที่ยังคงสมบูรณ์ เพราะสะพาน Ponte Vecchio เป็นสิ่งก่อสร้างเดียวที่ไม่ถูกทำลายล้างด้วยระเบิดของกองทัพนาซี ปัจจุบันเป็นย่านการค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในฟลอเรนซ์ เป็นจุดชมวิวแม่น้ำอาร์โน โดยนักท่องเที่ยวชอบมาถ่ายรูปบริเวณตรงกลางสะพาน เพราะมีรูปปั้นครึ่งตัวของช่างทองที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดของฟลอเรนซ์ อย่างเชลลินี (Cellini) อยู่ ในอดีตคู่รักจะเอาแม่กุญเเจมาคล้องไว้เเล้วทิ้งลูกกุญเเจลงแม่น้ำ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ความรักของทั้งสองเป็นนิรันดร์ เเต่ตอนนี้กลายเป็นข้อห้ามและมีการปรับแล้วหากมาคล้องกุญแจที่นี่
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1BrEoTna31zvHRoe8
การเดินทาง : เดินจากสถานีรถไฟด้วยการเดินเท้าโดยใช้เวลาประมาณ 20 นาที หรือสามารถเลือกใช้การเดินทางด้วยแท็กซี่
Colosseum
อยากได้ภาพที่เที่ยวอิตาลีที่อลังการต้องมาถ่ายภาพที่ Colosseum หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่ตั้งอยู่ใจกลางโรม ที่นี่คือสนามกีฬาโบราณสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซี่ยนแห่งจักรวรรดิโรมัน โดยความโดดเด่นคืออัฒจันทร์รูปวงกลมที่ก่อด้วยอิฐและหินทราย มีความใหญ่โตเป็นอย่างมากเพราะมีเส้นรอบวงประมาณ 527 เมตร ความสูงประมาณ 57 เมตร สามารถบรรจุคนได้มากถึง 50,000 คน มาถึงแล้วต้องถ่ายภาพทั้งด้านในอัฒจันทน์และด้านนอกเพื่อให้เห็น Colosseum สุดยิ่งใหญ่
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/panGmZkVBeRouJER6
ค่าผ่านประตู : ราคาค่าตั๋วเข้าชมประมาณ 12 ยูโร
วันเวลา ปิด – เปิด : เปิดให้บริการทุกวัน โเวลา 8.30 น. - 19.00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟใต้ดินจากสถานี Termini line B มาที่สถานี Piramide ซึ่งอยู่ห่างจาก Colosseum ประมาณ 260 เมตร หรือจะเลือกเดินทางด้วยบัส โดยสถานีบัสที่ใกล้ที่สุดคือ Ostiense/Matteucci ซึ่งอยู่ห่างจาก Colosseum ประมาณ 220 เมตร
เว็บไซต์ : www.colosseo.it
Basilica di Santa Maria Maggiore
Basilica di Santa Maria Maggiore เป็นหนึ่งในสี่ของมหาวิหารเอกของคริสตจักรโรมันคาทอลิคที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในกรุงโรม และยังเป็นมหาวิหารแห่งเดียวในโรมที่ยังคงลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่สร้างเอาไว้ มาถึงที่นี่ต้องเดินสำรวจความงดงามภายในโบสถ์ เยี่ยมชมสุสานของบุคคลสำคัญอย่างสมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 5 และหากอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์เพิ่มเติมอย่าลืมที่เดินเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ที่จัดอยู่ในมหาวิหารอันงดงามแห่งนี้
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/2PpaNC9sQi2xkzZn8
วันเวลา ปิด – เปิด : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 7.00 น. - 19.00 น.
การเดินทาง : เดินทางด้วยการใช้ Metro line B มาลงที่สถานี Cavour แล้วเดินไปไม่ไกลจากสถานี โดยทางเข้ามหาวิหารอยู่ที่ Piazza di Santa Maria Maggiore
เว็บไซต์ : www.basilicasantamariamaggiore.va/it.html
Grand Canal, Venice
สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลีที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งความรักและสายน้ำ คลองแกรนด์คาแนล เสถานที่ท่องเที่ยว Venice ที่มีชื่อเสียง ตัวแม่น้ำมีความยาว 3,800 เมตร โดยมีลักษณะคดเคี้ยวเป็นรูปตัว S ไหลผ่านแลนด์มาร์กสำคัญหลายที่ ได้แก่ พระราชวังปาลัซซี บาร์บาโร่ อาคารพิพิธภัณฑ์ Museo di Storia Naturale di Venezia ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวังเก่า Fondaco dei Turchi โบสถ์ Chiesa di San Geremia รวมไปจนถึง อาคารเก่าแก่ของเวนิสที่มีอายุกว่า 100 ปี ซึ่งได้เรียงรายอย่างสวยงามตามทางแม่น้ำ กิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวคือการล่องเรือกอดโดล่าชมเมืองที่สุดแสนจะโรแมนติกแห่งนี้
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/4v7j8LDo8ZSWR6qt9
การเดินทาง : ใช้รถไฟมาที่สถานีรถไฟซานตาลูเซีย ซึ่งอยู่ติดกับทะเลสาบของต้นทางของคลองหลัก Grand Canal
Pantheon
สัมผัสความอลังการและความยิ่งใหญ่ของ Pantheon เทวสถานศักดิ์สิทธิ์ในกรุงโรมที่มีสถาปัตยกรรมงดงามตั้งแต่ทางเข้าด้านหน้าเป็นมุขเหมือนวิหารกรีก มีเสาหินแกรนิตแบบคอรินเธียนขนาดใหญ่ 8 ต้นตั้งเรียงกัน ส่วนด้านในวิหารนั้นมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอกคล้ายถังน้ำมันขนาดใหญ่ เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของการออกแบบของวิหารแห่งนี้คือออคโลคัส ซึ่งเป็นช่องวงกลมขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 ฟุตที่อยู่บริเวณตรงกลางโดมโค้งมนภายในตัวอาคาร เป็นจุดถ่ายรูปที่แสงอาทิตย์อาบส่องลงมาราวกับมีเวทมนตร์สะกด
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/t23jZZRfWWgKiKbt5
การเดินทาง : ใช้รถไฟใต้ดินในการเดินทางให้เลือก Line A มาที่สถานี Barberini ที่อยู่ห่างจาก Pantheon ไปประมาณ 1.21 กิโลเมตร ส่วนถ้าหากเลือกใช้บัสในการเดินทาง สถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานี Argentina ที่อยู่ห่างจาก Pantheon ไปประมาณ 380 เมตร
St. Mark’s Basilica
มหาวิหารสำคัญแห่งเมืองเวนิส St. Mark’s Basilica มหาวิหารแห่งนี้ผสานศิลปะของหลายยุคไว้ด้วยกัน ตั้งแต่ไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนถึงเรอเนสซองซ์ ห้ามพลาดที่จะเดินสำรวจชมความงดงามแต่ละจุด ตั้งแต่การประดับโมเสกสีทองประดับด้วยหินสีมีค่าครอบคลุมกว่า 4,000 ตารางเมตร จึงได้รับสมญานามว่า Church of Gold ภายในมหาวิหารยังมีแท่นบูชาบรรจุร่างของนักบุญมาร์ค ส่วนด้านหลังของแท่นบูชาคือ ปาลา โดโร เป็นภาพชีวิตของพระเยซูที่ทำด้วยทองคำลงยา 255 แผ่น ตลอดจนภาพเขียนเก่าแก่อื่นๆ หลายภาพที่ประดับด้วยทองคำและอัญมณีล้ำค่ามากมาย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/VjGkMtZMS8khGf3H8
ค่าผ่านประตู : ค่าบริการสำหรับการเข้าชมในส่วนของมหาวิหารนั้นฟรี แต่สำหรับพิพิธภัณฑ์เซนต์มาร์คมีค่าตั๋วเข้าชมประมาณ 5 ยูโร
วันเวลา ปิด – เปิด : วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 9.30 น.- 17.00 น. วันอาทิตย์และวันหยุดนั้น เวลา 14.00 น. - 16.30 น.
การเดินทาง : จากสถานีรถไฟซานตาลูเซีย สามารถเลือกใช้การเดินเท้าไปที่จัตุรัสซันมาร์โกซึ่งเป็นแลนด์มาร์คหลักของเมืองเวนิสหรือจะเลือกเดินไปที่ Grand Canal ที่อยู่ใกล้ๆ เพื่อใช้บริการการขนส่งทางน้ำเพื่อไปยังจัตุรัสซันมาร์โก
เว็บไซต์ : www.basilicasanmarco.it
Tuscany
ทัสคานี คือ พื้นที่ชานเมืองอิตาลีทางตอนเหนือแสนอบอุ่น เป็นต้นกำเนิดของสถาปัตยกรรมยุคเรอเนสซองซ์ที่มีกิมมิคเฉพาะตัวของทัศนียภาพเนินเขาเล็ก ๆ ที่วางตัวกระจัดกระจายทั่วทุ่งหญ้าโล่ง และต้นไซปรัสตั้งต้นสูงเด่นเป็นสง่าบนเนินเขา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของแคว้นแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีเมืองสำคัญ ๆ กระจายตัวอยู่ เช่น เมืองคอร์โทนา เมืองเก่าแก่ ที่สั่งสมอารยธรรมโบราณของชาวอิทรูเรียเอาไว้ โดยสามารถเรียนรู้เพิ่มเติมได้ที่พิพิธภัณฑ์ Museo dell’Accademia Etrusca หรือเมืองเซียนนา ที่ควรเริ่มจากทางเดินตามตรอกซอยเล็ก ๆ ผ่าน Loggia Della Mercanzia ไปจนพบกับ Piazza Del Campo ลานสาธารณะที่เก่าแก่ที่ตั้งของสภาโรมันในอดีต
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/SVuwHDC18Lz3KYhn9
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากโรม มิลาน เวนิส หรือปิซ่า
Monreale Cathedral
โบสถ์มอนเรอาเลแห่งเมืองมอนเรอาเล ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตอนใต้ของเมืองพาเลอร์โมบนเกาะซิซิลี่ ของอิตาลี เป็นโบสถ์โมเสคที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากโบสถ์ Hagia Sophia ของตุรกี ภายในโบสถ์โดดเด่นด้วยการตกแต่งด้วยแผ่นโมเสคทองคำสวยงามอร่ามตา ตลอดทั่วทั้งเพดาน และผนังโบสถ์ จุดเด่นที่สุดภายในโบสถ์คือโมเสครูปพระเยซู ซึ่งประดับเป็นรูปโค้งขนาดใหญ่บนเพดานเหนือแท่นพิธี
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/EKSuALs2UqUm2NXw6
วันเวลา ปิด – เปิด : วันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 09:00 - 12:45, 14:00 - 17:00 น. วันอาทิตย์ เวลา 14:00 - 17:00 น.
การเดินทาง : นั่งรสบัสสาย 389
เว็บไซต์ : www.duomomonreale.com
Spanish Steps
บันไดสเปน บันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป ประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงามด้วยรูปปั้นแกะสลัก และแวดล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมันสุดคลาสสิค เป็นสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางกรุงโรมที่มีชื่อเสียงก้องโลก ซึ่งที่นี่ไม่ได้เป็นเพียงแค่สถานที่สำหรับชมความงดงามของตัวบันไดเท่านั้น แต่ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่รอให้นักท่องเที่ยวไปสัมผัส ทั้งจิบกาแฟที่คาเฟ่เก่าแก่ ช็อปปิ้งร้านแบรนด์ดัง แต่ที่พลาดไม่ได้คือถ่ายภาพตามรอยซีรีส์อย่าง Emily in Paris ที่มีบันไดสเปนเป็นฉากในเรื่องตอน Emily ไปเที่ยวที่โรมอีกด้วย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/uoN8avwBc8Hzm11k6
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟใต้ดินลงสถานี Spagna
Alberobello
อัลเบโรเบลโล หมู่บ้านอายุเก่าแก่กว่า 600 ปี ซึ่งตั้งอยู่ใน แคว้นปูลยาทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี มีความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ บ้านตรูลี บ้านทรงกรวยเป็นเอกลักษณ์ และอนุรักษ์เป็นอย่างดีจนถึงปัจจุบัน จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ. 1996 โดยบ้านบางหลังยังเปิดเป็นเกสเฮ้าส์รองรับนักท่องเที่ยว บ้างก็เปิดเป็นร้านค้าของที่ระลึก บ้างก็เป็นร้านอาหาร บรรยากาศน่ารักราวกับหลุดออกมาจากเทพนิยาย
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Lpx5KEV2dBXPkszc9
Burano
บูราโน คือ เกาะเล็ก ๆ ทางทิศเหนือของเกาะเวนิสไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตรที่ใช้เวลาเที่ยงแค่ครึ่งวันก็รอบเกาะแล้ว จุดเด่นของบูราโนคือบ้านเมืองหลากสีสันที่เดินไปทางไหนก็ถ่ายรูปสวย สามารถแวะชิมอาหารทะเลสด ๆ เพราะที่นี่ในอดีตประกอบอาชีพประมง แวะช็อปปิ้งที่ร้านขายผ้าลูกไม้ตั้งอยู่จำนวนมาก เพราะที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องหัตถกรรมการทำผ้าลูกไม้มาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 จากนั้นเดินเล่นต่อที่หอเอนหรือหอนาฬิกาของโบสถ์ Church of St. Martin ที่มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิกผสมเรเนสซองส์
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/evyV9Lf1pqxoQwsJ6
การเดินทาง : เดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่จากบริเวณ Grand Canal เวนิสมาที่ท่าเรือเฟอร์รี่ของ Burano แล้วเดินเท้าเพื่อชมเมืองได้
จดลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวอิตาลีที่ต้องไปและกิจกรรมที่ต้องทำเมื่อไปเที่ยวอิตาลีแล้ว เตรียมตัวฟิตติ้งเสื้อผ้าหน้าผมไปถ่ายรูปกับทุก ๆ แลนด์มาร์ค แล้วอย่าลืมพกบัตร Krungthai Travel Debit Card บัตรที่นักเดินทางต้องพกติดตัว ด้วยข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับคนชอบเที่ยว
- รับเครดิตเงินคืนจุกๆ 0.1% สูงสุด 5,000 บาท/ปี จากการรูดใช้จ่ายในต่างประเทศ ด้วยสกุลเงินต่างประเทศ สะสมทุกๆ 30,000 บาท/เดือน ไม่จำกัดสิทธิ์ ไม่ต้องลงทะเบียน ตั้งแต่ 19 ก.ย. 67 ถึง 31 ธ.ค. 67 และ รับเครดิตเงินคืน 0.5% สูงสุด 5,000 บาท/ปี ตั้งแต่ 1 ม.ค. 68 ถึง 31 ธ.ค. 68
- แลกเงินไว้พร้อมรับดอกเบี้ยสูงสุด 2.5% ผ่านบัญชี Global Savings กับ 6 สกุลเงิน USD, GBP, EUR, AUD, NZD, CNY
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศที่ดีที่สุด รองรับ 20 สกุลเงิน ได้แก่ AED, AUD, CAD, CHF, CNY, DKK, EUR, GBP, HKD, INR, JPY, KRW, NOK, NZD, SAR, SEK, SGD, TWD, USD และ QAR
- ใช้จ่ายผ่านบัตรไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- สามารถแลกเงินและจัดการบัตรง่าย ๆ ตลอด 24 ชม. ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT
- สิทธิประโยชน์จากร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วโลก ส่วนลดพิเศษ, เครดิตเงินคืน หรือบริการพิเศษ จากร้านค้าชั้นนำที่ธนาคารและ Mastercard Travel Reward คัดสรรมานำเสนอตลอดทั้งปี
- สมัครวันนี้ ยกเว้นค่าธรรมเนียมออกบัตร และรายปี(ปีแรก) รวมมูลค่า 1,000 บาท เมื่อคงสถานะเป็นลูกค้า Krungthai Wealth ของธนาคาร หรือ ลูกค้าเดิมที่ถือบัตรเรียนเชิญ Krungthai Travel Visa Platinum