เรื่องเด่น

ทำความรู้จัก ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร

อัปเดตวันที่ 21 พ.ย. 2566

เปรียบเทียบประกันรถยนต์

เมื่อความเสี่ยงบนท้องถนนสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไม่คาดคิด ส่งผลให้ความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางถนนบานปลาย และกลายเป็นผลกระทบที่เกินกว่าจะรับมือได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้ การทำ “ประกันรถยนต์” คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ขับขี่บนท้องถนน กรุงไทยพร้อมพาคุณมาทำความรู้จักเกี่ยวกับประกันรถยนต์ในแต่ละประเภทมากยิ่งขึ้น รวมถึงการเปรียบเทียบข้อดีของประกันรถยนต์ในแต่ละประเภท เพื่อให้คุณได้เจอประกันรถยนต์ที่ใช่ที่สุดก่อนออกเดินทาง

เตรียมพร้อมก่อน - หลังทำประกันรถยนต์

เราทราบกันดีว่าการทำประกันรถยนต์นั้นเป็นตัวช่วยสำคัญในการแบ่งเบาค่าใช้จ่าย โดยโอนความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ไปยังผู้รับประกันภัย เพราะฉะนั้นมาเสริมความปลอดภัยตลอดการขับขี่ ด้วยการเตรียมความพร้อมก่อนทำประกันรถยนต์

  • รู้จักและเข้าใจประกันรถยนต์ในแต่ละประเภท

    ศึกษาข้อมูลประกันรถยนต์ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ เช่น ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท และดูแลด้านไหนบ้าง? ด้วยความที่ประกันรถยนต์มีหลากหลายรูปแบบให้ได้เลือกสรร และในแต่ละประเภทนั้นก็มีความแตกต่างกันออกไป เพื่อให้ประกันภัยคุ้มครองคุณได้อย่างตรงจุด ควรศึกษาข้อมูลประกันภัยให้ดีก่อนตัดสินใจทำ

  • ศึกษาค่าเบี้ยประกันและเงื่อนไขการคุ้มครองประกันรถยนต์

    รูปแบบประกันภัยในแต่ละประเภทย่อมมีเงื่อนไขและค่าเบี้ยประกันที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละบริษัทผู้ให้ประกันภัย เพราะฉะนั้นการศึกษาข้อมูลส่วนนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญถัดมาที่ไม่ควรละเลย การนำข้อมูลมาเปรียบเทียบความคุ้มค่าของประกันภัยให้ดีเพื่อรักษาสิทธิประโยชน์และตอบโจทย์ความต้องการต่อผู้เอาประกันภัยได้อย่างสูงสุดนั่นเอง เช่น ประกันภัยบางประเภทคุ้มครองเฉพาะเจ้าของรถยนต์, ครอบคลุมค่าซ่อมบำรุง แต่ยกเว้นอะไหล่บางชนิด, ระยะเวลาการเริ่มคุ้มครองเพราะบางบริษัทมีเงื่อนไขต้องผ่อนชำระให้ครบกำหนดก่อนถึงจะเริ่มทำการคุ้มรถยนต์ดังกล่าว เป็นต้น

  • ตามหาบริษัทประกันที่ใช่สำหรับคุณ

    ลำดับต่อมาของการบ้านที่คุณต้องทำก่อนซื้อประกันรถยนต์ คือการตามหาบริษัทประกันภัยที่ใช่ โดยต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน คำนึงถึงความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัย รวมถึงความพร้อมในการให้บริการด้วยเช่นกัน ที่ไม่ว่าเหตุสุดวิสัยจะเกิดขึ้นที่ไหน เมื่อไร ทางบริษัทประกันต้องพร้อมให้การบริการอย่างถึงที่สุด เพราะฉะนั้นก่อนเลือกซื้อประกันรถยนต์ อย่าลืมอ่านรีวิวของบริษัทประกันภัยและนำรีวิวต่าง ๆ ที่ได้เจอมาประกอบการตัดสินใจ เพื่อให้คุณได้เจอกับประกันรถยนต์ที่คุ้มค่าที่สุด

  • เดินทางอย่างมีสติ และอย่าลืมเซฟเบอร์ประกันภัย

    เมื่อเจอประกันภัยที่ใช่แล้ว สิ่งแรกที่ควรทำคือการเก็บกรมธรรม์ให้ใกล้ตัวที่สุดในระหว่างการเดินทาง รวมถึงบันทึกเบอร์ติดต่อของบริษัทประกันภัยในกรณีฉุกเฉินเพื่อให้ทางบริษัทมาได้ทันท่วงที นอกจากนี้ผู้ขับขี่เองก็ต้อง มีสติ ตลอดเวลาที่กำลังใช้รถใช้ถนน หมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์เป็นระยะ และคอยตรวจสอบระยะเวลาการคุ้มครองประกันภัยอย่างสม่ำเสมอ เ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงบนท้องถนนให้ได้มากที่สุด

ประกันรถยนต์ที่ใช่พร้อมเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสม

อีกหนึ่งสิ่งที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจในการเลือกทำประกันรถยนต์ได้อย่างเหมาะสม คือการมองหาเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมกับเรา โดยสามารถปรึกษาหรือสอบถามกับทางบริษัทประกันภัยที่สนใจ ซึ่งจะมีผู้พิจารณารับประกันภัย พิจารณาความเป็นไปได้ของเบี้ยประกันจากแนวโน้มที่ผู้เอาประกันภัยจะมีการเคลมประกัน โดยมีการกำหนดเบี้ยประกันอ้างอิงตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น คะแนนผู้ขับขี่ปลอดภัยและประสบการณ์ขับขี่, วันที่ผลิตและรุ่นของรถยนต์, อายุและเพศของผู้ถือกรมธรรม์, ภูมิลำเนาที่พักอาศัย และความคุ้มครองการประกันรถยนต์ที่คุณเลือก เป็นต้น เพื่อให้ได้เบี้ยประกันที่เหมาะสม เราควรศึกษาข้อมูลประกันภัยจากหลายแหล่งเพื่อนำมาเปรียบเทียบความคุ้มค่าในการทำประกันรถยนต์ให้คุ้มค่าและปลอดภัยที่สุด


ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท? คุ้มครองอะไรบ้าง?


ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท


เมื่อเรารู้แล้วว่ารถยนต์ของเรา รวมถึงตัวเราต้องการลดความเสี่ยงในด้านไหนบ้าง แต่กลับมีประกันภัยมากมายจนทำให้สงสัยได้ว่ารูปแบบประกันภัยประเภทไหนตอบโจทย์การเดินทางในแบบเราที่สุด กรุงไทยพร้อมพาทุกคนมาไขข้อข้องใจ ประกันรถยนต์มีอะไรบ้าง? คุ้มครองอย่างไร เหมาะกับเราหรือไม่ ผ่านบทความนี้ที่จะทำให้คุณกระจ่างได้ใน 5 นาที

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1


    เรียกว่าเป็นประกันภัยยอดนิยมที่นักเดินทางหลายคนยอมจ่าย แม้ราคาเบี้ยประกันต่อปีจะค่อนข้างสูงก็ตาม เพราะความคุ้มครองนั้นครอบคลุมแบบครบวงจร เช่น คุ้มครองด้านความบาดเจ็บ, ความเสียหายต่อตัวรถ, การถูกโจรกรรม, ความเสียหายจากธรรมชาติ รวมถึงค่าใช้จ่ายในการลากจูงรถยนต์ เป็นต้น

    ข้อดี:

    • ให้การคุ้มครองอย่างครอบคลุม ในทุกกรณี
    • รับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของเราและทรัพย์สิน รวมถึงชีวิตและร่างกายของคู่กรณี (ในกรณีที่ผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด)
    • รับผิดชอบในกรณีรถยนต์สูญหายหรือความเสียหายจากธรรมชาติ (ไฟไหม้ หรือ น้ำท่วม เป็นต้น)
    • ครอบคลุมค่าเสียหายของตัวรถยนต์ที่เกิดจากอุบัติเหตุทุกรูปแบบ

    ข้อเสีย:

      ค่าเบี้ยประกันต่อปีสูง
    • ผู้ใช้ที่ควรทำประกันประเภทนี้:
    • รถยนต์คันใหม่
    • ผู้ขับขี่มือใหม่
    • ผู้ที่มีงบประมาณถึงเบี้ยประกันดังกล่าว เพื่อการคุ้มครองได้ครอบคลุมในทุกกรณี

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+


    เมื่อเปรียบเทียบระหว่างประกันรถยนต์ ชั้น 2+กับประกันรถยนต์ชั้น 1 แล้ว ความคุ้มครองที่ได้รับนั้นแทบไม่มีความแตกต่าง ข้อดีอาจอยู่ที่เบี้ยประกันรายปีไม่สูงเท่า และข้อเสียอาจมีบางเงื่อนไขที่ไม่ครอบคลุม เช่น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ใช้สำหรับการคุ้มครองคู่กรณีที่เป็นรถเท่านั้น เป็นต้น หากคุณกำลังมองหาคู่หูการเดินทางบนท้องถนน และมีประวัติการขับรถที่ดี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ อาจเป็นอีกทางเลือกที่ใช่

    ข้อดี:

    • รับผิดชอบทุกอย่างเหมือนประกันชั้น 1
    • เบี้ยประกันต่อปีถูกกว่าประกันชั้น 1
    • รับผิดชอบรถยนต์ของผู้เอาประกันในกรณีชนกับยานพาหนะทางบก

    ข้อเสีย:

    • ไม่คุ้มครองการชนแบบไม่มีคู่กรณี (หากว่าเกิดกรณีชนแล้วหนี ผู้เอาประกันต้องแนบหลักฐานเพิ่มเติมถึงจะทำการเคลมได้)
    • ผู้ใช้ที่ควรทำประกันประเภทนี้:
    • รถยนต์ที่ใช้งานเกิน 7 ปีแต่ไม่เกิน 15 ปี
    • หากผู้ขับขี่มักขับรถชนต้นไม้ หรือข้างทางบ่อย ๆ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ไม่ใช่คำตอบ เพราะประกันภัยประเภทนี้ให้ความคุ้มครองเฉพาะการขับชนแบบมีคู่กรณี

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2


    ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ให้ความคุ้มครองแก่ผู้เอาประกันในส่วนของรถยนต์ไม่ว่าจะเป็นความสูญหาย หรือเหตุไฟไหม้ของตัวรถยนต์ แต่ในด้านชีวิตร่างกาย การบาดเจ็บและทรัพย์สิน ประกันภัยประเภทนี้จะคุ้มครองเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น ประกันประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้เอาประกันที่ขับขี่บนท้องถนนได้อย่างดีในระดับหนึ่ง หรืออาจมีการจอดรถยนต์ในที่เปลี่ยวบ่อยครั้ง

    ข้อดี:

    • คุ้มครองรถยนต์ เช่น รถหาย, ไฟไหม้, ถูกชิงทรัพย์, ถูกปล้นทรัพย์, ถูกยักยอกทรัพย์ เป็นต้น

    ข้อเสีย:

    • ให้การคุ้มครองชีวิตร่างกาย การบาดเจ็บและทรัพย์สินเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น
    • ไม่มีการคุ้มครองในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุและเกิดความเสียหายแก่รถยนต์ เช่น รถยนต์ชนกัน, รถยนต์ชนสิ่งของ หรือไหล่ทาง, รวมถึงการชนแบบไม่มีคู่กรณี
    • ผู้ใช้ที่ควรทำประกันประเภทนี้:
    • ผู้เอาประกันรถยนต์มีความชำนาญในการขับขี่แล้วระดับหนึ่ง
    • ผู้เอาประกันรถยนต์ใช้รถยนต์ไม่บ่อย

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+


    สำหรับประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ เป็นประกันภัยที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายของรถผู้เอาประกันในกรณีอุบัติเหตุรถยนต์ชนรถยนต์เท่านั้น ซึ่งจะไม่คุ้มครองค่าความเสียหายในกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม ถูกโจรกรรมหรือสูญหาย หากรถยนต์ของคุณนั้นไม่ค่อยได้ใช้งาน หรือมีอายุมากกว่า 10 ปี ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ อาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด

    ข้อดี:

    • ราคาเบี้ยประกันถูก คุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของคู่กรณีเท่านั้น

    ข้อเสีย:

    • รับผิดชอบเฉพาะของคู่กรณี ในกรณีฝั่งเราเป็นฝ่ายผิด
    • ไม่รับผิดชอบความเสียหายของรถยนต์
    • ไม่คุ้มครองรถยนต์ ในกรณีที่เกิดเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม ถูกโจรกรรม หรือสูญหาย
    • ผู้ใช้ที่ควรทำประกันประเภทนี้:
    • ผู้เอาประกันที่ใช้รถยนต์น้อย
    • รถยนต์ที่มีอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไป
    • รถที่จอดในที่ปลอดภัย
    • ผู้เอาประกันเป็นผู้ขับขี่ที่ชำนาญแล้ว
    • รถยนต์ไม่ได้ติดแก๊ส
    • ต้องการประกันภัยที่จ่ายเบี้ยน้อย

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3


    นับเป็นประกันภัยระดับพื้นฐานที่ให้ความคุ้มครองเฉพาะทรัพย์สินของคู่กรณีเมื่อเกิดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยให้ความคุ้มครองเฉพาะชีวิตร่างกาย และทรัพย์สินของคู่กรณีเท่านั้น เมื่อผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิด ซึ่งการคุ้มครองนั้นจะไม่เกินวงเงินที่ได้ทำสัญญากับบริษัทประกันภัยรถยนต์ไว้ เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าชดเชยรายได้สำหรับผู้บาดเจ็บ หรือค่าใช้จ่ายในการสู้คดี เป็นต้น

    ข้อดี:

    • คุ้มครองเฉพาะรถยนต์ของคู่กรณี รถคู่กรณีได้รับความเสียหายบริษัทประกันจะทำการชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้นตามจริงแทนเจ้าของรถ เช่น รับผิดชอบค่าซ่อมรถเฉพาะรถคู่กรณีเท่านั้น

    ข้อเสีย:

    • ไม่มีการคุ้มครองเจ้าของรถยนต์ ในทุกกรณี ไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุลักษณะใดก็ตาม
    • ผู้ใช้ที่ควรทำประกันประเภทนี้:
    • ผู้เอาประกันที่มีรถยนต์หลายคัน
    • ผู้เอาประกันที่ไม่ค่อยใช้รถยนต์หรือใช้น้อยมาก
    • รถยนต์จอดอยู่ในสถานที่ปลอดภัย ไม่มีความเสี่ยงในการเกิดเหตุรถหาย หรือไฟไหม้

รวมแหล่งทำประกันรถยนต์ เชื่อถือได้ ปลอดภัยทั้งก่อนซื้อและหลังซื้อ

ได้รู้และเข้าใจกันไปแล้วว่าประกันรถยนต์มีกี่ประเภท รวมถึงแผนการคุ้มครองต่าง ๆ ที่เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจให้กับคุณเลือกรูปแบบประกันภัยได้ง่ายยิ่งขึ้น พอมาถึงตรงนี้แล้วอาจทำให้คุณฉุดคิดได้ว่าการเลือกทำประกันภัยนั้นมีรายละเอียดที่ซับซ้อนไม่น้อย แล้วอะไรจะเครื่องการันตีได้ว่าการตัดสินใจซื้อแผนการคุ้มครองประกันรถยนต์ครั้งนี้จะได้รับการคุ้มครองอย่างครอบคลุมและปลอดภัย


ประกันรถยนต์มีอะไรบ้าง


กรุงไทยพร้อมเป็นเพื่อนร่วมเดินทางในทุกเส้นทางของคุณ กับประกันภัยรถยนต์กว่า 10 รูปแบบการคุ้มครองที่ครอบคลุม ครบครัน ทั้งความเสียหายและอุบัติเหตุ ให้คุณได้เลือกสรรตามไลฟ์สไตล์ที่ใช่ และตอบโจทย์ทุกการเดินทางในรูปแบบของคุณ


ทริคการทำประกันรถยนต์ให้จ่ายเบี้ยประกันภัยได้อย่างคุ้มค่า


ขอปิดท้ายให้นักเดินทางบนท้องถนนทุกท่าน กับทริคการลดเบี้ยประกันรถยนต์ให้คุณได้คุ้มยิ่งกว่าคุ้มกับ 5 วิธีแสนง่ายช่วยลดเบี้ยประกัน แถมยังได้รับการคุ้มครองแบบครอบคลุมอีกด้วย

  1. มีประวัติการเคลมดี


    ประวัติการเคลมจะเป็นตัวช่วยในการลดค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปได้ ในส่วนนี้เป็นข้อบังคับจากทาง คปภ.โดยระบุไว้ว่าหากผู้เอาประกันไม่มีประวัติการเคลม หรือไม่มีอุบัติเหตุเลยทั้งปี จะได้รับสิทธิ์ส่วนลดค่าเบี้ยประกันรถยนต์ถูกที่สุดจากบริษัทมากถึง 50% เลยทีเดียว

  2. ติดกล้องหน้ารถยนต์


    อีกหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยลดค่าเบี้ยประกันลงได้มากถึง 10% ส่วนนี้ทาง คปภ. บังคับใช้ตั้งแต่ 3 มีนาคม 2560 เพราะการติดกล้องหน้ารถยนต์ถือเป็นพยานชิ้นสำคัญที่ช่วยระบุได้ว่าอุบัติเหตุนั้น ๆ ผู้ใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด หากใครยังไม่มีต้องรีบตามหามาติดรถแล้ว

  3. สถานที่การซ่อมบำรุง


    สถานที่การซ่อมบำรุงก็นับเป็นคะแนนที่บริษัทประกันภัยนำมาพิจารณาด้วยเช่นกัน ทางบริษัทประกันให้คุณเลือกซ่อมบำรุงได้ตามความต้องการระหว่างได้ซ่อมศูนย์ หรือซ่อมอู่ ซึ่งความแตกต่างนั้นจะอยู่ที่ค่าใช้จ่ายจากการซ่อมและแน่นอนว่าซ่อมศูนย์ค่าใช้จ่ายจะสูงกว่า (ค่าอะไหล่ และค่าบริการต่าง ๆ ) หากคุณเลือกซ่อมอู่ในเครือประกันจะได้รับความสะดวกในการดำเนินการมากกว่า และยังเพิ่มโอกาสในการได้รับส่วนลดของเบี้ยประกันด้วยเช่นกัน

  4. ชื่อผู้ขับขี่ในกรณีที่มีคนขับไม่เกิน 2 คน


    ทริคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวไม่มีการให้ผู้อื่นยืมใช้ คุณสามารถระบุคนขับลงในกรมธรรม์กับทางบริษัทประกันได้เลย โดยส่วนมากทางประกันภัยจะมอบส่วนลดให้มากถึง 20% ตามประสบการณ์และอายุของผู้ขับขี่

  5. กำหนดค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible)


    ส่วนนี้จะเป็นค่าเสียหายที่มีการกำหนดว่าจะจ่ายเองในส่วนแรกหากมีการเคลมเกิดขึ้น ซึ่งยอดนี้สามารถนำไปลดเบี้ยประกันได้ โดยทาง คปภ.มีการกำหนดไว้ไม่เกิน 5,000 บาท และมีโอกาสรับส่วนลดค่าเบี้ย 30% สำหรับเบี้ยประกันปีถัดไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข ในกรมธรรม์ประกันภัย

เพื่อให้ทุกการเดินทางของคุณราบรื่น การขับขี่อย่างมีสติจะช่วยให้คุณถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มความอุ่นใจตลอดทุกการเดินทาง เพียงทำประกันรถยนต์ให้ตรงไลฟ์สไตล์การขับขี่ ไม่ประมาท ลดความเสี่ยง ไร้กังวลในทุกเส้นทาง

หากคุณสนใจทำประกันรถยนต์ แต่ยังเลือกแบบแผนคุ้มครองประกันภัยไม่ได้ กรุงไทยพร้อมเป็นเพื่อนร่วมทาง ที่จะแนะนำรูปแบบประกันรถยนต์ประเภทต่าง ๆ พร้อมเปรียบเทียบความคุ้มค่า ในทุกการคุ้มครองของประกันภัยให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณอย่างถึงที่สุด หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.krungthai.com

ทำความรู้จัก ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท แตกต่างกันอย่างไร | ธนาคารกรุงไทย ข้อควรรู้เพื่อเปรียบเทียบประกันรถยนต์ ประกันรถยนต์มีอะไรบ้าง ประกันรถยนต์มีกี่ประเภท คุ้มครองอะไร และประกันแบบไหนที่คุ้มค่า