เรียนรู้การเงิน

5 เทคนิควางแผนเก็บเงินซื้อบ้านและคอนโดสำหรับมือใหม่

อัปเดตวันที่ 18 ธ.ค. 2563

       อีกไม่กี่วันก็จะถึงสิ้นปีแล้ว... ทุกคนมีเป้าหมายหรือสิ่งที่ต้องการทำให้สำเร็จในปีหน้าเป็นอะไรกันบ้าง? ถ้าหนึ่งในนั้นคือการวางแผนซื้อบ้านหรือคอนโดหลังแรกในชีวิต แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นยังไงดี เรามีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับ“5 เทคนิคเก็บเงินซื้อบ้าน/คอนโดหลังแรกสำหรับมือใหม่” มาฝากกันอีกเช่นเคย สำหรับใครที่ยังไม่ได้วางแผนซื้อบ้านเร็ว ๆ นี้ก็ดูไว้เป็นแนวทางก่อนก็ได้ แล้วคุณจะรู้ว่า ฝันใหญ่แค่ไหนก็ไม่ไกลเกินเอื้อม

1. เก็บเงินซื้อบ้านก้อนแรกสำหรับดาวน์บ้าน 20%

5 เทคนิควางแผนเก็บเงินซื้อบ้านและคอนโดสำหรับมือใหม่

ในการวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านสักหลังหรือคอนโดสักห้องนั้น ส่วนใหญ่จะซื้อแบบเงินผ่อน แต่ก่อนจะซื้อเราต้องไม่ลืมเก็บเงินซื้อบ้านก้อนแรกสำหรับเงินดาวน์ นอกจากนั้น ยังมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ เช่น ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่านายหน้า ค่าจดจำนอง เป็นต้น การวางแผนเก็บเงินซื้อบ้าน จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เมื่อประเมินคร่าว ๆ ควรมีอย่างน้อย 20% ของราคาบ้าน คราวนี้มาดูเป้าหมายของตนเองว่าต้องการวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านหลังแรกให้ได้ภายในกี่ปี เช่น นายประหยัด ต้องการวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านหลังละ 2,500,000 บาท ภายใน 5 ปี (2,500,000x20% = 500,000 บาท) เท่ากับว่าภายในระยะเวลา 5 ปีนั้น นายประหยัดต้องมีเงินเก็บมากถึง 500,000 บาทเลยทีเดียว

2. เงินเข้าปุ๊บ ออมทันที อย่าใช้ก่อนแล้วค่อยออมเงิน

เมื่อรู้ว่าต้องมีเงินเท่าไรสำหรับเงินดาวน์และค่าเดินเรื่องซื้อขายต่าง ๆ ก้อนแรกแล้ว ทีนี้มาดูวิธีเก็บเงินซื้อบ้านเพื่อพิชิตเป้าหมายกันบ้าง สำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้แน่นอนทุกเดือน อาจเลือกใช้วิธีตัดเงินเดือนเข้าบัญชีเงินออมแบบอัตโนมัติทันที เพื่อไม่ให้เราเผลอใช้จนลืมเก็บไปซะก่อน ขอยกตัวอย่างจากข้อก่อนหน้านี้ที่ต้องมีเงินดาวน์ 500,000 บาทนั้น หากต้องการเก็บเงินซื้อบ้านในจำนวนเท่ากันทุกเดือน สามารถคำนวณได้ดังนี้ 500,000 บาท / (12 เดือน x 5 ปี) ก็จะได้ประมาณ 8,400 บาทนั่นเอง ส่วนฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ไม่เท่ากันทุกเดือน อาจต้องเพิ่มวินัยทางการเงินสักหน่อย หรือเดือนไหนมีรายได้เข้ามาเยอะก็พยายามเก็บให้ได้มากที่สุด

3.  ฝึกความอดทนขั้นสูง ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง

เก็บเงินซื้อบ้าน วางแผนซื้อบ้าน ด้วยการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

ไม่ใช่แค่มีเงินดาวน์ครบแล้วจะใช้จ่ายอย่างไรก็ได้ ต้องไม่ลืมว่ายังมีค่าผ่อนรายเดือน อัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ไหนจะค่าประกัน ค่านิติบุคคล ค่าส่วนกลาง หรือตกแต่งบ้านตามสไตล์ที่ชอบอีก ซึ่งกว่าจะหมดต้องใช้เวลาอย่างต่ำ 10 ปีแน่นอน เพราะฉะนั้น เราต้องระวังเรื่องการใช้จ่ายให้มากขึ้น ชอปปิงอย่างมีสติ ไม่สร้างภาระให้ตัวเองต้องลำบากในภายหลัง ในกรณีที่มีหนี้สินค้างอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้ผ่อนชำระสินค้า หรือหนี้รถยนต์ ควรจัดการให้เรียบร้อยก่อน เพื่อให้เรามีกำลังผ่อนบ้านได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้ก้อนอื่นเลย ซึ่งเราขอแนะนำว่าควรเผื่อเงินสำหรับค่าใช้จ่ายในส่วนนี้อย่างน้อย 25-30% ของเงินเดือน

4. เลือกสินเชื่อบ้านที่ดีและเหมาะกับตัวเองที่สุด

อีกเรื่องที่สำคัญสำหรับคนที่กำลังวางแผนซื้อบ้าน คือสินเชื่อบ้าน* หลายคนมักเลือกกู้สร้างบ้านด้วยสินเชื่อบ้าน* กับสถาบันการเงินที่มีข้อเสนอที่ดีที่สุด พิจารณาได้จากอัตราดอกเบี้ย แต่ต้องดูในภาพรวมด้วยว่าเหมาะสมกับระยะเวลาผ่อนชำระหรือไม่ ไม่ใช่ดูแค่ว่าดอกเบี้ยในปีแรกต่ำเท่านั้น โดยแบ่งเป็นประเภทอัตราดอกเบี้ยคงที่ หมายถึงดอกเบี้ยที่ต้องชำระในช่วง 1-5 ปีแรกจะยังคงที่ และค่อยปรับเป็นแบบลอยตัวตามเงื่อนไขที่สถาบันการเงินกำหนด อีกประเภทหนึ่งคืออัตราดอกเบี้ยที่ลอยตัว หมายถึงจำนวนดอกเบี้ยที่ต้องชำระคงที่ในช่วงแรกเท่านั้น จากนั้นจะปรับขึ้นลงตามสถานการณ์ตลาดเงิน สถาบันการเงิน ซึ่งเราจะไม่รู้เลยว่าแต่ละปีจะปรับเท่าไร ซึ่งบางปีอาจปรับขึ้นสูง และอย่าลืมว่าอัตราดอกเบี้ยบ้านของบ้านใหม่กับบ้านมือสองก็ไม่เท่ากัน นอกจากนี้ ต้องดูค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ จดจำนอง ไถ่ถอนจำนอง ค่าประเมินมูลค่าประกัน ฯลฯ

(ที่มา :  https://bit.ly/2WjHMNy)

วางแผนซื้อบ้าน เลือกสินเชื่อบ้านที่ดีและเหมาะกับตัวเองที่สุด

5. มองหาโปรโมชันที่คุ้มค่าเพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย

เพราะบ้านหรือคอนโดเป็นทรัพย์สินชิ้นใหญ่ที่มีราคาสูงและใช้เวลาผ่อนชำระเป็นเวลานาน แต่จะวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านหรือคอนโดอย่างไรให้ถูกและดี? สำหรับการวางแผนซื้อบ้าน หนึ่งในนั้นคือการมองหาโปรโมชันที่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย ส่งผลให้เศรษฐกิจซบเซา นับเป็นเวลาทองที่เราจะซื้อได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม เพราะธุรกิจอสังหาฯ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก บางโครงการจึงทยอยจัดโปรฯ สุดคุ้มเพื่อดึงดูดลูกค้า เช่น อยู่ฟรี 2 ปี ลดราคาลงเกือบครึ่ง แถมเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลัง ฯลฯ ส่วนบ้านหรือคอนโดมือสอง เราอาจใช้จังหวะนี้ต่อราคาได้เยอะขึ้นอีกด้วย

       เชื่อว่าทุกคนอยากมีบ้านหรือคอนโดเป็นของตัวเองอยู่แล้ว แต่การวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านก็เหมือนเป็นการลงทุนในระยะยาว เราต้องเก็บเงินซื้อบ้านและวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ มีวินัยทางการเงิน ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ที่สำคัญควรวางแผนเก็บเงินซื้อบ้านที่เรามีกำลังผ่อนไหว และอย่าลืมประกันบ้าน เพื่อไม่ให้เป็นภาระเกินตัวจนเราผ่อนบ้านอย่างไม่มีความสุข

เก็บเงินซื้อบ้าน วางแผนซื้อบ้าน ด้วยสินเชื่อบ้านกรุงไทย และประกันบ้าน

สินเชื่อบ้านกรุงไทย* อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ฟรี ค่าธรรมเนียมยื่นกู้

  • สำหรับซื้อที่อยู่อาศัยใหม่
  • สำหรับซื้อที่อยู่อาศัยมือสอง / กู้สร้างบ้าน
  • วงเงินกู้สูงสุด 100%

เงื่อนไขอื่น ๆ เป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด


กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว

อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 1.67% ต่อปี ถึง MLR -0.75% ต่อปี | อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) อยู่ระหว่าง 5.29% - 5.47% ต่อปี โดยคำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท อายุสัญญา 20 ปี ผ่อนชำระ 7,700 บาท/เดือน | MLR = 7.05% ต่อปี (ณ วันที่ 20 พ.ย. 66) | อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ | เงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด