7 วิธีคิดแบบคนรวย
คุณเคยมีความรู้สึกนี้หรือเปล่า… ลองมาหมดแล้วทุกวิถีทาง แต่ทำยังไงก็ไม่รวยสักที?
ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย เก็บเงิน หรือลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายแล้วก็ตาม พอมาตรวจสุขภาพทางการเงินอีกที กลับพบว่าเราไม่ได้รวยขึ้นเลย แล้วอย่างนี้จะก้าวสู่การเป็นเศรษฐีอย่างที่ฝันได้อย่างไร หรือที่เป็นแบบนี้เพราะเราไม่รู้จัก “ปัจจัย 7 ประการแห่งความมั่งคั่ง”
ปัจจัย 7 ประการแห่งความมั่งคั่ง (The 7 Factors of Wealth) เป็นการถอดบทเรียนของ Thomas J. Stanley, Ph.D. และ William D. Danko, Ph.D. ผู้เขียนหนังสือขายดีระดับโลก ติดอันดับ A New York Times Best Seller อย่าง เศรษฐีข้างบ้าน (The Millionaire Next Door : The Surprising Secrets of America's Wealthy) ที่ได้จากการสัมภาษณ์ผู้ที่มีความั่งคั่งทั่วอเมริกาถึงความลับอันน่าทึ่งของการมีเงินมากกว่าล้านดอลลาร์ ขอบอกว่าเทคนิคแต่ละอย่างนั้นง่ายและใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ซึ่งคำพูดจากปากเหล่าเศรษฐีตัวจริงทั้งหลายจะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย
1. ใช้จ่ายให้น้อยกว่าที่หามาได้
ทุ่มเททำงานมาแสนเหนื่อยยาก ได้เงินมาทั้งทีก็ขอใช้แบบจัดหนักจัดเต็มกันเหนื่อย แต่เชื่อไหมว่า ความคิดเหล่านี้ไม่เคยอยู่ในหัวของเหล่าเศรษฐีเลย เพราะพวกเขาจะเลือกใช้จ่ายอย่างประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือย และต้องน้อยกว่ารายได้เสมอ ทำให้พวกเขาไม่เคยประสบปัญหาเงินไม่พอใช้จนต้องกู้หนี้ยืมสินเลยสักครั้ง
2. ความมั่งคั่งเกิดจากการจัดสรรเวลา พลังงาน และเงินให้มีประสิทธิภาพที่สุด
นักรบที่ชนะในศึกสงครามย่อมเกิดจากการวางแผนการรบมาเป็นอย่างดี บรรดาเศรษฐีเหล่านี้ก็เช่นกัน พวกเขาจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่มีประโยชน์กับชีวิต ก่อนจะทำอะไร พวกเขาจะวางแผนอย่างละเอียด ไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ด้วยการจัดสรรเวลา พลังงาน และเงินไปกับสิ่งที่จำเป็นและคุ้มค่ากับตัวเองมากที่สุด เพราะจะเป็นโอกาสสำคัญเพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคตได้นั่นเอง
เลือกออมเงินเพื่อเพิ่มความมั่งคั่ง กับเงินฝาก NEXT Savings ดอกเบี้ยสูงสุด 1.5% ต่อปี* เพียงเปิดบัญชีธนาคารออนไลน์ผ่านแอปฯ Krungthai NEXT
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารฯ กำหนด
3. การแสดงสถานะทางสังคมไม่สำคัญเท่าอิสรภาพทางการเงิน
แม้จะหารายได้ได้เป็นกอบเป็นกำ มีเงินมากมายจนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างหรูหรา กินอาหารมื้อแพง ซื้อของแบรนด์เนมรุ่น Limited Edition หรือขับรถยนต์หรูราคาหลักสิบล้านได้โดยไม่ลำบาก แต่เหล่าเศรษฐีที่ 2 นักเขียนเข้าไปพูดคุยด้วยกลับไม่คิดอย่างนั้น พวกเขามองว่านั่นคือพฤติกรรมที่แสดงถึงสถานะทางสังคมชั้นสูงเท่านั้น แถมยังเป็นการใช้จ่ายโดยเปล่าประโยชน์ ซึ่งจะส่งผลต่อการสูญเสียอิสรภาพทางการเงินได้ในระยะยาว
4. ไม่ตามใจลูกจนเคยตัว ให้เงินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ไม่ใช่ลูกเศรษฐีทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่ หรูหรา แม้มีเงินมหาศาลแต่พวกเขาจะไม่ตามใจลูกจนเสียนิสัย โดยจะให้เงินลูกในจำนวนที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป เพื่อปลูกฝังนิสัยการใช้เงินอย่างคุ้มค่าและไม่เกินตัว หรือเปิดบัญชีให้ลูกเพื่อปลูกฝังนิสัยการออมตั้งแต่เด็กนั่นเอง
5. สอนให้ลูกเห็นคุณค่าของเงินและอยู่ได้ด้วยตนเอง
ต่อยอดจากข้อไม่ตามใจลูกจนเคยตัวและให้เงินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งนั่นทำให้ลูกเห็นคุณค่าของเงิน ก่อนซื้อของสักชิ้นต้องคิดอย่างรอบคอบว่าเราอยากได้จริงไหม ของชิ้นนี้จำเป็นกับเราหรือเปล่า หรือถ้าอยากได้ของชิ้นไหนมาก ๆ หรือมีความจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน เศรษฐีกลุ่มนี้จะสอนลูก ๆ ของตนให้รู้จักเก็บออม หรือหาเงินเพิ่มด้วยตนเองก่อนขอจากพ่อแม่ ทีนี้เขาก็รู้จักพึ่งตนเองก่อนขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ซึ่งพฤติกรรมนี้ส่งผลดีต่อต่อลูก ๆ ในอนาคตแน่นอน
เริ่มต้นลงทุน เพื่อสร้างวินัยในการออม รวมถึงยังสามารถทยอยลงทุนได้ตามความสามารถ กับการลงทุนแบบ DCA โครงการ Wealth+ รายละเอียด คลิก
ผู้ลงทุนต้องศึกษาข้อมูลของกองทุนรวม ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน นโยบายการลงทุน ความเสี่ยง และผลการดำเนินงานของกองทุนรวมที่เปิดเผยไว้ในแหล่งต่างๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน ศึกษารายละเอียดหรือขอหนังสือชี้ชวนที่ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา
6. หมั่นมองหาโอกาสทางธุรกิจอยู่เสมอ
ในบรรดานักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักมุ่งหน้าแก้ปัญหาให้ลูกค้าพึงพอใจที่สุด เมื่อปัญหาคลี่คลาย ลูกค้าจะรู้สึกประทับใจและกลับมาใช้บริการกับเราอีกเรื่อย ๆ ซึ่งเศรษฐีกลุ่มนี้จะเชี่ยวชาญด้านการมองหาโอกาสทางธุรกิจพอสมควร รู้ว่าเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภคคืออะไร เรื่องไหนที่กำลังเป็นกระแส สังคมกำลังพูดเรื่องอะไร รวมถึงไม่ละเลย Feedback จากลูกค้าเพื่อนำมาปรับปรุงสินค้าและบริการให้ติดตลาดมากที่สุด
7. เลือกทำอาชีพที่เหมาะสมกับตนเอง
เพราะเราใช้เวลามากกว่า 1 ใน 3 ของวันหมดไปกับการทำงาน แล้วถ้าต้องทำงนแบบขอไปที ขาดความสนุก และไม่มีโอกาสเติบโตในสายงานนั้น เศรษฐีกลุ่มนี้มองว่าควร Move on ให้ไว แล้วมองหาอาชีพที่ตนเองชอบจะดีกว่า ซึ่ง Passion เหล่านี้จะกระตุ้นให้เราอยากไปทำงานทุกวัน ต้องการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้น และเมื่อตนเองเก่งขึ้น เชี่ยวชาญขึ้น ธุรกิจและองค์กรก็จะเติบโตขึ้นเช่นกัน
นี่คือ 7 กุญแจสำคัญสู่ความมั่งคั่งจากปากเศรษฐีตัวจริงที่เรานำมาฝากกันในครั้งนี้ แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ความมั่งคั่งจะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยเวลาและความมุ่งมั่นอย่างจริงจัง ขอเพียงอย่าใจร้อนล้มเลิกความตั้งใจตั้งแต่กลางทาง พร้อมศึกษาข้อมูลและหาช่องทางใหม่ ๆ ในการสร้างมั่งคั่งให้ตนเองอยู่เสมอ และที่สำคัญคือการต้องเริ่มต้นลงมือทำตั้งแต่วันนี้ ไม่แน่ว่าเศรษฐีคนต่อไปอาจเป็นคุณ!