Startup คืออะไร? เหมือนหรือต่างจาก SME อย่างไร? รวมทุกเรื่องที่ต้องรู้เกี่ยวกับธุรกิจ Startup
หลายคนอาจสงสัยว่า Startup คืออะไร? กระแส Startup (สตาร์ทอัพ) ทั่วโลกกำลังพลิกโฉมธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น เทคโนโลยี AI, Green Tech และ FinTech ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สำหรับประเทศไทย ธุรกิจ Startup (สตาร์ทอัพ) ได้รับการสนับสนุนจากทั้งภาครัฐ และเอกชน ทำให้เกิด Startup มากมาย โดยเฉพาะ AI, Green Tech และ FinTech ที่เป็นหัวขบวนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
กระแสดังกล่าวถูกสะท้อนอย่างชัดเจนผ่านซีรีส์ “สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)” ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ คมสันต์ ลี ผู้ก่อตั้ง ‘Flash Express’ ยูนิคอร์น Startup สายโลจิสติกส์รายแรกของไทย โดยซีรีส์นี้ไม่เพียงดึงดูดความสนใจจากผู้ชมจำนวนมากใน Netflix แต่ยังสร้างแรงบันดาลใจ และความเข้าใจในความท้าทายของโลกสตาร์ทอัพที่เต็มไปด้วยการต่อสู้ ความพยายาม และบทเรียนชีวิตจริง
บทความนี้ จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจว่า ธุรกิจ Startup คืออะไร? และแตกต่างจากธุรกิจ SME อย่างไร?
Startup คืออะไร?
Startup (สตาร์ทอัพ) คือ “กิจการที่ถูกออกแบบมา เพื่อค้นหาโมเดลธุรกิจที่ทำซ้ำได้ และขยายตัวได้ (Repeatable and Scalable Business Model)” (อ้างอิงนิยามจาก Silicon Valley ตามแนวคิดของ Steve Blank) โดยแตกต่างจากธุรกิจขนาดเล็กทั่วไปที่ดำเนินงานตามโมเดลธุรกิจที่ตายตัว แต่ธุรกิจ Startup จะเน้นการทดลอง ปรับเปลี่ยน และค้นหาโมเดลที่เหมาะสมกับตลาด เพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และยั่งยืน
โดยองค์ประกอบหลักของ Startup ที่สำคัญ คือ
- เทคโนโลยี (Technology) Startup ส่วนใหญ่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความแตกต่างในตลาด รวมถึงช่วยให้ Startup สามารถปรับตัว และตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว
- นวัตกรรม (Innovation) Startup มุ่งเน้นการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโมเดลธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่ยังไม่มีใครแก้ไข หรือเพื่อสร้างตลาดใหม่ขึ้นมา
- การเติบโตแบบ Scale Startup ต้องมีโมเดลธุรกิจที่สามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และกว้างขวาง (Scalable) โดยไม่ต้องเพิ่มต้นทุนมากนัก ซึ่งการ Scale ต้องสามารถทำซ้ำได้ (Repeatable) เพื่อให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าเดิมหรือการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่
- ความยืดหยุ่นและปรับตัว (Evolvability) Startup ต้องสามารถปรับตัว และเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจได้อย่างรวดเร็วตามสถานการณ์ และความต้องการของตลาด
SME คืออะไร?
SME หรือ Small and Medium Enterprises คือ วิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม ซึ่งเป็นธุรกิจที่ดำเนินการโดยผู้ประกอบการรายย่อย มีสินทรัพย์ และพนักงานจำนวนไม่มาก มักเริ่มต้นจากเงินลงทุนของเจ้าของหรือการกู้ยืมจากธนาคาร ส่งผลให้ธุรกิจมีความเป็นอิสระสูง เน้นการลงทุนในสินค้า และบริการที่จับต้องได้ เช่น การผลิต การค้า และบริการ จึงนับว่า เป็นธุรกิจที่เป็นรากฐานสำคัญของระบบเศรษฐกิจ เพราะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และส่งเสริมความหลากหลายให้กับตลาด อีกทั้งยังมีความคล่องตัวในการดำเนินงานสูงกว่าธุรกิจขนาดใหญ่
Startup vs SME แตกต่างกันอย่างไร?
ความแตกต่างของ Startup กับ SME คืออะไร? ธุรกิจสองประเภทนี้ มีความแตกต่างกันในหลายมิติสำคัญ ได้แก่
เป้าหมาย
- เป้าหมายของ Startup คือ มุ่งเน้นการเติบโตอย่างรวดเร็ว และสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงตลาดหรือสร้างตลาดใหม่ โดยมีศักยภาพในการขยายตัวในวงกว้าง และในเวลาอันสั้น
- ส่วนเป้าหมายของ SME คือเน้นความมั่นคง ความยั่งยืน และการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดเดิม
การระดมทุน
- Startup มักระดมทุนจากนักลงทุน (Venture Capital, Angel Investor, Crowdfunding) เพื่อขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว
- SME ใช้เงินทุนส่วนตัว เงินกู้จากธนาคาร หรือเงินสำรองของเจ้าของเป็นหลัก
ความเสี่ยง
- Startup มีความเสี่ยงสูง เพราะต้องเผชิญกับตลาดใหม่หรือเทคโนโลยีที่ไม่แน่นอน และต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากนักลงทุนที่อาจถอนตัว หากธุรกิจไม่เป็นไปตามแผน
- SME มีความเสี่ยงจากสภาพคล่องทางการเงิน และความผันผวนของตลาดเดิม
เทคโนโลยี
- Startup เทคโนโลยี และนวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความได้เปรียบ และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
- SME เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเสริม เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานหรือบริการ แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการแข่งขัน
โมเดลธุรกิจ
- โมเดลธุรกิจ Startup คือ การเน้นการสร้างมูลค่าจากนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยอาจสร้างตลาดใหม่หรือเปลี่ยนแปลงตลาดเดิม
- SME มีโมเดลธุรกิจที่เน้นการขายสินค้าหรือบริการที่มีอยู่แล้วในตลาดเดิม โดยปรับปรุง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ทำไม Startup ถึงน่าสนใจสำหรับนักลงทุน?
- ROI (Return on Investment) สูง การลงทุนในสตาร์ทอัพมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่สูงมาก หากธุรกิจประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ การลงทุนใน Startup ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถสร้างผลตอบแทนหลายเท่าจากเงินลงทุนเริ่มต้น ซึ่งเป็นแรงจูงใจสำคัญให้นักลงทุนกล้าเสี่ยง และมองหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาด
- ความสามารถในการ Disrupt ตลาด Startup มักนำเสนอแนวคิดหรือเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงตลาดเดิมหรือสร้างตลาดใหม่ขึ้นมาได้ การลงทุนใน Startup จึงเป็นโอกาสให้ผู้ลงทุนได้มีส่วนร่วมในการสร้างนวัตกรรม และผลักดันให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ พัฒนาไปข้างหน้า
ขั้นตอนการเริ่มต้นเป็น Startup มีอะไรบ้าง?
การเริ่มต้นเป็น Startup นั้น มีขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้ไอเดียธุรกิจเติบโต และประสบความสำเร็จ โดยมีลำดับการพัฒนาที่ชัดเจน ดังต่อไป
- ขั้นตอนแรกของการเป็น Startup คือ เริ่มจาก ‘ไอเดีย’ โดยผู้ก่อตั้งต้องเริ่มจากการระบุปัญหาหรือโอกาสของตลาดที่ต้องการแก้ไข โดยใช้เครื่องมือ เช่น Design Thinking เพื่อทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง (Empathize) และระบุปัญหาที่แท้จริง (Define) ก่อนจะนำไปสู่การระดมสมองหาแนวทางแก้ไข (Ideate)
- จากนั้น จึงพัฒนาไอเดียให้เป็น MVP (Minimum Viable Product) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีเฉพาะฟีเจอร์สำคัญสำหรับแก้ปัญหาหลักของลูกค้า เพื่อทดสอบว่า ผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราเป็นที่ต้องการในตลาดหรือไม่ ต้องปรับหรือแก้ไขอะไร ก่อนที่จะลงทุนเต็มรูปแบบ โดยใช้หลักการ Lean Canvas ในการออกแบบโมเดลธุรกิจที่รวดเร็ว และยืดหยุ่น
- ขั้นต่อไปของการทำสตาร์ทอัพ คือ การพิสูจน์ Product-Market Fit (PMF) หรือช่วงที่ต้องปรับปรุง MVP ต่อเนื่องตาม Feedback จากตลาด จนกระทั่งสินค้าหรือบริการตอบโจทย์ และเป็นที่ต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง
- สุดท้าย คือ การ Scale เพราะเมื่อผ่าน PMF แล้ว Startup จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจในวงกว้าง เพื่อเพิ่มยอดขาย และขยายตลาดอย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเงินทุนสนับสนุน Startup ในไทย
Startup ในไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และโครงการสนับสนุนที่หลากหลาย ทั้งจาก Accelerator/Incubator ที่ช่วยบ่มเพาะ และเร่งการเติบโต รวมถึงเงินทุนจากภาครัฐ และเอกชนที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจเกิดใหม่ให้เติบโตอย่างยั่งยืน
Accelerator/Incubator
- Accelerator คือ โครงการหรือโปรแกรมที่ช่วยเร่งการเติบโตของ Startup ที่มีอยู่แล้ว โดยมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่า และขยายธุรกิจให้เร็วขึ้นภายในระยะเวลาอันสั้น โดย Accelerator จะให้คำปรึกษา ฝึกอบรม สร้างเครือข่ายเชื่อมโยงกับนักลงทุน และพันธมิตร
- Incubator คือ โครงการบ่มเพาะธุรกิจที่ให้คำปรึกษา และสนับสนุน Startup ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นไอเดียจนถึงการสร้างโมเดลธุรกิจที่แข็งแรง โดยให้คำแนะนำด้านการบริหารจัดการ การวางแผนธุรกิจ และการเข้าถึงเครือข่ายต่าง ๆ ต่างจาก Accelerator ที่เน้นการเร่งเติบโต Incubator จะเน้นการพัฒนาธุรกิจให้มีรากฐานที่มั่นคงก่อนเข้าสู่ตลาด
เงินทุนจากรัฐบาลและภาคเอกชน
-
เงินทุนจากรัฐบาล คือ การสนับสนุนทางการเงินที่จัดสรรโดยหน่วยงานภาครัฐ เพื่อส่งเสริม Startup และนวัตกรรมในประเทศ โดยตัวอย่างหน่วยงาน และกองทุนที่สำคัญ ได้แก่
- สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ให้ทุน และสนับสนุนความรู้แก่ Startup และธุรกิจนวัตกรรม
- สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ให้เงินสนับสนุน Startup ในอุตสาหกรรมดิจิทัล
- TED Fund กองทุนภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่สนับสนุน Startup ด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม
- บีโอไอ (BOI) มีมาตรการ Matching Fund ร่วมลงทุนกับเอกชน เพื่อสนับสนุน Startup ศักยภาพสูงในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ดิจิทัล อิเล็กทรอนิกส์ - เงินทุนจากภาคเอกชน คือ การลงทุนจากบริษัทหรือกองทุนเอกชนที่สนใจในธุรกิจ Startup ที่มีศักยภาพ โดยมักให้เงินลงทุน และสนับสนุนด้านเครือข่ายธุรกิจ
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Startup
เมื่อเข้าใจกันแล้วว่า Startup คืออะไร? มาไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับธุรกิจ Startup ที่ด้านล่างนี้
Startup ต้องทำแอปพลิเคชันเท่านั้นใช่ไหม
Startup ไม่ได้จำกัดอยู่แค่แอปพลิเคชันหรือธุรกิจด้านเทคโนโลยีเท่านั้น ถึงแม้ว่า Startup ส่วนใหญ่ มักใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลักในการสร้างนวัตกรรมหรือแก้ไขปัญหาของตลาด แต่ Startup สามารถเป็นธุรกิจที่แก้ปัญหาด้วยวิธีใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมใดก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นบริการ ผลิตภัณฑ์ หรือโมเดลธุรกิจที่ไม่เคยมีมาก่อน
Startup ทุกบริษัทต้องระดมทุนใช่ไหม
การระดมทุนของสตาร์ทอัพหลายแห่ง มีจุดประสงค์ เพื่อเร่งการเติบโตหรือขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ใช่ทุก Startup ที่ต้องระดมทุนจากนักลงทุนภายนอก เพราะบางแห่ง สามารถเริ่มต้นจากเงินทุนส่วนตัวหรือสร้างรายได้จากโมเดลธุรกิจที่มีกำไรตั้งแต่แรกได้
Startup ต้องเผาเงินก่อนจะโตใช่ไหม
การ “เผาเงิน” หรือ Burn Rate เป็นคำที่ใช้กันบ่อยในวงการ Startup เพื่ออธิบายการใช้เงินทุนในระยะแรกที่ยังไม่มีรายได้เข้ามา แต่การทำธุรกิจ Startup ไม่จำเป็นต้อง “เผาเงิน” หรือใช้เงินมหาศาล เพื่อให้ธุรกิจโตเสมอไป หาก Startup มีโมเดลธุรกิจที่แข็งแรง ก็จะสามารถสร้างรายได้ตั้งแต่แรก และเติบโตอย่างยั่งยืนได้
ทั้ง Startup และ SME มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสร้างงาน แต่ต่างกันที่แนวคิด แหล่งเงินทุน และเป้าหมายในการเติบโต สำหรับใครที่สนใจเริ่มต้นธุรกิจหรือต้องการขยายกิจการ ไม่ว่าจะเป็น Startup ที่ต้องการสร้างนวัตกรรม และเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือ SME ที่ต้องการความมั่นคง และยั่งยืน ธนาคารกรุงไทยมีผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตอบโจทย์ทั้งสองกลุ่มธุรกิจ ไม่ว่าจะสินเชื่อ SME ผ่อนนาน 20 ปี ที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง และความคล่องตัวทางการเงินให้ธุรกิจ หรือสินเชื่อ SME ไซส์เล็ก ที่เหมาะกับร้านค้ารายย่อยที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียน และขยายร้าน สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://krungthai.com