20 ที่เที่ยวสิงคโปร์ เมืองจิ๋วแต่แจ๋ว เที่ยวสนุก ครบรส ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ
ประเทศสิงคโปร์ เมืองเล็ก ๆ ที่อัดแน่นไปด้วยแลนด์มาร์กสำหรับนักเดินทาง ประเทศเดียวแต่สามารถเที่ยวได้หลายสไตล์ ทั้งแสงสี ธรรมชาติ และศิลปวัฒนธรรม ใครที่กำลังจะไปเที่ยวสิงคโปร์ควรวางแผนให้ดี เพราะไปทั้งทีต้องเก็บสถานที่เด็ดให้ครบ ซึ่งแต่ละที่มีอะไรน่าสนใจ เรารวบรวมข้อมูลสำคัญมาให้แล้ว
20 ที่เที่ยวสิงคโปร์ ไปทั้งทีต้องเก็บให้ครบ
Jewel Changi Airport (ท่าอากาศยานสิงคโปร์ชางงี)
ประตูด่านแรกและด่านสุดท้ายของการมาท่องเที่ยวสิงคโปร์ เพราะนี่คือแอร์พอร์ตที่เกินคำว่าแอร์พอร์ตไปมาก เนื่องจากมีทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่ สถานที่พักผ่อนและทำกิจกรรมต่าง ๆ บนเนื้อที่กว่า 53,800 ตารางเมตร เป็นอาคารทรงโดมสูงเท่าตึก 10 ชั้น ภายในมีโซนพักผ่อนในร่มที่มีทั้งต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด เครื่องเล่น เขาวงกต สะพานพื้นกระจกลอยฟ้า พิพิธภัณฑ์สุดทันสมัย และที่ขาดไม่ได้คือแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหารกว่า 300 ร้านค้า มีทางเชื่อมต่อกับทุกเทอมินอลในแอร์พอร์ต และสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เคาน์เตอร์เช็คอินล่วงหน้า จุดฝากกระเป๋า เลานจ์ ห้องอาบน้ำ และบริการรับส่งนักท่องเที่ยว
ไฮไลต์สำคัญ : Rain Vortex น้ำตกในร่มที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูงกว่า 40 เมตร และทางเดินลอยฟ้า Canopy Bridge ที่พานักท่องเที่ยวเดินชมน้ำตกได้แบบใกล้ชิด บางส่วนของสะพานยังเป็นพื้นกระจกใสมองเห็นพื้นที่ด้านล่างโดยรอบ ที่บรรยากาศร่มรื่นและสวยงาม ใครที่มาสิงคโปร์ต้องไม่พลาดเช็คอินที่นี่
Google Map: : https://goo.gl/maps/mfKBj1dfR6vtWjqSA
ค่าผ่านประตู : เริ่มต้นที่ 5 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือเลือกแพ็คเกจค่าเข้าสถานที่พร้อมเครื่องเล่น ราคาอยู่ที่ 38 - 71 ดอลลาร์สิงคโปร์
เวลาทำการ : ตัวอาคารเปิดตลอด 24 ชั่วโมง ส่วนร้านค้าต่าง ๆ เปิดทำการตั้งแต่ 10.00 – 22.00 น. วันเสาร์ - อาทิตย์ ปิด 23.00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้า East West Line (สายสีเขียว) มาที่สถานี Changi Airport ซึ่งเชื่อมกับเทอร์มินอล 2 และ 3 จากนั้นให้เดินต่อมายัง Jewel
เว็บไซต์ : www.jewelchangiairport.com
อ่าวมารีนา (Marina Bay)
ศูนย์กลางความบันเทิงและสีสันของประเทศสิงคโปร์ มีทั้งโรงแรมขนาดใหญ่ สถานบันเทิง และพื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ รวมทั้งเป็นที่ใช้จัดกิจกรรมสำคัญ ๆ ในช่วงเทศกาล เป็นย่านแห่งแสงสีที่คึกคักตลอดทั้งปี อ่าวมารีนานั้นแต่เดิมเป็นทะเลก่อนที่รัฐบาลสิงคโปร์จะถมทะเลและพัฒนาพื้นที่รอบอ่าวราว ๆ 3.5 ตารางกิโลเมตร ให้เป็นย่านท่องเที่ยวชื่อดังที่เต็มไปด้วยอาคารแปลกตา มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น
ไฮไลต์สำคัญ : มารีนาเบย์แซนส์ (Marina Bay Sands) รีสอร์ทขนาดใหญ่ที่โดดเด่นเป็นอีกแลนด์มาร์กหลักของประเทศสิงคโปร์ อาคารเป็นรูปไพ่ 3 สำรับเรียงกัน มีความสูง 57 ชั้น โดยด้านบนมีชั้นดาดฟ้า Sand Sky Park เป็นทางเชื่อมระหว่าง 3 อาคาร ยามค่ำคืนจะมีโชว์แสงสีเสียงแบบจัดเต็มยิ่งใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งโชว์แสงเลเซอร์ที่ส่งจากตัวอาคาร มีน้ำพุประกอบเพลง และฉายภาพผ่านม่านละอองน้ำ
Google Map : https://maps.app.goo.gl/eRUFLc6nHQrKygSa7
เวลาทำการ : การแสดงแสงสีวันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 20:00 น. และ 21:00 น. / วันศุกร์-เสาร์ เวลา 20:00 น.21:00 น. และ 22:00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าไปที่สถานี Bayfront
สิงคโปร์ฟลายเออร์ (Singapore Flyer)
ชิงช้าสวรรค์ตัวท็อปของโลกที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีความสูงถึง 165 เมตร ประกอบด้วยแคปซูลปรับอากาศจำนวน 28 แคปซูล รองรับผู้โดยสารได้ 28 คนต่อแคปซูล โดยการหมุน 1 รอบจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที สามารถชมทิวทัศน์ได้อย่างกว้างไกลสุดสายตา เมื่อลงมาแล้วแนะนำให้เดินเล่นต่อที่ด้านล่างของสิงคโปร์ฟลายเออร์ จะมีนิทรรศการแบบสื่อผสมผสานสุดล้ำชื่อว่า Time Capsule ที่จะพาเราย้อนไปในเรื่องราวประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ด้วยดิจิทัลไทม์แมชชีน
ไฮไลต์สำคัญ : แม้จะตื่นตาตื่นใจเพียงใด แต่อย่าพลาดดื่มด่ำกับทิวทัศน์ ณ จุดที่สูงที่สุดของสิงคโปร์ฟลายเออร์ เพราะจะได้เห็นวิวพาโนรามาแบบ 360 องศา พร้อมแลนด์มาร์กสำคัญหลายแห่งในเวลาเดียว ทั้งรูปปั้น Merlion, Gardens by the Bay และ Marina Bay Sands ถ้าวันไหนฟ้าโปร่ง มองไกลออกไปจะเห็นไปถึงประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย และสิงคโปร์ได้เลย
Google Map : https://maps.app.goo.gl/1A9SaEM7dEcwX6z69
ค่าผ่านประตู : แพ็คเกจ Singapore Flyer + Time Capsule ราคา 40 ดอลลาร์สิงคโปร์
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 8:30 - 22:30
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (Circle Line) หรือสีน้ำเงิน (Donwtown Line) ไปที่สถานี Promemade ประตูทางออก A แล้วเดินต่ออีก 400 เมตร
เว็บไซต์ : https://www.singaporeflyer.com/en
พิพิธภัณฑ์เรด ดอท ดีไซน์ (Red Dot Design Museum)
ที่เที่ยวสิงคโปร์ที่คนรักงานดีไซน์ต้องร้องว้าว เพราะพิพิธภัณฑ์เรด ดอท ดีไซน์ เป็นสถานที่รวมงานออกแบบร่วมสมัยที่ได้รับรางวัล Red Dot Design Award รางวัลด้านการออกแบบระดับโลกเอาไว้มากกว่า 500 ชิ้น เดินชมผลงานออกแบบจนเหนื่อย แนะนำให้พักจิบกาแฟที่ Café Bar ในพิพิธภัณฑ์ ความเก๋ของคาเฟ่แห่งนี้คือการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้รับรางวัล Red Dot Design Award เช่นกัน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสถึงงานดีไซน์ที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน
ไฮไลต์สำคัญ : การออกแบบของพิพิธภัณฑ์เรด ดอท ดีไซน์ ทำให้สถานที่นี้กลายเป็นอาคารห้ามพลาดที่ต้องแวะถ่ายรูปเมื่อเดินทางมาถึงย่านอ่าวมารีนา เพราะด้านนอกอาคารเป็นกระจกใสทั้งหมดที่ออกแบบด้วยรูปทรงเรขาคณิต ประกอบด้วยโครงสร้างที่เป็นเหล็กสีแดงที่ทำให้ดูมีชีวิตชีวาและแปลกตาจากตึกต่าง ๆ ในย่านนี้
Google Map : https://maps.app.goo.gl/ijdtKbbEmF9psfhD8
ค่าผ่านประตู : 12 ดอลลาร์สิงคโปร์
เวลาทำการ : วันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 11:00 – 19:00 เสาร์ - อาทิตย์ 10:00 – 19:00
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้ามายังสถานี Bayfront ทางออก B หรือสถานี Downtown ทางออก B และสถานี Marina Bay ทางออก B
เว็บไซต์ : https://museum.red-dot.sg
ตรอกฮาจิ หรือ Haji Lane
ย่านการค้าดั้งเดิมที่เต็มไปด้วยสีสัน แต่เดิมเป็นย่านที่นักแสวงบุญชาวอาหรับจะมารวมตัวกันเพื่อร่วมพิธีฮัจญ์ของชาวมุสลิม ทำให้ที่นี่มีร้านอาหารร้านค้ามากมาย และยังเต็มไปด้วยวิถีชีวิตของผู้คน จวบจนปัจจุบันตรอกฮาจิยังคงเป็นแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่จำหน่ายสินค้าแฟชั่นจากดีไซเนอร์รุ่นใหม่ และเป็นสถานที่แฮงก์เอาต์ในบรรยากาศสุดเก๋
ไฮไลต์สำคัญ : สตรีทอาร์ตที่ประดับประดาอยู่บนตึกแถวสไตล์โคโลเนียล สามารถแวะถ่ายรูปได้ตลอดทางเดิน แนะนำให้มาถึงช่วงบ่ายแก่จนถึงเย็นย่ำ เพื่อให้ได้ถ่ายภาพถึงสองบรรยากาศยามฟ้าสดใสและช่วงเย็นที่แสงไฟสวยงาม
Google Map : https://maps.app.goo.gl/LHb7ohM1Y87wCWyJ6
เวลาทำการ : เปิดตลอดทั้งวัน ส่วนร้านค้าจะเปิดเวลา 12:00 - 20:00 โดยประมาณ
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้ามาที่สถานี Bugis ทางออก B เดินมาที่สี่แยกถนน Ophir Rd. ตัดกับ North Bridge Rd. จะพบ Haji Lane อยู่ฝั่งตรงข้าม
Sky Helix Sentosa
เปิดประสบการณ์ชั้นสูงด้วยการขึ้นสู่จุดที่สูงที่สุดในเกาะเซ็นโตซ่าที่ Sky Helix เริ่มจากการขึ้นเคเบิลคาร์จากภูเขาเฟเบอร์พร้อมเก็บเกี่ยวทิวทัศน์ระหว่างทางจนมาถึงเกาะเซ็นโตซ่า ก็จะพบกับ Sky Helix กระเช้าลอยฟ้ากลางแจ้งที่สูงถึง 79 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ขอแนะนำให้ตีตั๋วขึ้นไปบน Sky Helix นี่คือช่วงเวลาที่คุณจะได้ลอยอยู่กลางอากาศนานราว 10 นาที ทำให้เห็นวิวแบบพาโนรามาเต็มตา โดยกระเช้าจะหมุนขึ้นและกลับลงมาอย่างช้า ๆ เป็นเกลียวแนวตั้งใช้เวลาเดินทางอีก 12 นาที
ไฮไลต์สำคัญ : ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการขึ้น Sky Helix คือช่วง 5 โมงเย็นถึงหนึ่งทุ่ม เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนเบาบางลง อากาศกำลังดี แดดไม่ร้อน และได้สัมผัสบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินชนิดที่เรียกว่าสวยจับใจ ลากมาถึงช่วงหัวค่ำก็จะเห็นแสงไฟประดับประดามากมาย
Google Map : https://maps.app.goo.gl/yeru1mzuVMFLtvhy8
ค่าผ่านประตู : ราคาประมาณ 18 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือซื้อแบบแพ็คเกจร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันอาทิตย์ เวลา 10:00 - 21:30 น. เปิดให้เข้าถึงเวลา 21:00 น.
การเดินทาง : ขึ้นเคเบิลคาร์จากสถานี Harbour Front Tower 2 หรือสถานี Mount Faber และลงที่สถานี Imbiah Sentosa
เว็บไซต์ : https://www.skyhelixsentosa.com
สวนพฤกษศาสตร์สิงคโปร์ (Singapore Botanic Gardens)
สวนพฤกษศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศสิงคโปร์และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก ที่เที่ยวสิงคโปร์แห่งนี้คือที่ที่พลเมืองสิงคโปร์คุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นสวนขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่ผู้คนต่างแวะเวียนมาพักผ่อนหย่อนใจ ท่ามกลางบรรยากาศของสวนและอาคารแบบอังกฤษยังมีการบรรเลงเพลงของ Singapore Symphony Orchestra เพิ่มความผ่อนคลายให้แก่ผู้มาเยือน
ไฮไลต์สำคัญ : สวนกล้วยไม้แห่งชาติ หรือ National Orchid Garden สถานที่จัดแสดงกล้วยไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่จัดแสดงกล้วยไม้กว่า 1,000 สายพันธุ์ ใครที่เป็นคนรักต้นไม้ หรืออยากได้ภาพกับดอกไม้สวย ๆ ต้องมาที่นี่เท่านั้น
Google Map : https://maps.app.goo.gl/jctgJ2K4q16gjBRS8
เวลาทำการ : เปิดทำการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05:00-24:00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมายังสถานี Botanic Garden Station หรือรถไฟฟ้าสายสีแดงมายังสถานี Orchard MRT Station
Merlion Park
แลนด์มาร์กหลักของการมาเที่ยวสิงคโปร์โดยเฉพาะ ที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอยู่ประเทศไหน Merlion เป็นรูปปั้นสัตว์ครึ่งสิงโตครึ่งปลากำลังพ่นน้ำออกจากปาก ความสูง 8.5 เมตร น้ำหนัก 60 ตัน จึงมองเห็นได้ในระยะไกลและเป็นจุดเด่นของย่านมารีน่าเบย์
ไฮไลต์สำคัญ : แนะนำให้หาไอเดียการถ่ายภาพกับ Merlion มาล่วงหน้า เพื่อจะได้มุมมองภาพสนุก ๆ ไม่ซ้ำใคร หากอยากได้วิวกว้าง ๆ คนน้อย ๆ ควรมาถึงช่วงเช้าราว 7 – 8 โมง โดยสิงโตจะเริ่มพ่นน้ำตั้งแต่ฟ้าสว่างไปจนดึก
Google Map : https://maps.app.goo.gl/waBZ6P5f6pz6zCAP9
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือสีแดง สถานี Raffles Place ทางออก H
Gardens by the bay
ท่องเที่ยวสิงคโปร์อย่างไรให้ใกล้ชิดธรรมชาติแบบสุด ๆ ต้องมาที่ Gardens by the Bay อุทยานธรรมชาติขนาดใหญ่ใกล้มารีน่าเบย์ มีจุดเด่นหลัก ๆ คือ Flower Dome โดมกระจกแก้วที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในจัดแสดงดอกไม้นานาพันธุ์ Cloud Forest Dome โดมจำลองป่าดิบชื้นเสมือนจริงที่จัดแสดงอย่างยิ่งใหญ่ และ OCBC walkway ทางเดินลอยฟ้าที่เชื่อมระหว่าง Supertree Grove ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Gardens by the Bay
ไฮไลต์สำคัญ : Supertree Grove กลุ่มต้นไม้ยักษ์ความสูง 50 เมตร จำนวน 18 ต้น เป็นโซนที่ใหญ่ที่สุดของ Gardens by the Bay ใครที่มาที่นี่ต้องขึ้นไปที่ OCBC walkway ทางเดินลอยฟ้ายาว 128 เมตร ที่เชื่อมระหว่าง Supertree Grove ที่ไม่เพียงมองเห็นวิวจากมุมสูง แต่ช่วงกลางคืนก็จะได้ตื่นตาไปกับแสงสีของที่นี่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงการแสดง Garden Rhapsody ที่จัดแสดงแสง สี เสียงแบบอลังการทุกวัน วันละสองรอบเวลา 19:45 น. และ 20:45 น.
Google Map : https://maps.app.goo.gl/sLTa4AGuBpEAKuPQA
ค่าผ่านประตู : บัตรเข้าชม OCBC Skyway ราคา 12 ดอลลาร์สิงคโปร์ แนะนำซื้อผ่านเว็บไซต์เพื่อเปรียบเทียบราคา
เวลาทำการ : เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09:00 - 21:00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าสาย Circle Line หรือ Downtown Line มายังสถานี Bayfront
Universal Studio
Universal Studios Singapore ธีมพาร์คระดับโลกแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เที่ยวสิงคโปร์สำหรับคนชอบสวนสนุก ที่นี่แบ่งออกเป็นหลายโซน แต่ละโซนได้รับแรงบันดาลใจมาจากการ์ตูนและภาพยนตร์ชื่อดังจากค่าย Universal Studios อาทิ จูราสสิคปาร์ค (Jurassic Park) มินเนี่ยน (The Minions) และเครื่องเล่นจากการ์ตูนเรื่อง Sesame Street และ Puss in Boots จาก Shrek ซึ่งมีเฉพาะที่ประเทศสิงคโปร์เท่านั้น
ไฮไลต์สำคัญ : อย่าลืมแวะถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ลูกโลกขนาดใหญ่ของ Universal Studio มุมมหาชนที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างเก็บภาพเป็นที่ระลึก Universal Studios Singapore สามารถเดินทางมาเที่ยวได้ทั้งปี โดยแนะนำให้เที่ยววันธรรมดา คิวเครื่องเล่นต่าง ๆ ไม่เยอะมากเพราะคนน้อยกว่าช่วงวันหยุด แต่หากใครที่ชอบบรรยากาศแบบเฟสติวัล มีการจัดขบวนพาเรดและกิจกรรมพิเศษแนะนำให้มาช่วงเทศกาลต่าง ๆ โดยเฉพาะช่วงปีใหม่
Google Map : https://maps.app.goo.gl/8StzTAqUw6ohFNai9
ค่าผ่านประตู : บัตรผู้ใหญ่ ราคา 83 - 88 ดอลลาร์สิงคโปร์ บัตรเด็ก ราคา 62 - 67 ดอลลาร์สิงคโปร์
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 10:00 – 19:00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าไปลงสถานี HarbourFront ทางออก E เดินต่อไปยังห้าง VivoCity Mall ซึ่งเชื่อมต่อกับสวนสนุก
เว็บไซต์ : https://www.rwsentosa.com/en/attractions/universal-studios-singapore
ถนนออร์ชาร์ด (Orchard Road)
สายช้อปที่มาเที่ยวสิงคโปร์ต่างก็แวะมาจับจ่ายที่ถนนออร์ชาร์ด เพราะเป็นย่านช้อปปิงที่เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะมองหาสินค้าแฟชั่น แบรนด์เนม เครื่องประดับ หรืออื่น ๆ ก็มีให้เลือกซื้อได้ที่นี่ แต่ก่อนจะมาเป็นสวรรค์ของนักช้อป ถนนออร์ชาร์ดเคยเป็นเพียงถนนสายเล็ก ๆ ที่ตัดผ่านสวนผลไม้ ซึ่งคือที่มาของชื่อ Orchard Road ที่แปลว่าถนนสวยผลไม้ กระทั่ง C.K. Tang นักธุรกิจท้องถิ่นได้ก่อตั้งห้าง TANGS (แทงส์) ขึ้น ความเจริญต่าง ๆ ก็เข้ามาจนกลายเป็นสวรรค์ของนักช้อปในปัจจุบัน
ไฮไลต์สำคัญ : อันดับแรกให้ไปที่ห้าง TANGS ตึกสไตล์จีนหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ตั้งอยู่ที่หัวมุมถนน เพื่อแวะเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของถนนออร์ชาร์ด จากนั้นให้มองไปที่ฝั่งตรงข้ามจะเจอ ION Orchard ห้างสรรพสินค้าที่เป็นตัวแทนความเจริญของโลกยุคใหม่ ตัวอาคารแตกต่างด้วยโครงสร้างเรือนกระจกใส แชะ แชะภาพทั้งสองแห่งสักหน่อยก่อนเดินเข้าไปช้อปปิงได้อย่างจุใจ
Google Map : https://maps.app.goo.gl/5ByFJFBaVayktfU86
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายสีแดงมาลงที่สถานี Orchard ทางออกสถานี ION Orchard
China Town
ชุมชนชาวจีนในประเทศสิงคโปร์ ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกถึงกลิ่นอายของวัฒนธรรมจีนปกคลุมอยู่ ทั้งด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม ศาสนา และวิถีชีวิตของผู้คน นักท่องเที่ยวมักแวะมาที่นี่ในช่วงเช้าเพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่หากมาช่วงเย็นก็จะเต็มไปด้วยร้านค้าร้านอาหาร หรือถ้ามาช่วงเทศกาลตรุษจีน เทศกาลโคมไฟ หรือเทศกาลไหว้พระจันทร์ก็จะคึกคักเป็นพิเศษ
ไฮไลต์สำคัญ : สายมูไม่ควรพลาด “วัดพระเขี้ยวแก้ว” วัดดังของย่าน China Town ที่ประดิษฐานของพระทันตธาตุหรือฟันของพระพุทธเจ้า ที่ผู้คนต่างหลั่งไหลมาเพื่อบูชาและขอพรอย่างขาดสายเพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่ออิ่มใจแล้วก็มาอิ่มท้องต่อที่ร้านข้าวมันไก่สิงคโปร์ชื่อดัง “Heng Ji Chicken Rice” ตั้งอยู่บริเวณถนน Smith Street ใกล้กับวัดพระเขี้ยวแก้ว
Google Map : https://maps.app.goo.gl/p1nHPQHqJRKNb6j2A
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Downtown Line และสายสีม่วง North East Line (NEL) มาลงที่สถานี Chinatown
National Gallery หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์
สถานที่ท่องเที่ยวสิงคโปร์สำหรับสายอาร์ต ที่โดนเด่นตัวสถานที่และชิ้นงานศิลปะที่นำมาจัดแสดง หอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ติดอันดับที่ 20 พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในโลก ในปี 2020 โดยหนังสือพิมพ์ The Art Newspaper ซึ่งเป็นหอศิลป์แห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ติดอันดับ ภายในจัดแสดงผลงานศิลปะกว่า 8,000 ชิ้นจากศิลปะชาวสิงคโปร์และทั่วโลก อย่างเช่น Yayoi Kusama ศิลปินหญิงชาวญี่ปุ่นที่มีคาแรกเตอร์สุดจี๊ดพร้อมผมหน้ามาสีแดง เจ้าแม่ Polka Dot ที่ลวดลายจุดที่เป็นเอกลักษณ์
ไฮไลต์สำคัญ : มุมถ่ายรูปห้ามพลาดของที่นี่ อยู่ที่ชั้น 5 – 6 ของอาคาร ซึ่งอยู่นอกส่วนของแกลลอรี่ จะมีทางเดินเชื่อมตึกด้านใน โดมของห้องสมุด และส่วนที่เป็นห้องสมุดสาธารณะที่ออกแบบตกแต่งอย่างดี มาที่นี่จะได้มุมถ่ายภาพใหม่ ๆ ไปอวดเพื่อนอีกเช่นเคยที่หลายคนไม่รู้ และไม่ได้เข้ามาเพราะคิดว่ามันเสียเงินนั่นเอง
Google Map : https://maps.app.goo.gl/6csVFDEgugr1SWap8
ค่าผ่านประตู : มีทั้งโซนเข้าฟรี และโซนที่มีค่าเข้าชม โดยราคาบัตรจะอยู่ที่ 20 ดอลลาร์สิงคโปร์
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-19:00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้ามาที่สถานี City Hall ทางออก B และเดินต่ออีก 7 นาที
เว็บไซต์ : https://www.nationalgallery.sg
ร้าน Potato Head Folk
เมื่อลองสำรวจย่านร้านอาหารติดดาวที่ถนน Keong Saik แถว China Town จะพบร้านอาหารแห่งหนึ่งที่สะดุดตากว่าใคร นั่นคือร้าน Potato Head Folk อาคารแบบอาร์ตเดโคสีขาวแดงที่ตั้งอยู่บนทำเลหัวมุมถนนสะดุดตา ที่ใครผ่านไปผ่านมาก็ต้องหยุดถ่ายรูปหน้าร้านนี้เสมอ
ไฮไลต์สำคัญ : ร้าน Potato Head Folk ไม่ได้มีดีที่ตึกสวยเท่านั้น เพราะในร้านก็น่านั่งชิลไม่แพ้กัน ด้านในเป็นร้านอาหารและรูฟท็อปบาร์ที่บรรยากาศดีสุด ๆ ยิ่งตกค่ำคนจะเต็มร้าน เพราะอยากมารับประทานอาหารอร่อยและนั่งดื่มสบาย ๆ
Google Map : https://maps.app.goo.gl/LA6izJ5wfbKzkY1s6
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน 11:00–24:00 น.
การเดินทาง : เดินทางด้วยรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี China Town ประตู C และเดินต่อประมาณ 10 นาที
Little India
อีกสีสันหนึ่งของการมาท่องเที่ยวสิงคโปร์ก็คือการได้สัมผัสความหลากหลายของผู้คน อย่างเช่นที่ Little India แหล่งรวมวัฒนธรรมอินเดียที่มีเสน่ห์แปลกตา อาคารบ้านเรือนที่นี่เป็นสไตล์โคโรเนียลที่แต้มสีสันฉูดฉาดขนาบสองฝั่งถนน ร้านรวงต่าง ๆ ขายสินค้านานาชนิดในราคาไม่แพง และยังมีวัดและศูนย์อาหารอินเดียเปิดรอให้นักท่องเที่ยวได้พบประสบการณ์ที่ต่างออกไป
ไฮไลต์สำคัญ : อย่างที่บอกว่าบ้านเรือนย่านนี้มีความโดดเด่น จุดไฮไลต์ของที่นี่จึงหนีไม่พ้น House of Tan Teng Niah บ้านสีสันสดใสที่เป็นแลนด์มาร์กของย่านนี้
Google Map : https://maps.app.goo.gl/dqCs9j39JvpivaUBA
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้ามาที่สถานี Little India ทางออก C และเดินต่ออีก 15 - 20 นาที
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ S.E.A. Aquarium
โลกใต้ท้องทะเลที่เต็มไปด้วยสัตว์น้ำกว่า 800 ชนิด และเป็นสัตว์น้ำหายาก อาทิ ปลากระเบน Manta Ray ปลาไหลมอเร่ย์ ปลานโปเลียน และฉลามอีกกว่า 200 ตัวที่ว่ายมาให้ชมแบบใกล้ ๆ
ไฮไลต์สำคัญ : นอกจากความตื่นตาของอควาแควเรียมขนาดยักษ์แล้ว ที่นี่มีโซนถ่ายภาพที่สวยที่สุดอยู่ที่โซนแมงกะพรุน ที่จัดแสดงแมงกะพรุนหลากหลายสายพันธุ์ให้ล่องลอยเล่นไฟแสงสีอยู่ในตู้ มาโซนนี้รับรองได้รูปสวยกลับบ้าน
Google Map : https://maps.app.goo.gl/w8BPh7ZWyxoiAyPN8
ค่าผ่านประตู : บัตรผู้ใหญ่ราคา 32 ดอลลาร์สิงคโปร์ บัตรเด็ก (4-12 ปี) ราคา 22 ดอลลาร์สิงคโปร์
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-19:00 น.
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้าไปลงที่สถานี Harbour Front แล้วต่อรถ Sentosa Express Monorail ข้ามเกาะไปลงที่สถานี Waterfront โดย S.E.A. Aquarium จะอยู่ตรงข้าม Universal Studio
เว็บไซต์ : https://www.rwsentosa.com/en/attractions/sea-aquarium
มัสยิดสุลต่าน (Sultan Mosque)
มัสยิดเก่าแก่ของประเทศสิงคโปร์ แต่เดิมเป็นที่พักของสุลต่านก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นมัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิมในประเทศ มัสยิดสุลต่านมีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นอาคารที่มียอดโดมสีทองขนาดใหญ่ตัดกับตัวอาคารสีขาว ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติของสิงคโปร์ นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมภายในมัสยิดได้
ไฮไลต์สำคัญ : จุดที่นักท่องเที่ยวหยุดถ่ายรูปก็คือบริเวณซุ้มประตูทางเข้าที่มองเข้าไปจะเห็นโดมทองของมัสยิดตั้งอยู่ตรงกลางพอดี
Google Map : https://maps.app.goo.gl/fc7Ew1KNmv3h1f1P8
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 9:30 -12:00 น. และ 14:00-16:00 น. ยกเว้นวันศุกร์ เปิดเฉพาะเวลา 14:00-16:00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้ามาที่สถานี Bugis Station ทางออก B แล้วเดินไปทางโรงพยาบาล Raffles Hospital จนถึงแยกแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนน Ophir Road เมื่อถึงแยกที่ตัดกับถนน North Birdge Road ให้ข้ามถนนไปทางซ้าย เดินตรงเข้าไปจะเห็นมัสยิดอยู่ด้านหน้า
วัดศรีวีรมากาลีอัมมัน (Sri Veerama Kaliamman Temple)
วัดฮินดูที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของประเทศสิงคโปร์ ตั้งอยู่ใจกลางย่าน Little India มีจุดเด่นคือซุ้มประตูและกำแพงวัดที่งดงามอย่างยิ่ง
ไฮไลต์สำคัญ : วัดศรีวีรมากาลีอัมมันสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องสักการะบูชาพระแม่กาลี ว่ากันว่าเมื่อมาที่วัดแห่งนี้ให้เน้นขอพรเรื่องโรคภัยไข้เจ็บให้การรักษาราบรื่น
Google Map : https://maps.app.goo.gl/2wps1TKG7AFqna3N9
เวลาทำการ : เปิดให้เข้าสักการะทุกวัน เวลา 05:00 – 21:00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายสีม่วง North East Line และสายสีน้ำเงิน Downtown Line ทางออก E
Trickeye Museum พิพิธภัณฑ์ภาพลวงตา
โพสต์ท่าแบบจัดเต็มบนพื้นหลังภาพวาด 3 มิติที่ Trickeye Museum พิพิธภัณฑ์ภาพลวงตาชื่อดังจากประเทศเกาหลีที่นำเสนองานศิลปะด้วยเทคนิค Trompe-l'oeil ซึ่งเป็นการดัดแปลงภาพวาด 2 มิติเป็นภาพ 3 มิติด้วยเทคนิคภาพลวงตา ที่จะทำให้นางแบบนายแบบของรูปกลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะแบบแยกไม่ออก
ไฮไลต์สำคัญ : ก่อนไป Trickeye Museum แนะนำให้โหลดแอปพลิเคชัน Trickeye-Singapore เตรียมไว้ก่อน แล้วไปสนุกกับเทคนิค Augmented Reality ที่จะเติมจินตนาการจากภาพนิ่งไปสู่ภาพเคลื่อนไหวได้ราวกับมีชีวิต
Google Map : https://maps.app.goo.gl/1VMj73ztUxvzoxXc8
ค่าผ่านประตู : บัตรผู้ใหญ่ราคา 25 ดอลลาร์สิงคโปร์ และเด็ก (4-12 ปี) ราคา 20 ดอลลาร์สิงคโปร์
เวลาทำการ : 10:00 – 21:00 น.
การเดินทาง : เดินทางโดยรถไฟฟ้าสายสีม่วงไปยังสถานี Harbourfront จากนั้นต่อ Sentosa Express ไปยังสถานี Waterfront และเดินต่อไปจาก Universal Studios Singapore อีก 2 นาที
เว็บไซต์ : https://trickeye.com/sg
Mount Faber Park
พื้นที่แห่งความเขียวขจีบนภูเขาที่สูงที่สุดในสิงคโปร์ ที่สามารถเดินเล่นได้อย่างเพลิดเพลิน ทั้ง สะพาน Henderson Wave สะพานทรงเกลียวคลื่นที่มีให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนหย่อนใจ เดินต่อมาที่ The Southern Ridge สะพานเหล็กขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ หรือจะเดินต่อมาที่จุดชมวิวในบริเวณ Faber Park ก็จะมองเห็นเมืองสิงคโปร์ได้ทั้งเมืองเลยทีเดียว
ไฮไลต์สำคัญ : แวะนั่งพักและถ่ายรูปเก๋ ๆ ที่สะพาน Henderson Wave สะพานเกลียวคลื่นระยะทาง 274 เมตร เป็น สะพานคนเดินที่สูงที่สุดในประเทศสิงคโปร์ และมีการออกแบบที่เป็นจุดเด่น
Google Map : https://maps.app.goo.gl/V4RwsJDdNPY4e7ddA
การเดินทาง : นั่งรถไฟฟ้ามาที่สถานี Harbourfront แล้วต่อรถโดยสารประจำทางสาย 145 หน้าห้าง Vivo City มา 5 ป้าย จะพบกับสะพาน Henderson Wave การท่องเที่ยวสิงคโปร์นอกจากจะเต็มไปด้วยสีสันและความสนุกแล้ว การเตรียมความพร้อมสำหรับทริปก็สำคัญ เพื่อความคล่องตัวในการท่องเที่ยว ขอแนะนำ Krungthai Travel Platinum Master Card Debit บัตรคู่ใจนักเดินทางที่ต้องการความสะดวกสบายของการใช้จ่ายและความคุ้มค่าจากโปรโมชันสุดคุ้ม
- รับเครดิตเงินคืนจุกๆ 0.5% สูงสุด 1,000 บาท/ปี จากการรูดใช้จ่ายในต่างประเทศ ด้วยสกุลเงินต่างประเทศ สะสมทุกๆ 30,000 บาท/เดือน ไม่จำกัดสิทธิ์ ไม่ต้องลงทะเบียน ตั้งแต่ 19 ก.ย. 67 ถึง 31 ธ.ค. 67 และ รับเครดิตเงินคืน 0.25% สูงสุด 1,000 บาท/ปี ตั้งแต่ 1 ม.ค. 68 ถึง 31 ธ.ค. 68
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุลต่างประเทศที่ดีที่สุด รองรับ 20 สกุลเงิน ได้แก่ AED, AUD, CAD, CHF, CNY, DKK, EUR, GBP, HKD, INR, JPY, KRW, NOK, NZD, SAR, SEK, SGD, TWD, USD และ QAR
- ใช้จ่ายผ่านบัตรไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- สามารถแลกเงินและจัดการบัตรง่าย ๆ ตลอด 24 ชม. ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT
- สิทธิประโยชน์จากร้านค้าที่ร่วมรายการทั่วโลก ส่วนลดพิเศษ, เครดิตเงินคืน หรือบริการพิเศษ จากร้านค้าชั้นนำที่ธนาคารและ MasterCard คัดสรรมานำเสนอตลอดทั้งปี
- สมัครวันนี้ ผ่านแอป Krungthai NEXT หรือ ลูกค้าเดิมที่ถือบัตร Krungthai Travel Visa Platinum ยกเว้นค่าธรรมเนียมออกบัตร และรายปี (ปีแรก) รวมมูลค่า 350 บาท ถึง 30 มิ.ย. 68