ถอดรหัสความสำเร็จธุรกิจก่อสร้างและโรงแรม 5 ดาวของทายาทรุ่น 2
Business Hightlights
- บริษัท วรนิทัศน์ จำกัด เริ่มต้นจากร้านวัสดุก่อสร้างในจังหวัดสุรินทร์ เมื่อ 35 ปีที่แล้ว ต่อยอดมา ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในจังหวัด ปัจจุบันรับงานทั่วประเทศด้วยชื่อเสียงที่การันตีในมาตรฐาน
- รับงานก่อสร้างทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน อาทิ อาคารขนาดใหญ่ สนามบิน โรงแรม ฯลฯ มูลค่าโครงการรวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท กว่า 90% เป็นงานภาครัฐ
- ทายาทรุ่นที่ 2 ขับเคลื่อนโรงแรมระดับ 5 ดาว “วรบุระ หัวหิน รีสอร์ทแอนด์สปา” ด้วยดีไซน์ที่ โดดเด่นและบริการแบบไทย ดันยอดเข้าพักในช่วงไฮซีซันสูงถึง 80-90%
- เตรียมขยายโรงแรมแห่งใหม่ที่เขาหลัก จังหวัดพังงา เป็นโปรเจกต์ที่ต่อยอดความสำเร็จโดย เจเนอเรชันที่ 2
- มองหาโอกาสในอนาคตกับการขยายธุรกิจรับเหมาก่อสร้างไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังเติบโต
เมื่อ 35 ปีก่อน หจก. วรนิทัศน์ เริ่มต้นด้วยทุนจดทะเบียนเพียง 500,000 บาท ต่อมาเมื่อปี 2551 ได้จัดตั้งเป็น บริษัท วรนิทัศน์ จำกัด และจดทะเบียนเพิ่มทุนเป็น 500 ล้านบาท มีโครงการบริหารมากกว่า 100 โครงการทั่วประเทศ ด้วยระบบการเงินที่มั่นคงและเทคโนโลยีวิศวกรรมที่ทันสมัย ทำให้ทุกโครงการประสบความสำเร็จ ปัจจุบันนอกเหนือจากผู้บริหารรุ่นบุกเบิกแล้ว ธุรกิจครอบครัวที่มีฐานรากจากจังหวัดสุรินทร์นี้ ยังมีทายาทรุ่นที่สองเข้ามาเป็นกำลังสำคัญ คือ คุณวรกช วรนิทัศน์ (บุ๊ก) และ คุณรวิภา วรนิทัศน์ (ส้มโอ) รองผู้อำนวยการ บริษัท วรนิทัศน์ จำกัด เข้ามาบริหารองค์กรในฐานะเลือดใหม่ของวรนิทัศน์ โดยคุณวรกชรับผิดชอบดูแลในส่วนของธุรกิจโรงแรมเป็นหลัก ขณะที่คุณรวิภาเข้ามามีบทบาทในการบริหารธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจหอพัก
จากความเชี่ยวชาญธุรกิจก่อสร้าง ต่อยอดสู่โรงแรมระดับ 5 ดาว
จากการที่วรนิทัศน์มีความชำนาญในการก่อสร้าง โดยมีโครงการเด่น ๆ เช่น สนามบินนครศรีธรรมราช อาคาร 162 ปี กรมเจ้าท่า ฯลฯ เมื่อราว 15 ปีที่แล้วได้เห็นโอกาสจากการขยายตัวของการท่องเที่ยว ด้วยต้นทุนและทรัพยากรที่มีจากธุรกิจก่อสร้าง หากเริ่มต้นธุรกิจโรงแรมจะมีความได้เปรียบ และนี่คือจุดแข็งที่สามารถต่อยอดได้ จึงขยายธุรกิจใหม่สู่โรงแรมระดับ 5 ดาว ในอำเภอหัวหิน คือ วรบุระ หัวหิน รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจนถึงปัจจุบัน
คุณวรกชในฐานะผู้บริหารที่ดูแลธุรกิจโรงแรมแห่งนี้เล่าว่า วรบุระฯ ดีไซน์สวยงามโดดเด่นในสไตล์ไทย-โคโลเนียล โดยจำลองบรรยากาศสมัยรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ห้องพักมีทั้งหมด 77 ห้อง ตามชื่อจังหวัดในประเทศไทย แต่ละห้องตกแต่งให้แตกต่างโดยนำเสนอเอกลักษณ์ของแต่ละจังหวัด แขกที่มาพักจะประทับใจในคอนเซ็ปต์โรงแรม โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ชื่นชอบวัฒนธรรมไทย
“เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนเป็นช่วงโลว์ซีซัน แขกส่วนใหญ่เป็นคนไทยและประเทศในเอเชีย เข้าพักเป็นครอบครัว ส่วนลูกค้าที่พักระยะยาวจะมาจากแถบยุโรปและสแกนดิเนเวีย ส่วนใหญ่เป็นคู่รัก โดยรวมลูกค้าของวรบุระฯ เป็นต่างชาติ 60-70% โดยเฉลี่ย Occupancy Rate 70% แต่ช่วงไฮซีซันสูงถึง 80-90%”
ไม่มองข้ามเรื่องเล็กน้อย Lean ได้ต้อง Lean
เนื่องจากคุณวรกชจบปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกลและโรงงานจากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจะมีเรียนการบริหารจัดการภายในโรงงาน จึงนำทฤษฎีเกี่ยวกับ Lean Management มาประยุกต์ใช้กับการบริหารโรงแรม หลักการคือ ต้องกำจัดของเสียต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลา ทรัพยากร และแรงงาน หากกำจัดของเสียได้ดีก็จะลดต้นทุน ทำงานได้มีประสิทธิภาพและมีคุณภาพมากขึ้น
“เราศึกษาว่าทั้งโรงแรมมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง กำไรและขาดทุนเท่าไร รายได้มาจากช่องทางไหนบ้าง และควรเริ่มปรับส่วนไหนก่อน เนื่องจากฝ่ายขายค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่แล้ว เราจึงเน้นดูแลด้านค่าใช้จ่ายเป็นหลัก วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายแต่ละอย่างว่าจำเป็นไหม ซึ่งค่าใช้จ่ายบางอย่างเกิดจากการวางแผนไม่ดีพอ จึงปรับเปลี่ยนใหม่ เช่น ลดขั้นตอนการทำงาน ซึ่งช่วยลดเวลาที่เสียไปในแต่ละขั้นตอน ดังนั้น ในเวลาทำงานวันละ 8-9 ชั่วโมง พนักงานแต่ละคนจะทำงานได้มากขึ้นและมีคุณภาพที่ดี ขณะเดียวกันก็ปรับปรุงวิธีทำงานด้วย โดยปรับ Ergonomics ในการทำงาน เช่น ในห้องครัวถ้าวางสเตชันผิดหรือจัดระบบไม่ดีก็จะเสียเวลา หลายคนมองข้ามแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมาก เช่น การทำข้าวไข่เจียว ถ้าจัดสเตชันใหม่ทำให้การเดินไปหยิบไข่ เดินไปตักข้าวใช้เวลาน้อยลง ซึ่งไม่มีใครเหนื่อยมากขึ้น แต่ได้งานคุณภาพ ลูกค้าพอใจบริการ รออาหารไม่นาน และพนักงานไม่บาดเจ็บจากการยกของสูง”
นอกจากนี้ แผนกแม่บ้านก็มีความท้าทายมากเช่นกัน เพราะขั้นตอนเช็กอินและเช็กเอาต์เพียง 2 ชั่วโมง แต่โรงแรมมีห้องพัก 77 ห้อง บางครั้งแขกเช็กอินและเช็กเอาต์พร้อมกัน และหลายครั้งลูกค้ามาเป็นกลุ่มใหญ่ คุณวรกชจึงหาแนวทางแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง
“แม่บ้าน 1 คน ดูแล 15-20 ห้อง ใน 1 ห้อง ใช้เวลากี่นาทีถึงจะเรียบร้อย เราจึงศึกษาว่าแม่บ้านต้องทำอะไรบ้าง แล้วจะลดขั้นตอนไหน หรือเตรียมขั้นตอนไหนล่วงหน้าได้ หนึ่งในนั้นคือผลิตภัณฑ์พวกครีมอาบน้ำ แชมพู สบู่เหลวล้างมือ (Amenity) ที่เราเปลี่ยนเป็นแบบเติม เพื่อลดบรรจุภัณฑ์ขยะพลาสติก แต่จะเสียเวลาในการเติมแต่ละครั้ง จึงต้องเตรียมสำรองไว้ เมื่อลูกค้าเช็กเอาต์ก็นำมาเปลี่ยนทันที ด้วยกลยุทธ์การ Lean ทำให้วันที่โรงแรมมี Occupancy สูง ไม่จำเป็นต้องจ้างแม่บ้านเพิ่ม เพราะสามารถทำได้นอกเหนือจากเวลาเช็กอินและเช็กเอาต์ จากเดิมใช้เวลาทำห้อง 50 นาที อาจเหลือแค่ 30 นาที และใน 1 ชั่วโมง ทำได้ถึง 2 ห้อง”
นอกจากนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมกับการแข่งขันในอนาคต คุณวรกชกำลังมองหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาพัฒนาในส่วนของกลยุทธ์ Lean ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ความท้าทายของทายาทรุ่นใหม่ กับธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง
สำหรับคุณรวิภาเป็นอีกหนึ่งทายาทธุรกิจ จบการศึกษาด้านนิเทศศาสตร์ ก่อนหน้านี้ไปทำงาน หาประสบการณ์จากบริษัทอื่นก่อนจะเข้ามาช่วยสานต่อธุรกิจครอบครัวเมื่อราวปีเศษ ผู้บริหารเจเนอเรชันที่ 2 บอกถึงความท้าทายที่ต้องเข้ามาดูแลงานบริหารธุรกิจก่อสร้างโดยที่ยังไม่มีประสบการณ์และไม่ได้จบด้านนี้มาโดยตรงว่า “ตอนแรกเข้ามาดูแลหอพัก 2,000 ห้อง ที่จังหวัดขอนแก่น พยายามเรียนรู้งานในทุกตำแหน่ง เพื่อจะได้เข้าไปนั่งในใจพนักงาน ทำให้ทราบว่าเขามีปัญหาอะไร มี Pain Point อะไร หน้างานเจออะไรบ้าง และเราจะช่วยอย่างไร มันคือการซื้อใจ ไม่ใช่สั่งอย่างเดียว และในฐานะผู้บริหารจะได้ทราบปัญหาที่แท้จริง เพื่อนำไปแก้ไขให้ทันท่วงที”
ส่วนภาพรวมของธุรกิจก่อสร้างก็จะต้องบริหารจัดการด้วยการควบคุมต้นทุน มีการทำสัญญาล็อกราคาวัสดุ ขมวดรวมโปรเจกต์เพื่อให้คำสั่งซื้อมากขึ้น รวมถึงบริหารจัดการเวลาให้อยู่ในกรอบเวลาสัญญาหรือเสร็จเร็วกว่าเดิม เพราะหากเสร็จช้าจะต้องเสียค่าปรับและมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการทางธุรกิจ นอกจากนี้ คุณรวิภายังใช้ความรู้ด้านนิเทศศาสตร์และด้านการตลาด คอยคัดกรองและนำเสนอข้อมูลข่าวสารน่าสนใจในแวดวงธุรกิจและเทรนด์ต่าง ๆ ให้ผู้บริหารซึ่งเป็นเจเนอเรชันแรกขององค์กรได้รับทราบ เพื่อให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนในทุกมิติ
ในด้านของคุณวรกชมองว่าแนวทางการบริหารในฐานะทายาทรุ่นใหม่คือ การมองหาข้อดีขององค์กรให้เจอและรักษาไว้ให้ได้ เพราะการที่ วรนิทัศน์ฯ ดำเนินธุรกิจมาจนถึงทุกวันนี้ หัวใจสำคัญคือ การมีธรรมาภิบาลที่ดี มีความจริงใจ ซื่อสัตย์สุจริต ให้ประโยชน์สูงสุดกับลูกค้า และพยายามทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ถึงแม้จะมีอำนาจต่อรองมากกว่า แต่ก็ต้องไม่เอาเปรียบ ควรให้คู่ค้าอยู่ได้ด้วย ขณะเดียวกันต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและสังคม
“ตอนแรกก็ไม่เข้าใจ เพราะเราไฟแรงอยากได้กำไรเยอะ ๆ มีโอกาสแล้วทำไมไม่ทำ แต่พอตระหนักและเรียนรู้ว่าถ้าไม่มีเขา เราจะอยู่อย่างไร ก็ปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ และเชื่อมั่นว่าด้วยธรรมาภิบาลจะทำให้องค์กรก้าวหน้าอย่างยั่งยืน”
เจเนอเรชันที่ 2 ต้องพูดคุยด้วยเหตุผล และเปิดใจเรียนรู้
เมื่อผู้บริหารรุ่นใหม่ต้องทำงานร่วมกับผู้บริหารรุ่นก่อตั้งบริษัท แน่นอนว่ามุมมองของช่วงวัยที่ต่างกันย่อมเกิดขึ้น ซึ่งคุณรวิภามองว่า “การคำนึงถึงใจเขาใจเรา เข้าใจในมุมมองจากประสบการณ์ที่มากกว่า รวมถึงการพูดคุยด้วยเหตุและผล จะทำให้ไม่มีปัญหาในการทำงานกับผู้บริหารเจเนอเรชันรุ่นก่อน เราก็ต้องไม่ใช้อารมณ์ ต้องรู้จักประนีประนอม ฟังดูเหมือนง่ายแต่อาจต้องใช้เวลา เพราะนี่ไม่ได้เป็นเพียงความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้อง แต่ยังเป็นสายสัมพันธ์ของคนในครอบครัวด้วย”
ทางด้านคุณวรกชได้กล่าวเสริมว่า “จะเน้นเรื่องบุคลากรตามคำแนะนำของคุณพ่อและคุณลุง เพราะถือเป็นพลังขับเคลื่อนให้งานเดินหน้าได้สำเร็จ ซึ่งปัจจุบัน บริษัท วรนิทัศน์ จำกัด มีพนักงาน 300 กว่าคน ต้องทำอย่างไรให้บุคลากรอยู่กับเรา แม้จะให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่แล้ว แต่เงินก็ไม่ใช่ทุกอย่าง ต้องทำให้รู้สึกว่างานที่เขาทำมีคุณค่า คำสอนที่เราได้รับจากผู้บริหารรุ่นก่อนคือ พนักงานจะต้องสนุกกับงาน รู้สึกว่าสิ่งที่ตื่นมาทำทุกวันมันสร้างอิมแพ็ก ทำแล้วมีความหมาย ขณะเดียวกันต้องเสริมองค์ความรู้ให้บุคลากรด้วย”
ก้าวต่อไปของ “วรนิทัศน์” พร้อมยืนหยัดในสมรภูมิที่ช่ำชอง
เป้าหมายในอนาคตมีการวางแผนจะเปิดโรงแรมใหม่ที่อำเภอเขาหลัก จังหวัดพังงา ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาด้านการตลาด เนื่องจากเป็นพื้นที่มีการแข่งขันสูง ในการออกแบบจะเน้นโครงสร้างที่อยู่ได้นาน ภายใต้ Timeless Concept เช่นเดียวกับวรบุระ หัวหิน สาเหตุที่เลือกลงทุนในภาคใต้เพราะมีโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวที่ดี มีความพร้อมในทุกด้าน และทั้งสองผู้บริหารชอบธรรมชาติกับความสงบของเขาหลัก ซึ่งคล้ายกับหัวหิน
“เราสองคนช่วยกันทำโปรเจกต์โรงแรมใหม่นี้ เป็นการใช้ความถนัดด้านการตลาดและการบริหารจัดการ ขณะที่ธุรกิจก่อสร้างก็ยังรับงานอย่างต่อเนื่อง เพราะรุ่นคุณพ่อมั่นใจในความเชี่ยวชาญด้านนี้ โดยส่วนใหญ่จะรับงานภาครัฐเป็นหลัก เนื่องจากมีความมั่นคง ความเสี่ยงต่ำ ทำให้สามารถขยายธุรกิจต่อไปได้เรื่อย ๆ มีกระแสเงินสดคล่องตัว และต้องขอบคุณธนาคารกรุงไทยที่เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน พร้อมให้คำปรึกษามาโดยตลอด สำหรับในอนาคตจะมุ่งขยายธุรกิจก่อสร้างไปสู่ระดับสากล อาจเริ่มที่ประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียงก่อน เพราะกำลังพัฒนา ต้องการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ และจากการที่เรามีทรัพยากรองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ในการก่อสร้างอยู่แล้ว รวมถึงแต้มต่อด้านโลจิสติกส์ ทำให้มองเห็นว่านี่คือโอกาสดีที่จะสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น” คุณรวิภากล่าวทิ้งท้าย
Lesson Learned
- ทำธุรกิจต้องให้ความสำคัญและความเป็นธรรมกับ Stakeholders ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้บริหารรุ่นบุกเบิกสอนไว้และยังคงยึดมั่นต่อไป
- ไม่ออกแบบโรงแรมตามกระแส คอนเซ็ปต์ต้องชัดเจน ทำให้อยู่ได้นาน จากความสำเร็จของ วรบุระฯ ที่หัวหิน จะปักหมุดโรงแรมใหม่ที่เขาหลักด้วยแนวคิดเดียวกันนี้
- ผ่านวิกฤติปัญหาด้วยบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นำทฤษฏี Lean Management มาปรับใช้ผ่านการบริหารในแนวทางของผู้บริหารรุ่นใหม่
- ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ต้องพิสูจน์ตัวเองในหลายด้าน เอาใจเข้าแลกและทำงานให้หนัก เพื่อให้ได้รับการยอมรับผู้บริหารรุ่นก่อน
- เรียนรู้ที่จะสื่อสารอย่างมีเหตุมีผลกับเจเนอเรชันที่ปลุกปั้นธุรกิจ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
ที่มา: กรุงไทย SME FOCUS Issue 43 คอลัมน์ Successful Business สองทายาทรุ่นใหม่ "วรนิทัศน์" มุ่งมั่นสานต่อธุรกิจก่อสร้างและโรงแรม 5 ดาว
#เคล็ดลับธุรกิจ #วรนิทัศน์ #SuccessfulBusiness #Krungthai #กรุงไทยSME #พลิกธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืน