กองทุนทองคืออะไร ต่างจากลงทุนทองแท่งอย่างไร
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนอยู่เสมอ คือ ความโดดเด่นของทองคำในฐานะเปรียบเสมือนสกุลเงินที่มีมูลค่าคงที่ตลอดกาล แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะต้องเผชิญกับภาวะความผันผวนมากเพียงใด แต่มูลค่าของทองคำกลับอยู่ในทิศทางที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่เงินสกุลต่าง ๆ มีแนวโน้มที่จะค่อย ๆ เสื่อมค่าลงเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยเหตุนี้แม้เศรษฐกิจและสถานการณ์ต่าง ๆ ของโลกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ทองคำก็ยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่นักลงทุนให้ความสนใจเสมอ
ในบทความนี้เราจะพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความเข้าใจถึงเหตุผลว่าทำไมทองคำถึงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมในการลงทุนสูง และทางเลือกในการลงทุนกับทองคำนั้นมีอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปติดตามอ่านได้จากบทความนี้กันเลย
ทำไมในพอร์ตการลงทุนถึงต้องมี “ทอง”
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ราคาทองคำมีความผันผวนและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา โดยมีปัจจัยหลายประการที่ส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของราคา ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง สังคม หรือแม้แต่ภัยธรรมชาติ เมื่อพิจารณาราคาทองคำย้อนหลังไปในอดีต จะพบว่ามีความผันผวนขึ้นลงอย่างมาก
หากย้อนกลับไปในช่วงปี 2551-2552 ราคาทองคำแท่งทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจากราคาประมาณบาทละ 13,000 บาท ก้าวข้ามระดับ 18,000 บาทในช่วงปลายปี 2552 และพุ่งสูงสุดถึงราคา 27,000 บาทต่อบาททองคำในช่วงกลางปี 2554 ซึ่งถือเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนั้น
เวลาผ่านไปหลายปีแม้จะมีเหตุการณ์ที่ทำให้ราคาทองลดลงบ้างแต่ทองคำก็ได้ผ่านการพิสูจน์ผ่านกาลเวลา จนมาถึงช่วงปี 2564 ราคาทองคำมีทิศทางเป็นขาขึ้นมาโดยตลอด โดยล่าสุด ณ เดือนเมษายน 2567 ราคาทองคำได้พุ่งทะลุระดับ 42,000 บาท ต่อบาททองคำแล้ว (ข้อมูลจาก ราคาทองคำวันนี้)
และหากเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายแห่งราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2567 โดยอาจจะทะยานแตะระดับ 45,000 บาท ในช่วงปลายปี 2567 หรือต้นปี 2568 ทั้งนี้ปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากความกังวลเรื่องภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ในบางพื้นที่ที่ยังคงดำเนินอยู่
ดังนั้น นักลงทุนควรมีการลงทุนในทองคำเป็นส่วนหนึ่งในพอร์ตการลงทุน เนื่องจากทองคำถือเป็นสินทรัพย์ประเภทหนึ่งที่มีความสำคัญในการช่วยกระจายความเสี่ยงและลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นและตลาดอื่น ๆ ด้วยคุณสมบัติที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset)
นอกจากนี้ ทองคำยังมีคุณสมบัติที่ทำให้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดีด้วย เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่ ย่อมทนต่อแรงกดดันจากเงินเฟ้อได้ดีกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ ดังนั้น การมีสัดส่วนการลงทุนในกองทุนทองคำหรือลงทุนทองอื่นๆอยู่บางส่วนในพอร์ตการลงทุนของตน จึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการบริหารความเสี่ยงและช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดี
กองทุนทอง คืออะไร
กองทุนทองคำ หรือที่เรียกว่า "กองทุนรวมทอง" คือกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่มีนโยบายการลงทุนโดยการนำเงินไปลงทุนในทองคำแท่ง หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับราคาทองคำ กองทุนทองจึงเป็นเครื่องมือการลงทุนทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าถึงการลงทุนในทองคำโดยไม่จำเป็นต้องถือครองทองคำแท่งจริง
การลงทุนในกองทุนทองมีข้อดีคือช่วยเพิ่มสภาพคล่องในการลงทุน เนื่องจากสามารถซื้อขายหน่วยลงทุนของกองทุนได้ง่ายกว่าการซื้อขายทองคำแท่ง นอกจากนี้ยังช่วยลดต้นทุนในการเก็บรักษาทองคำด้วย เพราะกองทุนจะเป็นผู้ดูแลรักษาทองคำไว้แทนนักลงทุน
การลงทุนในกองทุนทองคำต่างกับการลงทุนในทองคำแท่งอย่างไร
ตารางเปรียบเทียบ
ประเภทการลงทุน | ข้อดี | ข้อเสีย | อัตราค่าธรรมเนียมบริการ | ความเสี่ยง |
ทองคำแท่ง |
|
|
ไม่มี |
ราคาทองคำอาจผันผวน
เสี่ยงต่อค่าเงินบาท
|
ทองรูปพรรณ |
|
|
ไม่มี |
|
ออมทองผ่านผู้ประกอบการร้านทอง (ซื้อผ่านแอป) |
|
|
ขึ้นอยู่กับ ผู้ประกอบการร้านทอง |
|
กองทุนทองคำ |
|
|
ขึ้นอยู่กับนโยบายของ แต่ละกองทุน |
- |
ประเภทการลงทุน | ข้อดี | ข้อเสีย | อัตราค่าธรรมเนียมบริการ | ความเสี่ยง |
ทองคำแท่ง |
|
|
ไม่มี |
ราคาทองคำอาจผันผวน
เสี่ยงต่อค่าเงินบาท
|
ทองรูปพรรณ |
|
|
ไม่มี |
|
ออมทองผ่านผู้ประกอบการร้านทอง (ซื้อผ่านแอป) |
|
|
ขึ้นอยู่กับ ผู้ประกอบการร้านทอง |
|
กองทุนทองคำ |
|
|
ขึ้นอยู่กับนโยบายของ แต่ละกองทุน |
- |
กล่าวโดยสรุปการลงทุนในกองทุนทองก็มีข้อดีหลายอย่างเมื่อเทียบกับการซื้อทองคำเป็นแท่งมาเก็บไว้กับตัวถึงแม้จะมีค่าบริหารจัดการอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับค่าประกันความเสี่ยงที่ทองคำแท่งจะสูญหายก็นับว่าการลงทุนในกองทุนทองนั้นมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย โดยเราสามารถสรุปข้อดีของการลงทุนในกองทุนทองได้ดังนี้
- ช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven Asset) ที่มีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับราคาหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง การลงทุนในกองทุนทองจึงช่วยลดผลกระทบเมื่อเกิดวิกฤตการณ์และความผันผวนในตลาด
- ทนต่อภาวะเงินเฟ้อได้ดี เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่ จึงสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี
- มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายหน่วยลงทุนได้ง่าย คล่องตัวกว่าการซื้อขายทองคำแท่งโดยตรง
- เริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินจำนวนน้อย โดยผู้ลงทุนสามารถเริ่มต้นลงทุนได้ด้วยเงินเพียง 1 บาทก็ลงทุนได้แล้ว
- ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาและขนส่งทองคำ เช่น ค่าประกันภัย ค่าห้องนิรภัย เหมือนการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรง
- มีการกระจายความเสี่ยง ผ่านการบริหารจัดการจากบริษัทจัดการกองทุนมืออาชีพ
- ช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้ เนื่องจากราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในระยะยาว
แม้จะมีข้อควรระวังบางประการ เช่น ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ค่าธรรมเนียมการจัดการ และภาษีจากกำไร แต่โดยรวมแล้วการลงทุนในกองทุนทองถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและมีประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน รวมถึงสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในระยะยาว
วิธีการเลือกกองทุนทอง ควรเลือกอย่างไร
การเลือกกองทุนทองคำที่เหมาะสมนั้นมีปัจจัยหลายประการที่ควรพิจารณา เพื่อให้การลงทุนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การลงทุนที่ตั้งไว้ เบื้องต้นแนะนำให้พิจารณาการลงทุนในกองทุนรวม ETF ทองคำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อาทิ SPDR Gold Trust เนื่องจากนโยบายการลงทุนของกองทุนดังกล่าวจะมีการซื้อทองคำแท่งและเก็บรักษาไว้เพียงเท่านั้น ส่งผลให้ราคาของกองทุนจะเคลื่อนไหวขึ้นลงตามราคาทองคำได้อย่างแม่นยำและใกล้เคียงมากกว่าการลงทุนใน ETF ทองคำตัวอื่น ๆ
อย่างไรก็ตามต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากองทุนรวมทองคำส่วนใหญ่เป็นประเภท Passive อยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายการลงทุนของกองทุนอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจลงทุน เนื่องจากกองทุน Passive ที่ดีจะต้องสามารถสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีชี้วัดมากที่สุด จึงจะถือว่าเป็นกองทุนที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมสำหรับการลงทุน ส่วนวิธีที่ควรพิจารณาในการเลือกกองทุนทองหลักๆมีดังนี้
- ค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุน ซึ่งจะมีผลกระทบโดยตรงต่อผลตอบแทนที่ผู้ลงจะได้รับ กองทุนทองคำบางกองมีค่าธรรมเนียมสูงกว่ากองทุนอื่น ๆ ดังนั้นจึงควรเปรียบเทียบให้ดีก่อนตัดสินใจ
- ศึกษานโยบายการลงทุนของกองทุนนั้น ๆ ว่ามีการลงทุนเฉพาะในทองคำแท่งหรือมีการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้าหรือหุ้นของบริษัททำเหมืองแร่ทองคำด้วยหรือไม่ เนื่องจากนโยบายการลงทุนที่แตกต่างกันจะส่งผลให้ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่คาดหวังแตกต่างกันด้วย
- ผู้ลงทุนควรให้ความสำคัญกับประวัติผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนด้วย โดยเปรียบเทียบกับดัชนีอ้างอิงหรือกองทุนทองคำกองอื่น ๆ เพื่อประเมินว่ากองทุนที่คุณกำลังให้ความสนใจนั้นมีประวัติผลการดำเนินงานที่ดีเพียงใดเมื่อเทียบกับดัชนีและกองทุนทองอื่น ๆ
- เรื่องขนาดของกองทุนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรคำนึงถึง เนื่องจากกองทุนขนาดใหญ่มักจะมีสภาพคล่องสูงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่ำกว่ากองทุนขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม กองทุนขนาดเล็กบางกองก็สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าในบางช่วงเวลา
- ชื่อเสียงและประสบการณ์ของบริษัทจัดการกองทุน คุณควรเลือกกองทุนที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัทที่มีชื่อเสียงและประสบการณ์ในการจัดการกองทุนทองคำมาเป็นระยะเวลานาน
นอกเหนือจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว คุณยังควรพิจารณาความเสี่ยงที่ยอมรับได้ของคุณเอง หากคุณต้องการความเสี่ยงต่ำ คุณอาจเลือกกองทุนที่ลงทุนเฉพาะในทองคำแท่ง แต่หากคุณยอมรับความเสี่ยงได้มากขึ้น กองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลายก็อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
ข้อควรระวังและคำเตือนในการลงทุนในกองทุนทองคำ
แม้การลงทุนในกองทุนทองคำจะมีข้อดีหลายประการ แต่นักลงทุนก็ควรระมัดระวังและคำนึงถึงปัจจัยบางประการที่อาจส่งผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุนได้ ดังนี้
1. ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
เนื่องจากกองทุนทองคำจะลงทุนในทองคำที่ซื้อขายในตลาดโลก ซึ่งใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นหน่วยในการซื้อขาย ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเงินบาทกับดอลลาร์จึงมีผลกระทบต่อมูลค่าเงินลงทุนของผู้ถือหน่วยลงทุนโดยตรง หากค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก็จะทำให้ผลตอบแทนการลงทุนในกองทุนทองคำต่ำลง แต่หากค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ผลตอบแทนการลงทุนก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
เนื่องจากกองทุนต้องแลกเปลี่ยนเงินบาทเป็นดอลลาร์ในการลงทุน ราคาทองคำที่เป็นรูปเงินบาทจะราคาต่ำลง เราก็จะขาดทุนเรื่องของค่าเงิน แปลว่าถ้าคาดการณ์แล้วว่าเงินบาทจะอ่อนค่า กองทุนรวมทองคำที่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน (Hedged) จะได้ผลตอบแทนที่ดีน่าสนใจมากกว่า แต่สำหรับใครที่อยากรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และอยากลงทุนในตัวราคาทองคำในรูปเงินดอลลาร์จริง ๆ ก็สามารถเลือกลงทุนกองทุนรวมทองคำแบบ Unhedged ได้เช่นกัน
2. ค่าธรรมเนียมในการจัดการกองทุน
ค่าธรรมเนียมผู้ดูแลผลประโยชน์ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกหักจากเงินลงทุนไปทีละส่วน ซึ่งอาจทำให้ผลตอบแทนสุทธิที่นักลงทุนจะได้รับลดลง โดยค่าธรรมเนียมการจัดการกองทุนทองคำในไทยจะอยู่ที่ประมาณ 0.6-0.9% ต่อปี
ด้วยปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ผู้ลงทุนจึงควรมีการศึกษาข้อมูลและพิจารณาเลือกกองทุนที่มีค่าบริหารจัดการต่ำที่สุดให้รอบคอบ เพื่อประเมินโอกาสและความเสี่ยงของการลงทุนในกองทุนทองคำที่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าที่สุด
สุดท้ายนี้ หากนักลงทุนท่านใดกำลังมองหาการลงทุนในทองคำนอกเหนือจากกองทุนทอง ยังคงมีตัวเลือกอื่นๆที่น่าสนใจอีกเช่น การลงทุนในทองคำออนไลน์ผ่าน Gold Walet แพลตฟอร์มซื้อขายทองคำออนไลน์แบบครบวงจร ให้การซื้อ-ขาย-ถอนทอง สะดวก ง่าย และปลอดภัย ไม่มีค่าธรรมเนียม อิงราคาตลาดโลกแบบเรียลไทม์โดยซื้อ-ขายทองคำ 99.99% และทองคำ 96.5% กับร้านทองชั้นนำถึง 3 ร้าน แถมเปิดบัญชีง่าย ทำได้ทุกที่ ทุกเวลา ด้วยการดาวน์โหลดแอปฯ เป๋าตัง และสมัครใช้งาน Gold Wallet ได้เลย
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าการลงทุนในทองคำมีหลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมของนักลงทุนแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนทอง หรือ ทองคำออนไลน์ เพราะเป็นกลุ่มการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้ดีเหมือนกันหากมีการเลือกรูปแบบ และวางกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมควบคู่ไปกับระยะเวลาการลงทุน รวมถึงการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายที่วางเอาไว้