เช็กอิน 25 ที่เที่ยวเกาหลี ถ่ายรูปสวย เก็บครบทุกแลนด์มาร์ก ไปกี่ที ก็ต้องห้ามพลาด!
อันยองฮาเซโยนักท่องเที่ยวทุกท่าน ใครที่กำลังเตรียมพร้อมลัดฟ้าสู่แดนกิมจิต้องแวะอ่านบทความนี้ด่วน เพราะกรุงไทยจะมาแนะนำพิกัดเที่ยวเกาหลีสุดปังให้ทุกคนได้เลือกสรร ที่ไม่ได้มีแค่คาเฟ่ พิพิธภัณฑ์ ที่เคยอ่านรีวิวกันในบทความต่าง ๆ การันตีได้เลยว่าทริปเที่ยวเกาหลีของคุณในรอบถัดไปจะสนุกแบบไม่ซ้ำ สายถ่ายรูปจะต้องว้าวอย่างแน่นอน
อย่ารอช้า มาอัปเดตลิสต์จุดเช็กอิน 25 ที่เที่ยวเกาหลี ไปพร้อมกันเลย
เที่ยวเกาหลีช่วงไหนดี
สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีนั้นมีให้เราเลือกตามไปเช็กอินมากมาย แต่การจะเที่ยวให้สนุกในฉบับของเรานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับแลนด์มาร์กที่จะตามไปเช็กอินอย่างเดียว เพราะสภาพแวดล้อมก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเติมความสนุกของเราให้เต็ม บางคนชอบอากาศหนาว, บางคนชอบเที่ยวแบบประหยัด หรือบางคนก็ขอเลือกเที่ยวแบบที่คนไม่ค่อยชุกชุม ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ สภาพอากาศก็มีผลอย่างมาก
เพื่อให้คุณวางแผนการเที่ยวเกาหลีในแบบที่ใช่ที่สุด เราขอพาทุกคนมาทำความเข้าใจกับฤดูกาลและสภาพอากาศของประเทศเกาหลีให้เข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ก่อนทะยานฟ้าสู่แดนกิมจิ กับ 4 ฤดูกาลที่จะทำให้คุณเที่ยวเกาหลีได้สนุกแบบยกกำลัง
ท่องเที่ยวเกาหลีในฤดูใบไม้ผลิ (ต้นเดือนมีนาคม – พฤษภาคม)
ฤดูยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว เพราะเป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย ไม่หนาวจนเกิน (อุณหภูมิประมาณ 6 - 16 องศา) และยังมีดอกซากุระเกาหลี หรือ พ็อดกด ให้ได้ชม โดยเฉพาะช่วงเมษายน ประเทศเกาหลีจะกลายเป็นสีชมพูเพราะพ็อดกด หรือ ซากุระเกาหลีผลิบานอย่างเต็มที่
ใครที่ชอบดอกไม้ และอยากเดินชมความสวยงามของประเทศที่แสนโรแมนติกฝั่งเอเชีย ก็ไม่ควรพลาดที่จะทะยานฟ้ามาเที่ยวเกาหลีในฤดูนี้
ท่องเที่ยวเกาหลีในฤดูร้อน (มิถุนายน – ต้นเดือนกันยายน)
สำหรับใครที่อยากคุ้นเคยกับอากาศบ้านเรา ฤดูร้อนของประเทศเกาหลีก็เป็นอีกช่วงเวลาที่น่าสนใจ เพราะฤดูนี้จะมีอุณหภูมิและสภาพอากาศคล้ายกับประเทศไทย (อุณหภูมิประมาณ 22 – 38 องศา) อาจมีฝนบ้างเล็กน้อย โดยเฉพาะเดือนสิงหาคม จะเป็นช่วงที่ร้อนที่สุดของปี แต่ถึงอากาศจะร้อนอย่างไร แสงถ่ายรูปที่แดนกิมจิในฤดูนี้ก็สวยกินขาดไม่แพ้ฤดูไหน ๆ
อีกหนึ่งจุดเด่นของฤดูนี้ คือค่าใช้จ่ายในการเที่ยวเกาหลี จะถูกมาก ไม่ว่าจะเป็นห้องพัก, ตั๋วเครื่องบิน เพราะเป็น Low Season สำหรับการท่องเที่ยวของประเทศเกาหลี ใครที่อยากมาเที่ยวแต่งบน้อย ฤดูนี้ก็ตอบโจทย์อย่างมาก
ท่องเที่ยวเกาหลีในฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนกันยายน – พฤศจิกายน)
ฤดูใบไม้ร่วง คือหนึ่งในฤดูกาลสุดฮิตตลอดกาลของนักท่องเที่ยว ด้วยอากาศที่สดชื่นและเย็นสบาย (อุณหภูมิประมาณ 10 – 20 องศา) เหมาะแก่การเดินเที่ยวชมเมือง พักผ่อนหย่อนใจอย่างมาก นอกจากนี้ก็ยังได้ดูไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย บอกเลยว่าช่วงเวลานี้จะทำให้ทริปเที่ยวเกาหลีของคุณอบอุ่นขึ้นเป็นเท่าตัว
ใครที่ชอบอากาศเย็นสบาย และอยากได้ภาพ Mood โรแมนติกเหมือนในซีรีส์ยอดฮิต ฤดูใบไม้ร่วงจะตอบโจทย์ทุกความต้องการให้คุณแบบร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างแน่นอน
ท่องเที่ยวเกาหลีในฤดูหนาว (ธันวาคม – กลางเดือนมีนาคม)
ปิดท้ายด้วยฤดูกาลที่จะทำให้คุณเหมือนอยู่ในซีรีส์เกาหลีแบบสุด ๆ กับฤดูหนาว (อุณหภูมิประมาณ -5 ถึง 20 องศา) นอกจากอากาศที่หนาวเย็นแล้ว ยังมีหิมะขาวสะอาดตาให้คุณได้เก็บภาพเป็นความทรงจำอีกด้วย บอกเลยว่าฤดูนี้มีกิจกรรมอย่างการเล่น “สกีหิมะ” ให้คุณได้สนุกแบบเต็มที่อีกด้วย
อีกหนึ่งความสนุกที่ไม่ควรพลาด คือการได้แต่งตัวหน้าหนาวแบบสมใจ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อโค้ต รองเท้าบูท หรือฮีทเทคต่าง ๆ เราเชื่อว่าคนที่ชอบดูหนังหรือซีรีส์เกาหลีจะต้องเห็นคอสตูมหน้าหนาวสุดปังน่าแต่งตามอยู่บ่อย ๆ บอกเลยว่าฤดูนี้จะสานฝันจินตนาการ ทำให้คุณสนุกกับแฟชั่นหน้าหนาวในเกาหลีแบบเกินร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน
แจกพิกัด 25 ที่เที่ยวเกาหลี รวมทุกแลนด์มาร์กให้ตามไปเช็กอิน
มาเที่ยวเกาหลีทั้งทีจะแวะเก็บภาพความทรงจำแค่คาเฟ่ หรือ พิพิธภัณฑ์ ก็อาจจะจำเจไปสักหน่อย เราเลยมาแนะนำแลนด์มาร์กน่าเที่ยว ที่สวยจนต้องตามมาเช็กอินลงโซเชียลเก๋ ๆ ให้คุณได้ลิสต์ลงแผนการเดินทางก่อนลัดฟ้าไปแดนกิมจิ กับพิกัด 25 ที่เที่ยวเกาหลี จะมีที่ไหนบ้าง มาดูไปพร้อมกันได้เลย
1.โซล ทาวเวอร์ หรือ นัมซาน ทาวเวอร์ (N Seoul Tower)
เปิดทริปเที่ยวเกาหลี ด้วยจุดเช็กอินยอดนิยมอย่าง “โซล ทาวเวอร์” (N Seoul Tower) แลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ควรพลาด คุณจะได้เก็บภาพความทรงจำบน “ยอดเขานัมซัง” ที่สูงถึง 236 เมตร ที่จะทำให้คุณชมวิวกรุงโซลได้แบบพาโนราม่าเลยทีเดียว
นอกจากจะเป็นจุดชมวิวสวย ๆ ใจกลางกรุงโซลแล้ว ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีสุดโรแมนติกสำหรับคู่รักทั้งหลายอีกด้วย เพราะที่แห่งนี้มีความเชื่อการมีความรักที่ยืนยาว หากคุณได้มาคล้องกุญแจ Love Key Ceremony ไว้ที่ราวเหล็ก อีกทั้งยังมีร้านอาหารวิวดีให้คุณได้ลิ้มรสความอร่อย และอิ่มเอมกับบรรยากาศสุดโรแมนติกราวกับอยู่ในซีรีส์เกาหลีเลยล่ะ
ค่าเข้าเยี่ยมชม: ผู้ใหญ่ 21,000 วอน / เด็ก 16,000 วอน
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.30 น. วันเสาร์เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00 - 23.00 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 4 ไปลงสถานีมยองดง ทางออก 3 จากนั้นเดินตามป้าย Namsan Tunnel #3 (ประมาณ 10 - 15 นาที) เมื่อเจอลิฟต์ “นัมซานโอรือมี” ให้ขึ้นลิฟต์ไปยังลานเคเบิลคาร์ เพื่อนั่งต่อไปยังโซล ทาวเวอร์
พิกัดเดินทาง: goo.gl/maps/zJ9JW4riZgdftETX6
2.พระราชวังคยองบกกุง (Gyeongbokgung Palace)
มาเที่ยวเกาหลีแล้วจะพลาดแลนด์มาร์กนี้ไม่ได้ “พระราชวังคยองบกกุง (Gyeongbokgung Palace)” พระราชวังเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล โดยสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1394 สมัยพระเจ้าแทโจ (Taejo of Joseon) ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอนนั่นเอง พระราชวังคยองบกกุงนับเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาชมความอลังการ และความสวยงามของสถาปัตยกรรมแห่งประวัติศาสตร์
สำหรับใครที่ชื่นชอบสถาปัตยกรรมโบราณที่มาพร้อมเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ ก็ไม่ควรพลาดกับสถานที่ท่องเที่ยวเกาหลียอดฮิตแห่งนี้ แล้วอย่าลืมใส่ชุดฮันบกมาเดินเที่ยวชมบรรยากาศพระราชวังคยองบกกุงกันนะ บอกเลยว่าคุณจะอิ่มเอมไปกับบรรยากาศรอบด้านเพิ่มขึ้นอย่างเท่าตัวแน่นอน
ค่าเข้าเยี่ยมชม: ผู้ใหญ่ (อายุ 19 - 64 ปี) 3,000 วอน / เยาวชน (อายุ 7 - 18 ปี) 1,500 วอน/ เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี, ผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ที่ใส่ชุดฮันบกเข้าชมฟรี เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวันพุธสุดท้ายของเดือน
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ และ วันพุธ - วันอาทิตย์ (หยุดทุกวันอังคาร) ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น. (พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์) ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. (มีนาคม - พฤษภาคม และ กันยายน - ตุลาคม) ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.30 น. (มิถุนายน - สิงหาคม
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 3 ลงที่สถานี Gyeongbokgung Palace Station ทางออก 5 จากนั้นเดินตรงไปอีก 100 เมตรก็จะถึงประตูทางเข้าพระราชวัง
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/UEC56fx4VeJsdXvM8
3.ย่านมยองดง หรือ เมียงดง (Myeong-dong)
ปักหมุดมาเที่ยวเกาหลีแล้วก็ต้องจดลงลิสต์ “ย่านมยองดง หรือ เมียงดง (Myeong-dong)” แลนด์มาร์กสุดฮิตใจกลางกรุงโซลสำหรับสายชอป เพราะย่านนี้เปรียบเสมือนสวรรค์แห่งการชอปปิง มีสินค้าแฟชั่นมากมายให้คุณได้จับจ่าย แถมยังได้อัปเดตเทรนด์ใหม่ ๆ ไปในตัวอีกด้วย
นอกจากจะได้เปิดกระเป๋าตังค์บ่อยเพราะสินค้าแฟชั่นแล้ว ย่านนี้ยังมีของอร่อยให้คุณได้น้ำลายสออีกเพียบ ไม่ว่าจะร้านอาหารยอดฮิตที่คนพากันรีวิว ปล่อยพิกัดให้ได้ตามมาพิสูจน์หลายสิบร้าน หรือจะสตรีทฟู้ดก็น่ากินไม่แพ้กัน แถมยังมีขนมหวานแสนอร่อยให้คุณได้เลือกลิ้มลองอีกไม่น้อย บอกเลยว่าดินแดนนี้เป็นแหล่งละลายทรัพย์ชั้นดีเลยก็ว่าได้
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 - 22.00 น.
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 4 ลงที่สถานี Myeong-dong Station ทางออกที่ 8
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/32oNLwvv6LRm9WzV7
4.หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village)
มาต่อกันด้วยการเที่ยวเกาหลีแบบย้อนยุคสู่สมัยโซชอน “หมู่บ้านบุกชอนฮันอก (Bukchon Hanok Village)” หมู่บ้านโบราณที่ยังอนุรักษ์บ้านเรือน และอาคารต่าง ๆ ของสมัยโชซอน ไม่ว่าจะเป็นบ้านขุนนางระดับสูงของเกาหลีในสมัยนั้นกว่า 100 หลัง นับเป็นหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญที่จะพาทุกคนที่มาเยือนได้ย้อนกลับไปสัมผัสกลิ่นอายของยุคสมัยโซชอนที่ยังคงความรุ่งเรืองให้เราได้เที่ยวชม
นอกจากนี้ หมู่บ้านบุกชอนฮันอกยังมีเกสต์เฮ้าส์, ร้านอาหาร และโรงน้ำชา ให้คุณได้แวะพักผ่อนหย่อนใจ ชื่นชมกับบรรยากาศสมัยโชซอนได้อย่างเต็มที่ และที่สำคัญหมู่บ้านนี้ยังมีชุดฮันบกให้เช่ายืมเพื่อมาเดินเล่น และถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำอีกด้วย
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 3 สถานี Anguk Station ทางออก 2 เดินตรงไป 300 เมตร จนถึงหมู่บ้านบุคชอนฮันอก
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/pX7MknESTEhH6zx17
5.หมู่บ้านชอนจู ฮันอก (Jeonju Hanok Village)
สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีที่สำคัญอีกหนึ่งแห่ง “หมู่บ้านชอนจู ฮันอก (Jeonju Hanok Village)” หมู่บ้านโบราณของยุคโชซอนที่ยังมีบ้านเรือนโบราณอย่าง "ฮันอก" สถาปัตยกรรมเก่าแก่ ซึ่งมีอายุมากกว่า 800 ปี ให้คุณได้เยี่ยมชมความสวยงามสไตล์โชซอน
นักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบสไตล์โชซอนไม่ควรพลาด เพราะหมู่บ้านแห่งนี้มีจุดถ่ายรูปสวย ๆ ให้คุณได้แวะเก็บภาพบรรยากาศไม่น้อย อีกทั้งยังมีโฮมสเตย์แบบย้อนยุคให้ได้พักอาศัยและเรียนรู้วัฒนธรรมดั้งเดิมของเกาหลีอีกด้วย
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 - 18.00 น.
การเดินทาง:ขึ้นรถไฟที่สถานี Yongsan Station (KTX Terminal) ไปยังสถานี Jeonju Station จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ต่อไปยัง “หมู่บ้านชอนจูฮันอก”
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/UT1fWxLLuqct2BWe6
6.ลานชองกเย พลาซ่า (Cheonggye Plaza)
ลัดฟ้ามาแดนกิมจิต้องไม่พลาดที่เที่ยวเกาหลีสุดฮิตอย่าง “ลานชองกเย พลาซ่า (Cheonggye Plaza)” อีกแหล่งพักผ่อนหย่อนใจที่ชาวเกาหลีนิยมมา ลานนี้ตั้งอยู่บนถนนเซจอง (Sejong-ro) โดยเริ่มตั้งแต่ต้นคลองชองกเยชอนยาวไปจนถึงสะพานซินทับชอลกโย (Sindapcheolgyo Bridge) ซึ่งมีระยะทางยาวประมาณ 160 เมตรเลยทีเดียว
นอกจากจะเป็นจุดนัดพบเพื่อผ่อนคลายแล้ว ลานชองกเย พลาซ่า ยังมี “ลานน้ำพุ” น้ำพุเล่นระดับสองชั้นที่มีความยาว 4 เมตร ซึ่งจะมีการเปิดไฟประดับหลายสีสันในตอนเวลากลางคืนให้เราได้ชื่นชมความสวยงามอีกด้วย
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน.
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 1 หรือ 2 มายังสถานี City Hall Station ทางออก 4 หรือ ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 5 มายังสถานี Gwanghwamun Station ทางออก 5
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/cZw77yBdn1FhyNH38
7.ป่ากรุงโซล (Seoul Forest Park)
อีกแลนด์มาร์กเที่ยวเกาหลีที่ต้องจดลงลิสต์ “ป่ากรุงโซล (Seoul Forest Park)” ถือเป็นศูนย์รวมของสวนสาธารณะกว่า 5 แห่ง จุดเด่นที่ทำให้นักท่องเที่ยวต่างแวะมาเช็กอิน คือสวนดอกไม้ประจำฤดูกาล ที่มีดอกไม้หลากสีหมุนเวียนมาปลูกให้ได้ชื่นชมความงามอยู่ตลอดปี
ใครที่ชอบดอกซากุระพลาดไม่ได้เลยใน “ช่วงฤดูใบไม้ผลิ” เพราะฤดูนี้ ในสถานที่แห่งนี้จะสร้างความประทับใจให้คุณได้ไม่น้อย กับสวนริมแม่น้ำฮันกัง หรือ พ็อก-กช (Beojkkoch) ที่จะถูกเติมเต็มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระเกาหลีรอบด้าน ในช่วงปลายเดือนมีนาคม - ต้นเดือนเมษายนของทุกปีนั่นเอง
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 18.00 น. (ฤดูร้อน) ตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น. (ฤดูหนาว)
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย Bundang Line ไปยังสถานี Seoul Forest Station ทางออก 3 จากนั้นเดินไป Seoul Forest Park (ประมาณ 5 นาที) หรือ ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 สถานี Ttukseom Station ทางออก 8 จากนั้นเดินไป Seoul Forest Park (ประมาณ 15 นาที)
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/sHLrXjFtp1NXSRH29
8.สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ (Everland Theme Park)
เที่ยวเกาหลีกับสวนสนุกระดับโลก “สวนสนุกเอเวอร์แลนด์ (Everland Theme Park)” สวนสนุกกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี มีเครื่องเล่นมากมายให้ได้เล่นสนุกแบบเต็มที่ แถมยังมีสวนดอกไม้นานาชาติให้ชมตลอดทั้งปีอีกด้วย พลาดไม่ได้สำหรับคนรักสัตว์ เพราะที่นี่มีสวนสัตว์ซาฟารีขนาดใหญ่ให้เราได้เข้าไปเยี่ยมชมความน่ารักของสัตว์นานาชนิด
และอีกไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาด ซาฟารีแห่งนี้มี “ไลเกอร์ (Liger)” ลูกผสมระหว่างสิงโตกับเสือคู่แรกให้เราได้แวะเยี่ยมชมความน่ารัก น่าเอ็นดูของน้องอีกด้วย บอกเลยว่าความน่ารักแบบนี้หาดูได้แค่ที่สวนสนุกเอเวอร์แลนด์เท่านั้น!
ค่าเข้าเยี่ยมชม: บัตร One Day Pass ราคาประมาณ 22,000 - 37,000 วอน บัตร Two Day Pass ราคาประมาณ 45,000 - 59,000 วอน บัตรผ่านประตู (ไม่เล่นเครื่องเล่น) ราคาประมาณ 20,000-30,000 วอน
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 22.00 น
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินไปยังสถานี Jeondae - Everland (Yongin EverLine), ทางออก 3
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/NsJ9gAPoVfxBkdYj7
9.มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Ewha Woman University)
“Ewha Womans University หรือ มหาลัยสตรีอีฮวา” มหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดในประเทศเกาหลี เรียกได้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยในฝันของชาวเกาหลีเลยก็ว่าได้ นอกจากชื่อเสียงที่โด่งดังในเรื่องของหลักสูตรการเรียนแล้ว มหาวิทยาลัยแห่งนี้ยังเลื่องชื่อในเรื่องความสวยงามของสถาปัตยกรรม จนกลายเป็นแลนด์มาร์กยอดนิยมที่ใครมาเที่ยวเกาหลีก็ต้องแวะมาเช็กอิน
โดยเฉพาะอาคาร Ewha Campus Center (ECC) อาคารเรียนที่ออกแบบโดย Dominique Perrault สถาปนิกชาวฝรั่งเศส ซึ่งมีความสวยงามอย่างมาก และกลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดฮิตของนักท่องเที่ยว ยิ่งในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมหาลัยสตรีอีฮวาก็ยิ่งเป็นที่นิยมอย่างมาก ด้วยทัศนียภาพรอบด้านของมหาลัยที่กำลังผลัดเปลี่ยนจากสีเขียวชอุ่มสู่สีแห่งความอบอุ่นอย่างสีส้มและสีเหลือง เติมเต็มความอบอุ่นที่แสนโรแมนติกได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.00 น.
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 ไปยังสถานี Ewha Womans University Station ทางออกที่ 2 หรือ 3 เดินจากสถานีไปยังมหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา เพียงแค่ 5 นาที
พิกัดเดินทาง: https://maps.app.goo.gl/Qf7T93wwmGKpMmBj9
10.ห้องสมุด (Starfield Library)
ต่อด้วยสถานที่เที่ยวเกาหลีแบบสุดชิค “ห้องสมุด (Starfield Library)” ห้องสมุดขนาดใหญ่ สวรรค์ของนักอ่าน ที่ตั้งอยู่ในห้าง COEX Mall ย่านคังนัม ซึ่งได้รับความนิยมทั้งจากนักอ่านตัวยง เพราะที่นี่ได้รวบรวมหนังสือมากกว่า 50,000 เล่มไว้ให้ได้เลือกสรร อีกทั้งยังสร้างปรากฏการณ์แรกของประเทศเกาหลีที่สร้างห้องสมุดขนาดใหญ่ไว้กลางห้าง
นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่เหมาะกับนักผลิตคอนเทนต์สุดฮิปอีกด้วย กับการตกแต่งที่เรียบง่าย แต่กลับแฝงไปด้วยความยิ่งใหญ่ แถมยังให้ Mood ชิค ๆ ในการถ่ายรูปได้อย่างดี หากคุณต้องการจุดเช็กอินที่แสนชิลแต่มีสไตล์ Starfield Library คือคำตอบที่ถูกต้องสำหรับทริปนี้
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.30 - 22.00 น.
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 ไปยังสถานี Samseong Station ทางออกที่ 6 จากนั้นเดินตามป้ายที่มีคำว่า Starfield COEX Mall ไปยัง Starfield Library
พิกัดเดินทาง: https://maps.app.goo.gl/jjiuK5oX8j3RBuxU6
11.เลโก้แลนด์ (Legoland)
ใครชอบต่อเลโก้ยกมือขึ้น! สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีแห่งนี้จะพาคุณตะลุย “เลโก้แลนด์ (Legoland)” สวรรค์ของคนรักเลโก้ มีโซนทั้งหมด 7 ธีมให้คุณได้เลือกชม ไม่ว่าจะเป็น "Pirate Coast", "Lego City" หรือ "Lego Castle" รวมถึงสวนสนุกพร้อมเครื่องเล่นมากมายให้คุณได้สนุกแบบเต็มที่
ความสนุกและความน่าสนใจของเลโก้แลนด์ไม่ได้มีเพียงเท่านี้ เพราะคุณจะได้เห็นเมืองขนาดจิ๋วเกาหลีที่สร้างด้วยตัวต่อเลโก้! บอกเลยว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ที่น่ารักอย่างมากแน่นอน นอกจากนี้คุณยังสามารถสร้างแบบจำลองเลโก้ในแบบของตัวเองได้อีกด้วย
ค่าเข้าเยี่ยมชม: ผู้ใหญ่ และ เด็ก (อายุ 13 ปีขึ้นไป) 50,000 วอน เด็ก (อายุต่ำกว่า 13 ปี) 40,000 วอน
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดบริการวันจันทร์ - พฤหัสบดี ตั้งแต่เวลา 10:00 - 18:00 น. เปิดบริการวันศุกร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10:00 - 19:00 น.
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 1 ไปยังสถานี Yongsan Station จากนั้นขึ้นรถไฟ ITX จากไปยังสถานี Chuncheon Station จากนั้นขึ้น Shuttle Bus ของสวนสนุกเลโก้แลนด์มายังจุดหมาย
พิกัดเดินทาง: https://maps.app.goo.gl/ruR6cWBTnvmNwEr56
12.คังนึง (Gangneung)
“คังนึง (Gangneung)” เมืองชายฝั่งในจังหวัดคังวอนโดที่เที่ยวเกาหลีสุดเลื่องชื่อกับชายหาดที่สวยงาม แลนด์มาร์กที่ผสมผสานระหว่างภูมิทัศน์และวัฒนธรรมดั้งเดิมได้อย่างลงตัว สำหรับใครที่ต้องการเพลิดเพลินกับบรรยากาศชายฝั่งทะเลไม่ควรพลาดเมืองนี้
นอกจากนี้ เมืองคังนึงยังมีสถานที่ให้แฟนคลับได้ตามรอยเช็กอินกับฉากสวย ๆ ที่ตราตรึงใจ ไม่ว่าจะเป็น ป้ายรถเมล์ที่หนุ่ม ๆ วง BTS ได้มาถ่ายทำ MV เพลง Spring Day หรือจะเป็นฉากสุดประทับใจในซีรีส์ชื่อดังอย่าง Goblin (ก็อบลิน) ที่หาดยองจิน การันตีได้เลยว่าที่เที่ยวแห่งนี้ถูกใจแฟนคลับแน่นอน
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟความเร็วสูง KTX ไปยังสถานี Gangneung Station โดยจะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พิกัดเดินทาง: https://maps.app.goo.gl/9uVqeSj2xwLWpcpn6
13.สวนสนุกล็อตเต้ เวิลด์ (Lotte World)
เที่ยวเกาหลีให้สนุกแบบสุดเหวี่ยงกับ “สวนสนุกล็อตเต้ เวิลด์ (Lotte World)” สวนสนุกชื่อดังที่รวบรวมเครื่องเล่นมากมายให้สนุกแบบสุดเหวี่ยง และยังมีสัญลักษณ์ของสวนสนุกอย่าง Lotty และ Lorry เจ้ากระรอกสุดน่ารักให้เราได้ตามเก็บภาพคู่เพื่อเช็กอินว่ามาถึงถิ่นแล้ว
นอกจากนี้ยังมีโซน Indoor ที่มาในธีมหมู่บ้านยุโรป มีเครื่องเล่นมากถึง 22 ชนิดให้เลือกเล่น แต่ไฮไลท์สำคัญเลยก็คือ ม้าหมุน ที่ใครมาถึงแล้วก็ต้องยอมต่อแถมเพื่อเก็บภาพสวย ๆ ความสนุกยังคงต่อเนื่องมายังโซน Outdoor กับธีมเกาะเวทมนตร์ บอกเลยว่าโซนนี้เอาใจคนรักความท้าทายแบบสุด ๆ คุณจะได้เล่นเครื่องเล่นสุดมันส์ การันตีเลยว่าสนุกจนต้องเล่นอีกรอบแทบทุกชนิด สำหรับใครที่อยากเดินเล่นเก็บบรรยากาศไปเรื่อย ๆ ที่นี่ก็ยังมีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ให้เที่ยวชมอีกด้วย บอกเลยว่าเช็กอินที่เดียวก็ได้รับความคุ้มที่ยิ่งกว่าคุ้ม!
ค่าเข้าเยี่ยมชม: Lotte World และ Folk Museum (1 Day) ผู้ใหญ่ (อายุ 19 - 64 ปี) 62,000 วอน (50,000 วอน หลังเวลา 16:00 น.) เด็กโต (อายุ 13 - 18 ปี) 54,000 วอน (43,000 วอน หลังเวลา 16:00 น.) เด็กเล็ก (อายุ 3 - 12 ปี) 47,000 วอน (36,000 วอน หลังเวลา 16:00 น.) เด็กทารก (ต่ำกว่า 36 เดือน) 15,000 วอน (15,000 วอน หลังเวลา 16:00 น.)
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 - 21:00 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสีเขียวสาย 2 หรือรถไฟสีชมพูสาย 8 มายังสถานี Jamsil Station ทางออก 3 หรือ 4 เดินต่ออีกประมาณ 143 เมตรไปยังสวนสนุกล็อตเต้ เวิลด์
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/KbtQK8FmJnd6Qzs96
14.อุโมงค์ซากุระ คลองยอชวาชอน (Yeojwacheon Stream)
“คลองยอชวาชอน (Yeojwacheon Stream)” สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีของเมืองจินแฮที่ไม่ควรพลาด แลนด์มาร์กยอดฮิตสำหรับสายถ่ายรูป โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ผลิที่เมืองนี้จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพูของดอกซากุระเกาหลีรอบเมือง สร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม
คลองยอชวาชอนมีจุดชมซากุระเกาหลีที่ตราตรึงใจมากมาย นอกจากนี้ยังมีการนำร่มมาประดับพร้อมเปิดไฟในตอนกลางคืนให้เราได้รับชมความงดงามของธรรมชาติ ใครที่ชื่นชอบดอกซากุระ และรักในบรรยากาศที่แสนอบอุ่นและเต็มไปด้วยความโรแมนติก ห้ามพลาดจุดเช็กอินนี้เป็นอันขาด
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟความเร็วสูง KTX ไปยังเมืองมาซาน (ใช้เวลา 3 ชั่วโมง) จากนั้นนั่งแท็กซี่ต่อไปยังเมืองจินแฮ
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/z5L2Vav15zguyJ1b6
15.หมู่บ้านวัฒนธรรม คัมชอน (Gamcheon Culture Village)
สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีแห่งเมืองปูซาน “หมู่บ้านวัฒนธรรมคัมชอน (Gamcheon Culture Village)” หรือ ซานโตรีนีเกาหลี เมืองแห่งสีสันที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมสุดล้ำค่าของเกาหลี ที่เต็มไปด้วยบ้านเรือน และอาคารต่าง ๆ ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีพาสเทล ซึ่งเป็นผลจากความทรุดโทรมของหมู่บ้านในสมัยสงครามเกาหลี มาจนปี 2009 หมู่บ้านคัมชอน จึงได้เชิญบรรดาศิลปิน นักเรียน และจิตรกร มาร่วมมือช่วยกันตกแต่งหมู่บ้านให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
การร่วมแรงร่วมใจของเหล่าจิตรกรทำให้ภายในหมู่บ้านมีสีสันที่เป็นเอกลักษณ์อีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีการประดับตกแต่งด้วยรูปปั้น และงานศิลป์แบบต่าง ๆ รอบหมู่บ้าน และรูปปั้นที่สุดเลื่องลือคงไม่พ้น “รูปปั้นของเจ้าชายน้อย” ที่กลายเป็นจุดเช็กอินสุดฮิตประจำหมู่บ้านเลยก็ว่าได้
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. (เดือนมีนาคม-เดือนพฤศจิกายน) ตั้งแต่เวลา 10.00 - 17.00 น. (เดือนธันวาคม - เดือนกุมภาพันธ์)
การเดินทาง: นั่งรถไฟใต้ดินสาย 1 ไปยังสถานี Toseong Station ทางออก Exit 6 จากนั้นเดินวนขวา ผ่าน PNC Cancer Center จะเจอป้ายรถเมล์ Pusan Nat’l Univ. Hospital แล้วนั่งรถบัสสาย 1-1 หรือ 2 หรือ 2-2 มายังป้าย Gamjeong Elementary School แล้วเดินไปยัง หมู่บ้านวัฒนธรรม คัมชอน (ประมาณ 15-20 นาที)
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/aXUZP5FcgoWPjTcy5
16.หมู่บ้านเจ้าชายน้อย (Petite France)
เที่ยวเกาหลีก็ท่องสู่โลกของเจ้าชายน้อยได้ เพราะที่นี่มี “หมู่บ้านเจ้าชายน้อย (Petite France)” หมู่บ้านสุดน่ารักจากนวนิยายชื่อดังสุดคลาสสิกของ “อ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี (Antoine de Saint-Exupéry)” ที่ได้รังสรรค์เรื่องเล่าในจินตนาการสู่เมืองที่แสนสดใส
โดยที่นี่มี Le Saint-Exupery Memorial Hall เป็นไฮไลท์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อย เพราะเป็นดินแดนที่รวบรวมผลงานของ อ็องตวน เดอ แซ็งแตกซูว์เปรี ให้เราได้ดื่มด่ำกับโลกแห่งนวนิยาย ไม่ว่าจะเป็นแกลลอรี่, บ้านกล่องดนตรี, ร้านขายของที่ระลึกสุดน่ารัก รวมไปถึงร้านอาหารและคาเฟ่ยอดนิยม ขอบอกเลยว่าแฟนเจ้าชายน้อยตัวจริงไม่ควรพลาดที่แห่งนี้จะสร้างความทรงจำที่แสนตราตรึงใจให้คุณได้อย่างไร้ที่ติแน่นอน
ค่าเข้าเยี่ยมชม: Petite France ผู้ใหญ่ 12,000 วอน นักเรียนมัธยมต้น - มัธยมปลาย 10,000 วอน เด็ก (ตั้งแต่ 3 ขวบ - ประถม) 8,000 วอน Petite France และ หมู่บ้านอิตาลี Pinocchio e Da Vinci ผู้ใหญ่ 28,000 วอน นักเรียนมัธยมต้น - มัธยมปลาย 22,000 วอน เด็ก (ตั้งแต่ 3 ขวบ - ประถม) 17,000 วอน
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น.
การเดินทาง: นั่งรถไฟ ITX-Maum ไปยังสถานี Cheongpyeong Station ทางออก 2 จากนั้นนั่งรถบัส Gapyeong Circle Bus ต่อไปยัง Petite France
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/8yPGR6G56t88CFcd7
17.หาดแฮอึนแด (Haeundae Beach)
ที่เกาหลีไม่ได้มีแต่คาเฟ่สวย ๆ เมืองย้อนยุคสุดเก๋ และแหล่งรวมงานศิลป์เท่านั้น แต่เกาหลียังมีเมืองท่าใหญ่เป็นแลนด์มาร์กสำคัญให้คุณได้ตามมาเช็กอินก็คือ หาดแฮอึนแด (Haeundae Beach) ชายหาดที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ สถานที่รวมนักท่องเที่ยวที่อยากมาพักผ่อนและดื่มด่ำกับบรรยากาศของชายหาด
นอกจากทัศนียภาพที่ชวนเพลิดเพลินแล้ว หาดนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำอื่น ๆ ให้คุณได้ร่วมเพลิดเพลิน และสนุกไปกับการท่องทะเล นอกจากนี้หาดแฮอึนแดก็ยังเป็นหาดยอดฮิตที่ผู้คนนิยมมาอาบแดดอีกด้วย
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน .
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสาย 2 มายังสถานี Haeundae Station ทางออก 3 หรือ 5 จากนั้นเดินต่อมายังหาดแฮอึนแด ประมาณ 500 เมตร
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/d2ZBf9af2AQxFWvN7
18.หมู่บ้านพื้นเมืองซงอึบ (Seongeup Folk Village)
นอกจากกรุงโซลแล้ว เกาะเจจูก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีที่สำคัญอีกแห่งด้วยเช่นกัน “หมู่บ้านพื้นเมืองซงอึบ (Seongeup Folk Village)” หมู่บ้านเกาหลีโบราณเล็ก ๆ ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างยาวนานแบบรุ่นต่อรุ่น โดยภายในหมู่บ้านนั้นมีทั้งบ้านเรือน, โรงเรียน, ศาลเจ้า รวมถึงศาลาว่าการโบราณ และซากอาคารโบราณต่าง ๆ ให้เราได้เยี่ยมชมสถาปัตยกรรมโบราณของเกาหลี
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ควรค่าแก่การแวะเยี่ยมชม คือต้นไม้อายุหลายร้อยปี หรือ “ต้นเซลโคว่า (Zelkova)” หนึ่งในต้นไม้โบราณของเกาหลี และบริเวณถือเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้านเลยก็ว่าได้ ถ้านักเดินทางท่านไหนได้แวะมาเยี่ยมชมหมู่บ้านนี้ก็อย่าลืมมาเช็กอินต้นเซลโคว่ากันนะ
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 17.30 น. (เดือนมกราคม และ เดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม) ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. (เดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน และ เดือนตุลาคม) ตั้งแต่เวลา 08.30 - 18.30 น. (เดือนพฤษภาคม - กันยายน)
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟความเร็วสูง KTX มายังสถานี Suncheon Station จากนั้นขึ้นรถบัสสาย 63 มายังป้าย Naganeupseong และเดินเท้ามายังหมู่บ้านโบราณซงอึบ (ประมาณ 125 เมตร)
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/7JqYxJaPLdJuUQSV6
19.สวนสาธารณะฮานึล (Haneul Park)
ถ้าอยากเที่ยวเกาหลีแล้วได้ฟีลสุดโรแมนติก “สวนสาธารณะฮานึล (Haneul Park)” คืออีกหนึ่งคำตอบที่ต้องจดลงในลิสต์เที่ยวเกาหลี กับสวนพฤกษศาสตร์ธรรมชาติ (Naturalized Botanical Garden) ที่ไม่ว่าจะมาช่วงฤดูไหน สวนสาธารณะฮานึลก็พร้อมเป็นจุดเช็กอินสวย ๆ ให้คุณทุกเมื่อ
การันตีได้เลยว่าทัศนียภาพและบรรยากาศของสวนสาธารณะฮานึลจะทำให้คุณเหมือนได้เป็นตัวละครเอกของซีรีส์ยอดฮิตเลยทีเดียว ถ้าใครอยากได้รูปสวย ๆ เหมือนโปสเตอร์ซีรีส์ชื่อดังก็อย่าลืมแวะมาเก็บภาพปัง ๆ ที่สวนสาธารณะฮานึลกันนะ
ค่าเข้าเยี่ยมชม: รถรางไฟฟ้ากบ พาทัวร์สวนสาธารณะฮานึล ผู้ใหญ่ > เที่ยวเดียว 2,000 วอน / ไปกลับ 3,000 วอน เด็ก (ตั้งแต่อายุ 48 เดือน ~ นักเรียนประถม) > เที่ยวเดียว 1,500 วอน / ไปกลับ 2,200 วอน
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 ~ 20.30 น. (ช่วงเวลาเปิด - ปิดมีการเปลี่ยนแปลงทุกเดือน)
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟใต้ดินสายสีน้ำตาล มายังสถานี World Cup Stadium station ทางออก 1 จากนั้นเดินมายังสวนสาธารณะฮานึล ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/eSEDqimwvNY9Jy1P9
20.ทางรถไฟดอกซากุระ คยองฮวา (Gyeonghwa Station)
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีที่สวยไม่แพ้ที่ไหน “ทางรถไฟดอกซากุระ คยองฮวา (Gyeonghwa Station)” จุดชมซากุระเกาหลีที่เป็นสวยอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะ “อุโมงค์ดอกซากุระ” เมื่อเข้าฤดูใบไม้ผลิเหล่าดอกซากุระต่างก็พากันแต้งแต้มสีสันพร้อมกันคล้ายเป็นอุโมงค์ให้รถไฟได้วิ่งผ่าน
ใครที่ตั้งใจจะไปดูความสวยงามของซากุระที่ทางรถไฟดอกซากุระ คยองฮวา ต้องวางแผนไปชมในช่วงเทศกาล Jinhae Gunhangje Festival เท่านั้น เนื่องจากสถานีรถไฟคยองฮวาเป็นเพียงสถานีเล็ก ๆ และได้มีการยกเลิกการให้บริการไปตั้งแต่ปี 2015 เพราะฉะนั้นวางแผนมาให้ดี ก่อนแวะมาเยี่ยมชมเทศกาลชมดอกซากุระของเมืองจินแฮ
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง:ขึ้นรถไฟมายังสถานี Jinhae Station จากนั้นนั่งรถบัสสาย 307 หรือ 315 ลงป้าย Gyeonghwa Station
พิกัดเดินทาง: https://maps.app.goo.gl/K363m1Ejqz7yhSZ86
21.วัดแฮดง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple)
“วัดแฮดง ยงกุงซา (Haedong Yonggungsa Temple)” อีกหนึ่งวัดเก่าแก่มากแห่งเมืองปูซานสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1376 ซึ่งวิหารหลักของวัดถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1970 และตั้งอยู่บนเขาริมทะเล ความสวยงามจองทัศนียภาพที่น่าเลื่อมใสของวัดแฮดง ยงกุงซาเป็นผลให้ช่วงเทศกาลปีใหม่ มีผู้คนนิยมมาชมพระอาทิตย์แรกของปี พร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศของเสียงคลื่นทะเล และไหว้พระขอพรเพื่อเสริมความสิริมงคลแก่ตัวเอง
ใครที่อยากมาเที่ยวเกาหลีแล้วอิ่มใจทั้งด้านทัศนียภาพ และทางธรรม วัดแฮดง ยงกุงซา ก็เป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้ทริปเที่ยวเกาหลีของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 4.00 น. - 18.00 น.
การเดินทาง: ขึ้นรถไฟมาลงที่สถานี Haeundae station จากนั้นนั่งรถแท็กซี่ หรือขึ้นรถประจำทางท้องถิ่น เพื่อเดินทางไปยังวัดแฮดง ยงกุงซา
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/bg1kxAUBCwnX41fA8
22.ไร่ชาโอซุลลอค (Osulloc Tea Museum)
รู้หรือไม่…สถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีมีดินแดนที่ตอบโจทย์คนรักชาด้วย! ที่แห่งนั้นก็คือ “ไร่ชาโอซุลลอค (Osulloc Tea Musuem)” ไร่ชาขนาดใหญ่ที่สุดในเกาหลี และยังแหล่งผลิตชาดีชั้นดีที่ขึ้นชื่อบนเกาะเชจูด้วย นอกจากจะมีชาคุณภาพเยี่ยมแล้ว ไร่ชาโอซุลลอคก็ยังจัดให้ต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้ามาเยี่ยมชมด้วยเช่นกัน
บรรยากาศที่สดชื่น พร้อมกับทัศนียภาพที่สวยงาม เหมาะแก่การนั่งจิบชาแสนอร่อย ดื่มด่ำไปพร้อมธรรมชาติแบบสุด ๆ ด้วยเหตุนี้ไร่ชาโอซุลลอคจึงสร้างคาเฟ่แสนน่ารัก ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยของชาชั้นดีให้นักเดินทางได้ลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็น ไอศกรีม, ขนมเค้ก, เบเกอรี่ รวมไปถึงเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ทำจากชาให้ได้ลิ้มลอง
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 18.00 น. (เดือนเมษายน - กันยายน) ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 17.00 น. (เดือนตุลาคม - มีนาคม) ปิดให้บริการเฉพาะวันที่ 1 มกราคม
การเดินทาง: จากสนามบินเชจู ให้ขึ้นรถบัสสาย 755 ที่ประตู 2 มายังป้าย O'sulloc Bus Stop (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที)
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/xx5jt2d4nHP4558x5
23.อัลปาก้าเวิลด์ (Alpaca World)
“อัลปาก้าเวิลด์ (Alpaca World)” ที่เที่ยวเกาหลีที่มีเอกลักษณ์และน่ารักที่สุดในคังวอนโด อีกหนึ่งสวนสัตว์ที่คุณไม่ควรพลาดถ้ามาเที่ยวเกาหลี เพราะสวนสัตว์แห่งนี้ออกแบบมาเพื่อดูแล และอนุรักษ์อัลปาก้าโดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีสัตว์อื่น ๆ อีกมากมายที่ทางสวนสัตว์คอยให้การดูแล
คุณจะได้พบปะและเล่นกับสัตว์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิดกับกิจกรรมร่วมกับสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การขี่รถม้า, เกมฟาร์ม รวมไปถึงแผงขายอาหาร เราการันตีได้เลยว่าสถานที่แห่งนี้จะสร้างรอยยิ้มและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้คุณได้อย่างแน่นอน
ค่าเข้าเยี่ยมชม: ผู้เข้าชมอายุตั้งแต่ 3 - 64 ปี 15,000 วอน ผู้เข้าชมอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป 12,000 วอน ผู้เข้าชมอายุต่ำกว่า 3 ปี ฟรี
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00 น. - 17.30 น.
การเดินทาง: จากรถไฟใต้ดินสาย 1 สถานี Cheongnyangni station ทางออก 4 เปลี่ยนสายเป็นรถไฟ ITX-Cheongchun ไปยังสถานี Namchuncheon station
พิกัดเดินทาง: https://maps.app.goo.gl/Vj98zmNx85Z2Uhmw7
24.อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park)
เราขอแนะนำที่เที่ยวเกาหลีสำหรับคนชอบธรรมชาติ “อุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน (Hallasan National Park)” อุทยานที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของเกาะเชจู ซึ่งอุทยานนี้เต็มไปด้วยป่าไม้ที่สมบูรณ์ ผนวกกับทัศนียภาพที่สวยงาม การันตีได้เลยว่าคุณจะได้รับเติมพลังจากธรรมชาติอย่างเต็มที่แน่นอน
อุทยานแห่งชาติฮัลลาซานไม่ได้มีเพียงแค่ความสวยงามให้ได้ชมอย่างเดียว ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกด้วย เช่น การปีนเขาสู่จุดสูงสุดของยอดเขาฮัลลาซาน ที่สามารถไป - กลับได้ภายในวันเดียว
ค่าเข้าเยี่ยมชม: -
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวัน
การเดินทาง: จากสนามบินนานาชาติเชจู ให้ขึ้นรถเมล์สาย 181 ที่หน้าสนามบิน จากนั้นมาลงที่ซองพันอัก แล้วเดินต่อไปยังอุทยานแห่งชาติฮัลลาซาน ประมาณ 34 เมตร
พิกัดเดินทาง: https://goo.gl/maps/1Kf3UnPpGhduz37W6
25.อุทยานแห่งชาติแดดุนซาน (Daedunsan)
ปิดท้ายการเที่ยวเกาหลีกับ “อุทยานแห่งชาติแดดุนซาน (Daedunsan)” อุทยานที่เลื่องลือถึงความสวยงามอย่างมากในฤดูใบไม้ร่วง ที่ทั่วทั้งหุบเขานั้นเต็มไปด้วยใบไม้หลากหลายสีสัน มีทั้งสีแดง, สีส้มส้ม และสีเหลือง แทรกซ้อนสลับกันไปจนเกิดสีสันที่สวยงามและอบอุ่นใจ นอกจากนั้นยังมียอดเขารูปทรงแปลกตาและถ้ำต่าง ๆ ให้ได้ตามเช็กอินความสวยงามสักครั้ง
และพลาดไม่ได้กับสะพานข้ามยอดเขาทั้ง 2 แห่งอย่าง สะพานแขวน “Geumgang Scenic Bridge” และ บันไดเหล็ก “Samseon Stairway” ที่จะพาทุกคนไปยังยอดเขาเพื่อชมความสวยงามของอุทยานแดดุนซาน
ค่าเข้าเยี่ยมชม: ค่าเคเบิ้ลคาร์ Cable Car ผู้ใหญ่ 9,000 วอน / เด็ก 6,000 วอน
วันและเวลาที่ให้บริการ: เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ - ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 9.00 - 17.40 น. (เปิดให้ขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 17.20 น.) เปิดให้บริการทุกวันเสาร์- อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 7.30 - 18.00 น. (เปิดให้ขึ้นรอบสุดท้ายเวลา 17.40 น.)
การเดินทาง: จากสถานีรถบัส Daejeon Seobu (West) Bus Terminal ขึ้นรถบัสสาย 34 ไปยังสถานี Daedunsan (มีรถทุก 40 นาที)
พิกัดเดินทาง: goo.gl/maps/xvrVFbJFa93BG22Q6
สิ้นสุดการเดินทางกับ 25 ที่เที่ยวเกาหลี การันตีเลยว่าทุกแลนด์มาร์กที่คัดสรร จะช่วยให้คุณได้จุดเช็กอินใหม่ ๆ ได้ลงโซเชียล เราหวังว่าทริปเที่ยวเกาหลีครั้งนี้ของคุณจะสนุกไม่แพ้ครั้งไหน ๆ แน่นอน สำหรับใครที่อยากเพิ่มความสนุกกับทริปนี้ ในงบที่แสนประหยัด ก็อย่าลืมหยิบไอเทมคู่ใจสำหรับนักเดินทางอย่าง KRUNGTHAI TRAVEL CARD บัตรเดียวครอบคลุมทุกความต้องการของนักเดินทาง เรทคุ้มชอปสนุก สะดวกทุกการเดินทาง ไม่ต้องพกเงินสดเยอะก็เที่ยวฟิน เพราะบัตรนี้รองรับถึง 19 สกุลเงิน และไม่เสียค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม 2.5% แบบบัตรเครดิต แถมยังแลกเงินได้ล่วงหน้าและจัดการบัตรง่ายๆ ผ่านแอป Krungthai NEXT ทีนี้หากพร้อมเดินทางแล้ว อย่าลืมเสริมความสนุกแบบไร้รอยต่อกับ KRUNGTHAI TRAVEL CARD