วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ รู้ไว้ก่อนขอสินเชื่อ ฉบับเข้าใจง่าย
“ดอกเบี้ย” ตัวแปรสำคัญในการขอสินเชื่อ ที่แม้ว่าเงินต้นเท่ากัน แต่หากวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ต่างกัน ก็ทำให้ภาระหนี้ที่ต้องจ่ายแปรเปลี่ยนตามไปด้วย การคิดดอกเบี้ยด้วยตัวเอง จึงเป็นเทคนิคพื้นฐานที่ผู้ขอสินเชื่อจำเป็นต้องเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นการคิดดอกเบี้ยต่อปี หรือการคำนวณดอกเบี้ยต่อเดือน ก็จะช่วยให้เรารู้ยอดดอกเบี้ยที่จ่ายได้
แต่ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับดอกเบี้ยเงินกู้กันก่อน
ดอกเบี้ยเงินกู้ คือผลตอบแทนที่เจ้าหนี้ หรือผู้ให้กู้เรียกเก็บจากผู้ขอกู้หรือขอสินเชื่อ โดยอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อตกลงร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่ายในตอนทำสัญญาเงินกู้ ซึ่งมีวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้หลายรูปแบบ หลายอัตราแล้วแต่ประเภทของการกู้ยืม ในบทความนี้เราจะมารู้จักกับรูปแบบของดอกเบี้ยที่สำคัญทั้ง 2 แบบคือ ดอกเบี้ยแบบคงที่ และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
1.ดอกเบี้ยคงที่
ดอกเบี้ยคงที่ คือวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ที่เท่ากันตลอดระยะเวลาการผ่อนชำระ เป็นวิธีที่ไม่ซับซ้อน สามารถคํานวณดอกเบี้ยต่อเดือนได้ง่าย หรือจะวางแผนการคิดดอกเบี้ยต่อปีก็ไม่ยาก เพราะจ่ายดอกเบี้ยเท่ากันทุกงวดในอัตราที่ไม่สูงมาก เหมาะกับคนที่เน้นผ่อนยาว ๆ ไม่มีแผนจะปิดหนี้ก่อนกำหนด การคิดดอกเบี้ยคงที่ลักษณะนี้ใช้มากในสินเชื่อรถยนต์
วิธีคำนวณดอกเบี้ยคงที่
การคิดดอกเบี้ยคงที่จะคำนวณจากเงินต้นทั้งจำนวนนับตั้งแต่วันทำสัญญา ซึ่งมีสูตรคํานวณดอกเบี้ยต่อเดือน เพื่อทำการคิดดอกเบี้ยต่อปีรวมทั้งหมด ดังนี้
- เงินต้น x อัตราดอกเบี้ย x จำนวนปี = ดอกเบี้ยทั้งหมด
- ดอกเบี้ยทั้งหมด / จำนวนงวด = ดอกเบี้ยต่อเดือน
- เงินต้นทั้งหมด / จำนวนงวด = เงินต้นต่อเดือน
- ดอกเบี้ยต่อเดือน + เงินต้นต่อเดือน = เงินผ่อนชำระต่อเดือน
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติวงเงินสินเชื่อจำนวน 500,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 15% ต่อปี ผ่อนชำระทั้งหมด 5 ปี ทั้งหมด 60 งวด สามารถคำนวณได้ ดังนี้
- 500,000 x 15% X 5 = ดอกเบี้ยทั้งหมด 375,000 บาท
- 375,000 / 60 = ดอกเบี้ยต่อเดือน 6,250 บาท
- 500,000 / 60 = เงินต้นต่อเดือน 8,333.33 บาท
- 6,250 + 8,333.33 = เงินผ่อนชำระต่อเดือน 14,583.33 บาท
หรือหากต้องการทราบเงินผ่อนชำระต่อเดือนแบบไว ๆ ให้คิดดอกเบี้ยทั้งหมดก่อน แล้วใช้สูตร
(เงินต้น + ดอกเบี้ยทั้งหมด) / จำนวนงวด = เงินผ่อนชำระต่อเดือน
(500,000 + 375,000) / 60 = 14,583.33 บาท
2.ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
ดอกเบี้ยลดต้นลดดอก หรือเรียกอีกอย่างว่าดอกเบี้ยทบต้นทบดอก คือการคํานวณดอกเบี้ยต่อเดือนจากเงินต้นคงเหลือในทุกงวด ซึ่งหลังจากผ่อนไประยะหนึ่ง หรือโปะเงินต้นได้มากเท่าไหร่ เงินต้นคงเหลือที่นำมาคำนวณดอกเบี้ยก็จะน้อยลง ดอกเบี้ยก็ลดลงตาม การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอกเหมาะสำหรับคนที่มีเป้าหมายจะปิดหนี้ก่อนกำหนด หรือคำนวณแล้วว่ามีเงินก้อนมาโปะหนี้ได้ไว ส่วนมากจะใช้กับสินเชื่อที่มีระยะเวลาการผ่อนชำระค่อนข้างยาว เช่น สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย หรือรีไฟแนนซ์บ้าน คอนโด
วิธีคำนวณดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
การคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอกจะมีความซับซ้อนกว่าดอกเบี้ยคงที่ เพราะต้องนำเงินคงเหลือแต่ละเดือนมาคำนวณในทุกงวด โดยจะใช้สูตร
(เงินต้นคงเหลือ x อัตราดอกเบี้ยต่อปี x จำนวนวันในงวด) / จำนวนวันต่อปี = ดอกเบี้ยในงวดนั้น
ตัวอย่างการคำนวณ
สมมติวงเงินสินเชื่อจำนวน 4,000,000 บาท ผ่อนชำระเงินต้นงวดแรกไปแล้ว 100,000 บาท เงินต้นคงเหลือ 3,900,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 4% ต่อปี ผ่อนชำระทั้งหมด 20 ปี หรือ 240 งวด จะใช้สูตรต่อไปนี้
(3,900,000 x 4% X 30) / 365 = 12,821.91 คือดอกเบี้ยของงวดที่สอง
ต่อมาหากเราจะคำนวณดอกเบี้ยในงวดที่สาม โดยเราจ่ายค่างวดที่สองไปเป็นเงิน 52,821.91 จะคำนวณได้ดังนี้
เงินต้นงวดที่สอง = ค่างวดที่สอง - ดอกเบี้ยงวดที่สอง 52,821.91 - 12,821.91 = 40,000 บาท
เงินต้นคงเหลือ = เงินต้นคงเหลืองวดที่ 1 – เงินต้นที่ชำระงวดที่ 2 3,960,000 – 40,000 = 3,860,000
แล้วจึงนำกลับไปคำนวณดอกเบี้ยรายงวดด้วยสูตรเดิม (สมมติเดือนนั้นมี 31 วัน)
(3,860,000 x 4% x 31) / 365 = 13,113.42 บาท เป็นดอกเบี้ยงวดถัดไป
ความแตกต่างระหว่างดอกเบี้ยคงที่ และดอกเบี้ยลดต้นลดดอก
จะเห็นได้ว่าการคิดดอกเบี้ยคงที่ จะแตกต่างจากการคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอกโดยสิ้นเชิง ซึ่งนอกจากวิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้จะต่างกันแล้ว ทั้งสองแบบยังมีข้อแตกต่างอื่น ๆ อีก ดังนี้
- การผ่อนชำระ ดอกเบี้ยคงที่จะเน้นการผ่อนแบบสม่ำเสมอ ในอัตราคงที่ทุกเดือน ส่วนดอกเบี้ยลดต้นลดดอก เน้นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการปิดหนี้ไว หรือเคลียร์หนี้ก่อนกำหนด
- ความคุ้มค่าในการผ่อนชำระ หากเป็นอัตราดอกเบี้ยที่เท่ากัน ดอกเบี้ยแบบทบต้นทบดอกจะจ่ายถูกกว่าเพราะจะคำนวณดอกเบี้ยจากเงินต้นที่เหลือ ส่วนดอกเบี้ยคงที่จะคำนวณจากเงินต้นก้อนแรก
- ประเภทของสินเชื่อ โดยมากแล้วการคิดดอกเบี้ยคงที่ จะใช้กับสินเชื่อรถยนต์ หรือมอเตอร์ไซค์ ส่วนการคิดดอกเบี้ยลดต้นลดดอก จะใช้กับสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเงินด่วน หรือสินเชื่อที่อยู่อาศัย
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หาข้อมูลการคิดดอกเบี้ย เพราะมีแผนจะขอสินเชื่อบ้านอยู่ เราขอแนะนำ สินเชื่อบ้านกรุงไทย* ที่ให้ดอกเบี้ยต่ำ ตอบโจทย์ทั้งสินเชื่อซื้อบ้านใหม่ บ้านมือสอง คอนโด และยังมีสินเชื่อกรุงไทยธนวัฏ** วงเงินฉุกเฉินพร้อมใช้ ที่ให้วงเงินสูงสุดถึง 15 เท่าของเงินเดือน ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ใช้ไม่เสียดอกเบี้ย แต่อย่าลืมวางแผนการผ่อนชำระให้ดี และลองใช้วิธีคำนวณดอกเบี้ยเงินกู้ มาประกอบการตัดสินใจ ให้ได้สินเชื่อที่คุ้มค่า และเหมาะสมกับความสามารถในการผ่อนชำระ
กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
*อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญาอยู่ระหว่าง 5.24% - 5.43% ต่อปี | โดยคำนวณจากวงเงินกู้ 1 ล้านบาท อายุสัญญา 20 ปี ผ่อนชำระ 7,700 บาท/เดือน | MLR = 7.05% ต่อปี (ณ วันที่ 20 พ.ย. 66) | อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ | เงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด
**อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 11.07% – 16.57% ต่อปี | อัตราดอกเบี้ยอ้างอิง MRR = 7.57% ต่อปี (ณ วันที่ 20 พ.ย. 66) | อัตราดอกเบี้ยลอยตัวสามารถเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ | วงเงินสูงสุด 15 เท่าของเงินเดือน สำหรับกรณีที่หน่วยงานต้นสังกัดทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคาร (MOU)| เงื่อนไขและเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด