เที่ยวญี่ปุ่นควรรู้ วิธีทำ Tax Refund ที่ญี่ปุ่น ซื้อของยังไงให้ได้เงินคืน
ประเทศญี่ปุ่นนับเป็นประเทศในเอเชียที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยว หลายคนถึงขั้นปักหมุดว่าต้องไปเที่ยวญี่ปุ่นทุกปีให้ได้ เพราะนอกจากประเทศญี่ปุ่นจะเต็มไปด้วยสถานที่ทางธรรมชาติที่สวยงาม มีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ที่ประเทศญี่ปุ่นยังถือว่าเป็นสวรรค์ของนักช็อป เพราะมีสินค้าให้เลือกหลากหลายที่ล้วนมีการออกแบบที่แสดงออกถึงความเป็นญี่ปุ่นแบบสุด ๆ
ซึ่งสิ่งสำคัญที่นักท่องเที่ยวจำเป็นต้องรู้ คือ วิธีทำ Tax Refund ญี่ปุ่น หรือการขอคืนภาษี ตัวช่วยสำคัญที่ช่วยให้ประหยัดเงิน แถมเหลือเงินไป กิน เที่ยว ช้อป อื่นๆในญี่ปุ่นได้มากขึ้นอีกด้วย
Tax Refund คืออะไร
Tax Refund คือ ภาษีที่นักท่องเที่ยวจะได้รับคืนเมื่อซื้อสินค้าจากรัฐบาลของประเทศนั้น ๆ แต่หากเป็นประชาชนของประเทศนั้นจะต้องจ่ายราคาสินค้าเต็มจำนวน ซึ่งสินค้าที่วางขายอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าต่าง ๆ โดยส่วนมากจะมีการบวกภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax หรือ VAT) ทั้งนี้การเสียภาษีมูลค่าเพิ่มของแต่ละประเทศจะแตกต่างกันออกไป ตัวอย่าง ประเทศไทยจะเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
สำหรับประเทศญี่ปุ่นเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้บริโภคที่อัตรา 8% แต่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแบบ Tax Free แบบปลอดภาษี หรือขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 8% ได้ ซึ่งระบบนี้ประเทศญี่ปุ่นเริ่มประกาศใช้ Japan Tax Refund มาตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2557 เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ใครบ้างที่ขอ Tax Refund ญี่ปุ่นได้
ระบบ Japan Tax Refund หรือการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) มีไว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ดังนั้นผู้ที่สามารถขอยกเว้นภาษีได้ต้องเป็นผู้ที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น โดยผู้ที่มีคุณสมบัติได้รับการยกเว้นภาษี Tax Refund ญี่ปุ่นมีดังนี้
- นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน (นับตั้งแต่วันที่เดินทางเข้าประเทศ)
- บุคคลสัญชาติญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นชั่วคราว ระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
- บุคคลที่ถือหนังสือเดินทางที่มีสิทธิในการอาศัยในสถานะนักการทูต หรือข้าราชการ (มีสิทธิอาศัยเกิน 6 เดือนหลังจากวันที่เข้ามายังประเทศญี่ปุ่น)
ใครบ้างที่ไม่สามารถทำเรื่อง Tax Refund ญี่ปุ่นได้
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น ระยะเวลาเกิน 6 เดือน
- ผู้ที่ทำงานในประเทศญี่ปุ่น
- นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าในร้าน Tax Refund ญี่ปุ่น แต่ยอดชำระสินค้าไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
สินค้าที่ขอ Tax Refund ญี่ปุ่นได้และจำนวนขั้นต่ำที่ต้องซื้อ
สินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax Refund ของญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ สินค้าทั่วไป (General Items) และสินค้าสิ้นเปลืองหรือสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumables) ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้กำหนดยอดชำระสินค้าที่แตกต่างกัน ดังนี้
- Tax Refund ญี่ปุ่นสินค้าทั่วไป (General Items) เช่น กล้อง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ นักท่องเที่ยวจะต้องมียอดชำระค่าสินค้า Tax Refund ญี่ปุ่นรวมกันโดยต้องซื้อในร้านค้าเดียวกันตั้งแต่ 5,000 เยน ขึ้นไป ต่อวัน ต่อคน (ราคาสินค้าไม่นับรวมภาษี)
- Tax Refund ญี่ปุ่นสินค้าสิ้นเปลือง หรือสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumables) เช่น ขนม อาหาร ยา นักท่องเที่ยวจะต้องมียอดชำระค่าสินค้า Tax Refund ญี่ปุ่นรวมกัน โดยต้องซื้อในร้านค้าเดียวกัน ตั้งแต่ 5,000 แต่ไม่เกิน 500,000 เยน ต่อวันต่อคน
นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าในร้าน Tax Refund แต่ยอดชำระสินค้าไม่ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดก็ไม่สามารถขอ Japan Tax Refund ได้ ดังนั้นต้องวางแผนการช็อปปิ้ง โดยทำความเข้าใจเรื่องของกำหนดยอดชำระที่ขอ Tax Refund ได้
เอกสารที่ใช้ขอ Tax Refund ที่ญี่ปุ่น
เอกสารที่ใช้ประกอบการขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax Refund ได้แก่ หนังสือเดินทาง (ต้องใช้ฉบับจริงเท่านั้น) และใบกำกับภาษี ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม ปีพ.ศ. 2554 ขั้นตอนการขอยกเว้นภาษีเปลี่ยนไปดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด จึงไม่จำเป็นต้องดำเนินขั้นตอนโดยเอกสารแบบกระดาษอีกต่อไป
ขั้นตอนวิธีทํา Tax Refund ญี่ปุ่น
การขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หรือ Tax Refund นั้น มี 2 กรณี คือ 1. ชำระเงินค่าสินค้าตามจริง โดยไม่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม และ 2. ชำระเงินค่าสินค้าตามจริงรวมภาษี แล้วขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยมีรายละเอียดดังนี้
Tax Refund ญี่ปุ่น กรณีที่ 1 ชำระเงินค่าสินค้าตามจริง โดยไม่ต้องชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้นักท่องเที่ยวเลือกสินค้าที่ต้องการส่งให้กับพนักงานประจำร้าน พร้อมแนบ Passport ฉบับจริงและระบุกับพนักงานว่าต้องการทำ Tax Refund พนักงานจะทำการตรวจสอบรายละเอียด เช่น ชื่อ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด วันที่เดินทางเข้าประเทศ ถ้าเอกสารใน Passport ถูกต้อง นักท่องเที่ยวสามารถชำระค่าสินค้าโดยไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งร้านค้าที่ใช้ระบบนี้มักจะเป็นร้านค้าขนาดเล็ก เช่น ร้านขายยา
Tax Refund ญี่ปุ่น กรณีที่ 2 ชำระเงินค่าสินค้าตามจริงรวมภาษี แล้วขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- นักท่องเที่ยวเลือกสินค้าที่ต้องการแล้วชำระเงินพร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม 8% จากนั้นนำสินค้าที่ชำระเงินแล้ว ใบเสร็จค่าสินค้า และ Passport ฉบับจริง นำไปยื่นที่ Tax Free Counter และแจ้งพนักงานว่าต้องการทำ Tax Refund พนักงานจะทำการตรวจสอบรายละเอียด เช่น ชื่อ สัญชาติ วันเดือนปีเกิด วันที่เดินทางเข้าประเทศ
- พนักงานจะบันทึกข้อมูลสินค้าลงใน “ใบบันทึกรายการสินค้าปลอดภาษีอากรขาออก” และจะนำใบบันทึกดังกล่าวติดไว้ใน Passport ผู้ซื้อสินค้าจะต้องเก็บไว้เป็นหลักฐานให้เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบก่อนเดินทางออกจากประเทศญี่ปุ่น
-
ผู้ซื้อสินค้าจะต้องอ่านรายละเอียดที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และลงลายมือชื่อรับรองเอกสาร โดยมีข้อกำหนดให้ปฏิบัติตาม ดังนี้
- ผู้ซื้อสินค้าจะนำสินค้าทั่วไปออกนอกประเทศ
- ผู้ซื้อสินค้าจะไม่ใช้สินค้าอุปโภคบริโภคที่ซื้อมาในระหว่างที่พำนักอยู่ในประเทศญี่ปุ่น และจะนำออกไปนอกประเทศภายใน 30 วันหลังจากซื้อสินค้า
- หากผู้ซื้อสินค้าไม่ได้นำสินค้าดังกล่าวติดตัวไปด้วยในวันที่เดินทางออกนอกประเทศก็ยินดีที่จะชำระค่าปรับทั้งหมด
- พนักงานดำเนินการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 8% ให้กับผู้ซื้อสินค้า โดยเมื่อคืนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว มูลค่าของสินค้าจะต้องไม่ต่ำกว่าที่กฎหมายกำหนด มิฉะนั้น จะถือว่าการขอยกเว้นภาษีเป็นโมฆะ
- เมื่อผู้ซื้อสินค้าจะเดินทางออกนอกประเทศญี่ปุ่น เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะทำการตรวจสอบ Passport และสินค้าที่ซื้อมา แล้วเก็บใบบันทึกรายการสินค้าปลอดภาษีอากรขาออก ซึ่งสินค้าที่ทำ Japan Tax Refund หรือการขอภาษีคืนนั้น ผู้ซื้อจะต้องเป็นผู้นำออกนอกประเทศทั้งหมด
ร้านค้าที่ขอ Tax Refund ญี่ปุ่นได้
ปัจจุบันทั้งร้านค้าเล็ก ๆ และห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นก็รองรับระบบ Japan Tax Refund ดังนั้นก่อนซื้อสินค้าให้สังเกตป้ายสัญลักษณ์ Japan Tax-Free Shop หรือ Tax Refund หรือ Tax-Free ที่ส่วนใหญ่มักใช้ตัวอักษรสีแดงและสีขาว โดยร้านค้าส่วนใหญ่จะติดให้นักท่องเที่ยวเห็นอย่างชัดเจน
ตัวอย่างรายชื่อห้างสรรพสินค้าและร้านค้าที่สามารถขอ Tax Refund ได้ อาทิ Odakyu Shinjuku, Keio, Tobu Ikebukuro, Matsuya Ginza, Lumine Shinjuku, Don Quijote, Big camera, Matsumoto Kiyoshi และ Uniqlo เป็นต้น
และเพื่อจะช้อปได้อย่างมั่นใจที่ร้านค้าต่าง ๆ เหล่านี้ ที่ประเทศญี่ปุ่นสามารถใช้บัตร Krungthai Travel Card แลกเงินเรทดี รูดฟรีทั่วโลก ซื้อของได้
- ส่วนลด ค่าธรรมเนียมการออกบัตร รวมสูงสุด 600 บาท ทั้งบัตรหลัก และบัตรเสริม
- ฟรี! ไม่มีค่าธรรมเนียม ความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%
- สะดวก แลกเงินและจัดการบัตรง่าย ๆ ตลอด 24 ชม. ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT
- คุ้มครอง ประกันอุบัติเหตุจากการเดินทางทั้งในและต่างประเทศด้วยวงเงินประกันคุ้มครอง สูงสุด 6,000,000 บาท
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการขอ Tax Refund ญี่ปุ่น
Tax Refund กับ Duty Free ต่างกันอย่างไร
- Tax Refund ญี่ปุ่นหรือ Tax Free ญี่ปุ่นคือ การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 8% สมมติว่าคนญี่ปุ่นซื้อสินค้า 1 ชิ้น ราคา 500 เยน เมื่อบวก VAT อีก 8% จะต้องชำระเงิน 540 เยน แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวจะสามารถซื้อได้ถูกกว่า ถ้าเข้าร้านค้าที่มีสัญลักษณ์ Tax Refund หรือ Tax Free แล้วแจ้งพนักงานร้านว่าต้องการ Tax Refund ก็จะจ่ายแค่ 500 เยนเท่านั้น
- Duty Free คือ สินค้าปลอดภาษีอากรที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้า - ส่งออก ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีสรรพสามิต โดยนักท่องเที่ยวไม่ต้องยุ่งยากไปทำเรื่องขอภาษีมูลค่าเพิ่มคืนเหมือนกับ Tax Refund ช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถซื้อสินค้าต่าง ๆ ได้สะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งร้าน Duty Free ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในสนามบิน
บุคคลอื่นขอ Tax Refund ญี่ปุ่นแทนได้ไหม
คำตอบคือ “ไม่ได้” นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าจะต้องดำเนินการแจ้งทำ Tax Refund ด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถให้บุคคลอื่นทำแทนได้ เพราะจะต้องใช้ Passport ฉบับจริงของผู้ซื้อสินค้าประกอบการขอยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
สินค้าที่ขอ Tax Refund ญี่ปุ่นนำมาใช้ระหว่างเที่ยวในญี่ปุ่นได้ไหม
ได้ ในกรณีที่เป็นสินค้าทั่วไป (General Items) เช่น กล้อง กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า นาฬิกา เครื่องประดับ ฯลฯ แต่ห้ามเด็ดขาดในกรณีที่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumables) เช่น อาหาร ขนมของฝากต่าง ๆ เครื่องดื่ม ยา หรือเครื่องสำอาง ฯลฯ เพราะเป็นสินค้าที่จะมีการสุ่มตรวจว่ามีของจริง ๆ
ทั้งนี้พนักงานขายจะบรรจุของใส่ในถุงสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นถุงที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อให้สามารถรู้ได้ทันทีเมื่อมีการเปิดถุง ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรสนามบินทำการสุ่มตรวจแล้วไม่พบสินค้า จะถือว่าการขอยกเว้นภาษีเป็นโมฆะ และต้องเสียภาษีส่วนต่างเพิ่มเติม
ลืม Passport ทำเรื่องขอคืนภาษีวันอื่นได้ไหม
ไม่ได้ เพราะการทำเรื่องขอภาษีคืนนั้นจำเป็นที่จะต้องทำภายในวันเดียวกันกับที่ซื้อสินค้านั้น ๆ เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องนำ Passport ติดตัวไปด้วยเสมอ และต้องไปทำเรื่องขอภาษีคืนจากร้านที่ซื้อสินค้านั้น ๆ มาเท่านั้น
หลังจากที่ทำเรื่องขอคืนภาษีเสร็จแล้ว ให้คนอื่นช่วยเอากลับไปแทนได้ไหม
สินค้า Japan Tax Refund ที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว นักท่องเที่ยวจะต้องถือกลับด้วยตนเองเท่านั้น ไม่สามารถยกให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนได้ เพราะเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขอ Tax Refund จะติดอยู่กับ Passport และมีการตรวจเช็คโดยละเอียด
สำหรับใครที่กำลังเตรียมตัวไปเที่ยวญี่ปุ่น นอกจากการแพลนเรื่องของการเดินทาง ร้านอาหาร และที่พักล่วงหน้าแล้ว อีกหนึ่งข้อสำคัญคืออย่าลืมแพลนเรื่องการช็อปปิ้งหรือการซื้อของที่ประเทศญี่ปุ่นและขอ Tax Refund คืน ทั้งนี้สามารถซื้อสินค้าที่ประเทศญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ แค่พกบัตร Krungthai Travel Card เพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณช้อปปิงที่ญี่ปุ่นได้อย่างมั่นใจ และสนุกมากขึ้น หรือเข้ามาศึกษาและอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.krungthai.com