กองทุน Thai ESG คืออะไร ทำไมถึงน่าลงทุน
กองทุน Thai ESG ก่อตั้งขึ้นโดยมีที่มาจากหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกที่ตื่นตัวจากปัญหาเรื้อรังของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้โลกเข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) ซึ่งส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม หลายประเทศจึงมีเป้าหมายร่วมกันในการ Net Zero Emissions หรือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ให้ได้ในอนาคต
ทั้งนี้ยังต้องการส่งเสริมความยั่งยืน โดยแนวคิด ESG (Environment, Social, Governance) ที่ประเทศไทยก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับประเทศและระดับโลกได้วางเป้าหมายของ Net Zero ไว้ภายใน พ.ศ. 2608 เช่นกัน
กองทุน Thai ESG จึงเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีที่น่าทำความรู้จักสำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการลงทุน โดยกรุงไทยรวบรวมเนื้อหาเกี่ยวกับกองทุน Thai ESG มาไว้ในบทความนี้แล้ว
กองทุน Thai ESG คืออะไร
กองทุน Thai ESG มีชื่อเต็มว่ากองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน คือกองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น ESG ไทย และ/หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน (ESG Bond) ไทย โดยหุ้นกลุ่ม ESG เป็นหุ้นที่ให้ความสำคัญกับ 3 องค์ประกอบ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ควบคู่กับการมีผลการดำเนินงานที่ดี
- สิ่งแวดล้อม (Environmental) คือ การที่บริษัทใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ การรักษาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ
- สังคม (Social) คือ การบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กรอย่างเท่าเทียม คำนึงถึงสภาพแวดล้อมในการทำงานและสุขภาพของพนักงาน อีกทั้งการให้ความสำคัญกับชุมชุนที่อยู่รอบด้าน
- บรรษัทภิบาล (Governance) คือ การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส ต่อต้านการทุจริต มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี และดูแลผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทอย่างเป็นธรรม
SET ESG Ratings คืออะไร
SET ESG Ratings คือมาตรฐานคัดกรองหุ้นยั่งยืน ซึ่งใน พ.ศ. 2566 ได้มีการเปลี่ยนชื่อจาก SET THSI มาเป็นหุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings และประกาศผลการประเมินในรูปแบบ ESG Ratings ขึ้นเป็นปีแรก เพื่อตอบรับกับการเปิดตัวกองทุน Thai ESG ในปีเดียวกันที่มีการกำหนดเงื่อนไขไว้ชัดเจนว่าจะต้องลงทุนกับสินทรัพย์ที่ได้รับการรับรอง SET ESG Ratings ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เท่านั้น
เกณฑ์ในการพิจารณาบริษัทที่จะเข้าไปอยู่ในกองทุน SET ESG
บริษัทที่สมัครใจขอยื่นเข้ารับการพิจารณา SET ESG Ratings จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องมีคุณสมบัติหลัก 3 ข้อด้วยกัน ถ้าหากไม่มีคุณสมบัติตามนี้จะถูกคัดออกทันที ได้แก่
- ต้องไม่ส่งงบช้า
- ต้องมีผลกำไรสุทธิอย่างน้อย 3 ใน 5 ปี
- ไม่เคยถูกทางการลงโทษในประเด็นของ ESG
ระดับของ SET ESG Ratings
เมื่อผ่านคุณสมบัติข้างต้นเรียบร้อยแล้ว บริษัทเหล่านี้จะถูกคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อทำการแบ่งระดับอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะมีบริษัทที่ได้รับคะแนนประเมินเกิน 50% เท่านั้น ถึงจะได้รับ ESG Ratings โดยจะมีด้วยกัน 4 ระดับ ได้แก่
- AAA สำหรับบริษัทที่ได้คะแนนประเมิน 90-100 คะแนน
- AA สำหรับบริษัทที่ได้คะแนนประเมิน 80-89 คะแนน
- A สำหรับบริษัทที่ได้คะแนนประเมิน 65-79 คะแนน
- BBB สำหรับบริษัทที่ได้คะแนนประเมิน 50-64 คะแนน
เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีของกองทุน Thai ESG
- กองทุน Thai ESG ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และลงทุนสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาทโดยไม่มีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ
- วงเงินลงทุนของ Thai ESG ไม่ถูกนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ ได้แก่ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF), กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF), กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD), กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.), กองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน และกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) และเบี้ยประกันชีวิตแบบชำนาญ ที่ปัจจุบันกำหนดเพดานลดหย่อนภาษีรวมกันได้ไม่เกิน 500,000 บาท เท่ากับว่าจะได้วงเงินลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมจาก Thai ESG 100,000 บาท และเมื่อนับรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่น ๆ จะลดหย่อนได้สูงสุดถึง 600,000 บาท
- ระยะเวลาการลงทุน Thai ESG ต้องถือลงทุนเป็นเวลา 8 ปีเต็มนับจากวันที่ซื้อ (นับแบบวันชนวัน ไม่ใช่นับแบบปฏิทิน) ซื้อปีไหน ลดหย่อนปีนั้น และไม่บังคับว่าต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี ระยะเวลาในการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษี คือ ลดหย่อนได้ระหว่างปี พ.ศ. 2566 – 2575
ความเหมือนและความต่างของกองทุน Thai ESG, RMF และ SSF
ด้านระยะเวลาการลงทุน
- Thai ESG: ถือลงทุน 8 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี
- SSF: ถือลงทุน 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ ไม่บังคับซื้อทุกปี
- RMF: ถือลงทุนต่อเนื่องอย่างน้อย 5 ปี แบบวันชนวัน ปีชนปี สามารถลงทุนได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน (ซื้อปีเว้นปีได้)
ด้านสินทรัพย์ที่ลงทุนได้
- Thai ESG: หุ้นไทยและตราสารหนี้ไทยที่เข้าหลักเกณฑ์ ESG
- SSF กับ RMF: ลงทุนได้หลากหลายสินทรัพย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษี
- Thai ESG: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 100,000 บาท
- SSF: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 200,000 บาท และเมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
- RMF: ไม่เกิน 30% ของรายได้ทั้งปี และไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ
วิธีเลือกกองทุน Thai ESG
วิธีการเลือกกองทุน Thai ESG สามารถเลือกประเภทของกองทุน และระดับความเสี่ยงที่สามารถรับได้จากทั้ง 3 กลุ่มด้วยกัน
กลุ่มที่ 1 คือ กลุ่มตราสารหนี้ อย่างเช่น Green Bond หรือ Social Bond (ระดับความเสี่ยง: ต่ำ) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคง
และอยากได้ผลตอบแทนที่มากกว่าฝากเงินในธนาคาร
กลุ่มที่ 2 คือ กลุ่มผสม อย่างเช่นกองทุน Flexible ที่มีบางส่วนลงทุนในหุ้น ESG และบางส่วนลงทุนในตราสารหนี้ ESG (ระดับความเสี่ยง: ปานกลาง)
เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับหนึ่ง และต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น และเพื่อกระจายความเสี่ยง
กลุ่มที่ 3 คือ กลุ่มหุ้นล้วน ที่ลงทุนในกลุ่มหุ้น ESG เท่านั้น (ระดับความเสี่ยง: สูง) เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนที่สูงขึ้น และยอมรับความเสี่ยงสูงได้
กองทุน Thai ESG เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีเป้าหมายการลงทุนให้เงินเติบโตในระยะยาว
- ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีด้วยการลงทุน
- ผู้ที่ต้องการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นผู้ที่มีฐานภาษีสูง
- ผู้ที่มองเห็นโอกาสเติบโตในหุ้นยั่งยืน พร้อมกับดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ในประเทศไทย
สำหรับกองทุน Thai ESG นับเป็นกองทุนที่มีความมั่นคงและมีการเติบโตที่ดี ตอบรับกับเป้าหมาย Net Zero ของประเทศไทยในระยะยาวจึงเป็นการลงทุนที่เหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของโลก สำหรับธนาคารกรุงไทยขอแนะนำกองทุน Thai ESG ที่มีให้เลือก 3 นโยบาย ได้แก่
- กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade 70/30 (KTAG70/30-ThaiESG) เป็นกองทุนผสม เน้นลงทุนในหุ้นที่มี ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 70% ของ NAV และตราสารหนี้ เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่เกิน 30% ของ NAV บริหารแบบ Active สามารถปรับพอร์ตให้เหมาะสมได้ทุกสถานการณ์ (ความเสี่ยงกองทุนระดับ: 5) เหมาะกับผู้ที่ต้องการกระจายลงทุนและไม่อยากลงทุนในหุ้น 100% และมุ่งหวังผลตอบแทนที่สูงดัชนีอ้างอิง
- กองทุนเปิดกรุงไทย ESG50 (KTESG50-ThaiESG) เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ประมาณ 50 ตัวแรกที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงสุด ที่อยู่ในดัชนี SETESG ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและอยู่ใน Universe ของบริษัทจัดการ เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV บริหารแบบ Active (ความเสี่ยงกองทุนระดับ: 6) จุดเด่นคือ เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความความมั่นคงและมีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนในกองทุน Thai ESG ที่เน้นหุ้นขนาดใหญ่และมุ่งหวังผลตอบแทนที่สูงดัชนีอ้างอิง
- กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade (KTAG-ThaiESG) เน้นลงทุนหุ้นที่มี ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV บริหารแบบ Active (ความเสี่ยงกองทุนระดับ: 6) จุดเด่นคือมีกลยุทธ์ที่ยืดหยุ่นสามารถลงทุนได้ในหุ้นขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคงและสร้างโอกาสเติบโตผ่านหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ที่มีการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูงและมุ่งหวังผลตอบแทนที่สูงดัชนีอ้างอิง
สำหรับผู้ที่สนใจกองทุน Thai ESG ธนาคารกรุงไทยมีผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนมากมายไม่ว่าจะเป็น กองทุน RMF/SSF/Thai ESG หรือจะเป็นกองทุนที่ไปลงทุนในกองทุนรวมต่างประเทศอย่าง FIF หรือ ETF โดยผู้ลงทุนสามารถซื้อกองทุน Thai ESG กับกรุงไทยได้ง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชั่น Krungthai NEXT