Time to focus on Asset Allocation Krungthai CIO ชี้ตลาดหุ้น เป็นสินทรัพย์น่าลงทุนในเดือนมี.ค.
อัปเดตวันที่ 22 มี.ค. 2567
Krungthai CIO ชี้ตลาดหุ้น เป็นสินทรัพย์น่าลงทุนในเดือนมี.ค. พลิกการลงทุนให้เป็นเรื่องง่ายและงอกเงย จากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง
ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ธนาคารกรุงไทย (Krungthai Chief Investment Office) เปิดมองมุมการลงทุนเดือนมีนาคม 2567 มองตลาดหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้นต่อ แม้หลายตลาดทำสถิตินิวไฮ รับปัจจัยหนุนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงและเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวได้
Krungthai CIO วิเคราะห์ตลาดและการลงทุนประจำเดือนมีนาคม 2567 แนะผู้ลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศ โดยมองว่า ฝั่งยุโรปน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนสหรัฐอเมริกา ตามทิศทางเงินเฟ้อและเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าสหรัฐฯ ส่วนไทยมีโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่เกิดขึ้น
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน Krungthai CIO มีมุมมองเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น เพราะมีโอกาสปรับขึ้นต่อ แม้ว่า ตลาดหุ้นหลักหลายๆ แห่ง จะทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นที่สิ้นสุดลง และเฟดน่าจะทยอยลดดอกเบี้ยได้ในปีนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจโลกยังคงขยายตัวได้ ทำให้กำไรบริษัทจดทะเบียนมีโอกาสขยายตัวต่อ โดยตลาดหุ้นที่น่าสนใจ มีดังนี้
หุ้นขนาดเล็กสหรัฐฯ ที่ยังคง Laggard หุ้นขนาดใหญ่อยู่พอสมควร ถึงแม้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯจะทำจุดสูงสุดใหม่ แต่การปรับตัวขึ้นกระจุกตัวในหุ้นขนาดใหญ่ ทำให้ Valuation ของหุ้นขนาดเล็กอยู่ในระดับที่ไม่แพง ประกอบกับมุมมองเรื่อง “Soft Landing” ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการที่รายได้ส่วนใหญ่ของหุ้นขนาดเล็กมาจากภายในประเทศเป็นหลัก ทำให้มองว่า รายได้มีโอกาสขยายตัวต่อ
สำหรับตลาดเกิดใหม่ หุ้นอินเดีย เวียดนาม และอินโดนีเซีย เป็นตลาดที่น่าสนใจ จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ขยายตัวได้ในระดับสูงในปีนี้ จากการบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง กระแสการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ไหลมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นอินเดีย และเวียดนาม ปรับขึ้นค่อนข้างดีต่อเนื่องจากปีที่ผ่าน ทำให้ Upside จำกัด แนะนำให้อาศัยจังหวะที่ตลาดปรับตัวลงในการเข้าลงทุน ส่วนตลาดอินโดนีเซีย ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี นายปราโบโว ซูเบียนโต ได้รับการเลือกตั้งให้เป็นไปประธานาธิบดี คลายความกังวลตลาดจากการสานต่อนโยบายต่างๆ ประกอบกับราคาหุ้นที่ยังไม่แพง P/E อยู่ที่ 13.8 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
ตลาดหุ้นไทย นักลงทุนผิดหวังผลประกอบการ และตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปี 2566 ที่โดยรวมออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้รับรู้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไปพอสมควร ทำให้ Downside Risk จำกัด จึงมองว่าตลาดมีโอกาสฟื้นตัว ถ้าร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ได้รับการอนุมัติและเริ่มมีการเบิกจ่ายงบประมาณได้
ตลาดหุ้นจีน แนะนำ Trading Buy มองว่า Sentiment การลงทุนดีขึ้นจากมาตรการภาครัฐที่ทยอยออกมาเอื้อต่อเศรษฐกิจและตลาดทุน กลุ่มอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ ได้แก่ Healthcare Technology และ Global REITs โดยกำไรหุ้นกลุ่ม Technology มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากกระแส AI เช่นเดียวกับกลุ่ม Healthcare ที่กำไรมีแนวโน้มขยายตัวได้สูงจากนวัตกรรมยาใหม่ๆ ที่รักษาโรคที่รักษาได้ยากและยังไม่มีมาก่อน ส่วนกลุ่ม Global REITs ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด และเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง
สำหรับสินทรัพย์อื่นๆ Krungthai CIO มีมุมมองเป็นบวกต่อราคาน้ำมัน มองว่า ราคาน้ำมัน WTI จะปรับตัวในกรอบ 70-90 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่ม OPEC+ และสหรัฐฯ ในช่วงกลางปีหลัง ทำให้อุปทานตึงตัวมากขึ้น ขณะที่อุปสงค์ยังเพิ่มขึ้น จากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่แข็งแกร่ง และเศรษฐกิจจีนที่ทยอยฟื้นตัว ส่วนราคาทองคำ มองว่า เป็นสินทรัพย์ที่ควรมีติดพอร์ตไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงท่ามกลางความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของเฟดน่าจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไปอีกได้
นอกจากนี้ ยังมีมุมมองเป็นบวกต่อการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศและไทย เนื่องจากตลาดได้ปรับคาดการณ์เกี่ยวกับทิศทางของดอกเบี้ยให้สมเหตุสมผลมากขึ้น ทำให้ Bond Yield ผันผวนน้อยลงและมีโอกาสปรับตัวลงได้ นอกจากนี้ ตราสารหนี้ยังเป็นสินทรัพย์ที่ช่วยในการกระจายความเสี่ยงได้ดี หากสมมติฐานเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ได้โตตามคาด และเปิดทางให้เฟดลดดอกเบี้ยได้มากกว่ามุมมองตลาด ขณะที่ตราสารหนี้ไทยจะได้รับผลบวกจากแนวโน้มเงินเฟ้อไทยยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีโอกาสมากขึ้นที่กนง. จะลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลัง