เรียนรู้การเงิน

20 ที่เที่ยวญี่ปุ่น ห้ามพลาด อัปเดต 2024

อัพเดทวันที่ 7 มี.ค. 2567

20 ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่ห้ามพลาด ฉบับอัปเดตปี 2024

เที่ยวญี่ปุ่นอยู่ในแพลนของนักเดินทางเสมอ เพราะดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้มีที่ท่องเที่ยวหลากหลายกระจายตัวอยู่ทุกมุมเมืองรอให้นักท่องเที่ยวมาสัมผัส แต่ละสถานที่มีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน โดดเด่นด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรมและผู้คนที่โอบอ้อมอารีย์ แล้วในปี 2024 นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ไหนควรปักหมุดเพื่อไม่พลาดที่จะไปเช็คอินให้ได้สักครั้งบ้าง กรุงไทยรวบรวม 20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่ต้องไปมาไว้ให้แล้ว ลองมาดูกัน!


1. Nachi Falls วากายามะ


ที่เที่ยวญี่ปุ่นสำหรับสายธรรมชาติ Nachi Falls วากายามะ


ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่แรกที่อยากแนะนำ โดยเฉพาะคนรักธรรมชาติ คือน้ำตกนะชิ (Nachi) เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น มีความสูงถึง 133 เมตร เรียกว่าเป็นไฮไลท์ของเมืองนะชิคัตซึอุระ ในอดีตชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าน้ำที่ไหลตกลงมานี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ เป็นยาอายุวัฒนะที่ผู้ใดดื่มแล้วจะมีสุขภาพดีและอายุยืน บริเวณน้ำตกยังเป็นที่ตั้งของวัดเซกันโทจิ (Seiganto-ji Temple) โดดเด่นด้วยเจดีย์สามชั้นสีแดงที่ตั้งสง่าอยู่ใกล้กันและมีศาลเจ้าฮิโร (Hiro Shrine) ตั้งอยู่ฐานน้ำตก เชื่อว่าทุกคนที่ได้มาที่เที่ยวญี่ปุ่นนี้ต้องรู้สึกว่าตัวเองกำลังอยู่ในฉากหนึ่งของภาพยนตร์พีเรียดของญี่ปุ่นอย่างแน่นอน

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 07:00-16:30 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
พิกัด : https://goo.gl/maps/k2JhfNNTkgC7PvdYA


2. Happo Pond นากาโน่


ที่เที่ยวญี่ปุ่นสำหรับสายผจญภัย Happo Pond นากาโน่


บึงฮัปโป (Happo Pond) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เหมาะกับสายผจญภัย ทั้งคนที่ชอบเล่นสกีและเทรกกิ้ง เพราะบึงฮัปโปแห่งนี้ตั้งอยู่บนความสูงเหนือน้ำทะเล 2,080 เมตร ในบริเวณอุทยานแห่งชาติของนากาโน่ โอบล้อมด้วยวิวทิวทัศน์ของเทือกเขาเจแปนแอลป์ ในฤดูหนาวนักท่องเที่ยวจะนิยมมาเล่นสกีกันที่นี่ ส่วนในฤดูร้อนจะเป็นฤดูกาลของการเทรกกิ้ง เพราะตลอดทางจากสกีลิฟต์ไปบึงฮัปโปจะเห็นต้นไม้ใหญ่เล็กเปลี่ยนสี ทั้งสีเหลือง สีแดง หรือสีเขียวสด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่สวยงามจนทำให้หลงลืมเวลาไปเลยทีเดียว

วันเวลาเปิด-ปิด : ช่วงเวลาแตกต่างกันไป ตามกิจกรรมและวันเวลาในแต่ละช่วง
ค่าเข้าชม : ราคาแตกต่างกันไป ตามกิจกรรมและวันเวลาในแต่ละช่วง
พิกัด : https://goo.gl/maps/mDToKR1SCfvA2DWC6


3. Motonosumi Inari Shrine ยามากุจิ


ที่เที่ยวญี่ปุ่นสำหรับสายมู Motonosumi Inari Shrine ยามากุจิ


ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่ต่อมาคือศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ (Motonosumi Inari Shrine) เมื่อมาถึงที่นี่แล้วควรเดินไปตามแนวของเสาโทริอิที่มุ่งหน้าสู่ทะเล ซึ่งเสาโทริอิสีแดงทอดตัวเป็นแนวยาวจำนวนถึง 123 ต้น เป็นระยะทางยาวประมาณ 100 เมตร และเมื่อเดินไปจนสุดทางของเสาโทริอิจะพบกับวิวสวยอลังการของท้องทะเล สำหรับอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่เที่ยวญี่ปุ่นนี้คือกล่องรับบริจาคที่ตั้งอยู่บนเสาโทริอิซึ่งตั้งอยู่หน้าทางเข้าศาลเจ้า หากใครโยนลงก็จะทำให้สิ่งที่อธิษฐานขอพรไว้เป็นจริง โดยความเชื่อของญี่ปุ่นเชื่อว่าศาลเจ้าแห่งนี้จะช่วยให้ผู้คนประสบความสำเร็จในด้านเงินทอง โชคลาภ และปลอดภัยจากการเดินทาง

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 07:00-16:30 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
พิกัด : https://goo.gl/maps/yubeL9rYN1BuJNqC8


4. Matsumoto Castle นากาโน่


ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาดอีกหนึ่งแห่ง คือ Matsumoto Castle นากาโน่


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ไม่ควรพลาดอีกหนึ่งแห่ง คือ ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) ปราสาทสุดเคร่งขรึม ด้วยเอกลักษณ์ของตัวปราสาทที่เป็นสีดำ มีปีกออกมาจากด้านต่าง ๆ คล้ายกับปีกของนก ทำให้ถูกเรียกอีกชื่อว่าปราสาทอีกา และปราสาทแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นสมบัติแห่งชาติญี่ปุ่นอีกด้วย เพราะตัวปราสาททำจากไม้เก่าแก่ที่มีอายุถึง 400 ปี เป็นที่เที่ยวญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาโดยสามารถมาเที่ยวได้ทุกฤดูกาล แต่ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมจะเป็นช่วงที่ดอกซากุระบานสะพรั่งช่วยสร้างความอ่อนโยนให้ปราสาทอีกาแห่งนี้งดงามในอีกมุมมอง

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08:30-17:00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 700 เยน, เด็ก 300 เยน
พิกัด : https://goo.gl/maps/UZeVc7J4KorJovau7


5. Shiratani Unsuikyo คาโกชิม่า


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่แฟนคลับอนิเมชั่นเจ้าหญิงโมโนโนเกะห้ามพลาด Shiratani Unsuikyo คาโกชิม่า


แฟนคลับการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องเจ้าหญิงโมโนโนเกะ (Princess Mononoke) ที่ผลิตโดยสตูดิโอภาพยนตร์อะนิเมะอย่าง Studio Ghibli ต้องห้ามพลาด เพราะสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ที่เป็นแรงบันดาลใจของฉากในป่า ที่เที่ยวญี่ปุ่นนี้คือผืนป่าอนุรักษ์ Shiratani Unsuikyo ที่มีสภาพเป็นป่าต้นซีดาร์หรือไม้ตระกูลสนที่มีอายุเก่าแก่กว่าร้อยปี บางต้นมีอายุมากถึง 1000 ปีบนเกาะยะคุชิมะที่ได้รับฉายาว่าเป็น The island of ancient forest and water ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพของผืนป่าดึกดำบรรพ์นี้ องค์การยูเนสโก้จึงประกาศให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1993 และยังคงความสมบูรณ์มาถึงปี 2024

วันเวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน ตลอดเวลา
ค่าเข้าชม : ฟรี
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/ZohagnKd213zvred9


6. Usa Shrine โออิตะ


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่น่าสนใจ Usa Shrine โออิตะ


ญี่ปุ่นมีศาลเจ้าที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวตั้งอยู่จำนวนมาก โดยศาลเจ้าอุสะ (Usa Shrine) นับเป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้ากว่าพันแห่งทั่วทั้งญี่ปุ่นและถือเป็นศาลเจ้าศูนย์กลางของ Hachimangū ที่มีอยู่มากกว่า 40,000 แห่งทั่วญี่ปุ่นอีกด้วย ศาลเจ้าอุสะสร้างขึ้นในปี ค.ศ.745 เพื่อถวายแด่เทพเจ้า Hachiman เทพแห่งการยิงธนูและสงคราม ผู้คนมักเดินทางมาที่นี่เพื่อขอพรเรื่องความโชคดี ภายในศาลเจ้าจะมีอาคารที่จัดแสดงโบราณวัตถุ และประวัติต่าง ๆ เกี่ยวกับศาลเจ้านี้ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นที่น่าสนใจอีกหนึ่งแห่งคือ สะพานคุเรฮาชิ (Kurehashi) ที่โดดเด่นด้วยหลังคามุงจากแบบญี่ปุ่นแท้ ๆ

วันเวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06:00-18:00 น.
ค่าเข้าชม : ฟรี
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/tbAsg6UbeCj4rNnp9


7. Tottori Sand Dunes ทตโตริ


 สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่คนรักกิจกรรมต้องชอบ Tottori Sand Dunes ทตโตริ


เปิดประสบการณ์ที่เที่ยวญี่ปุ่นสุดสนุกด้วยการขี่อุฐกลางทะเลทรายในญี่ปุ่นที่ Tottori Sand Dunes เนินทรายเลียบชายฝั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น เป็นเนินทรายยาวถึง 16 กิโลเมตร ซึ่งเกิดจากการสะสมของทรายภูเขาไฟมากว่า 100,000 ปี สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้มีกิจกรรมให้ทำมากมายทั้งขี่อูฐชมทะเลทราย นั่งเกวียนที่ลากด้วยม้า เดินถ่ายรูปชิล ๆ ร่อนร่ม Paragliding ชมวิวมุมสูง เล่นกระดานทราย Sandboarding ใครเป็นสายแอดเวนเจอร์ต้องร้องว้าว เรียกว่าเป็นการท่องเที่ยวญี่ปุ่นในมุมใหม่ที่น่าตื่นเต้นสุด ๆ

วันเวลาเปิด-ปิด : มีนาคม - พฤศจิกายน เปิดเวลา 09:30-16:30 น., ธันวาคม - กุมภาพันธ์ เปิดเวลา 10:00-16:00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี แต่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามกิจกรรมต่าง ๆ
พิกัด : https://goo.gl/maps/oMeXiopFDdM6haYQ6


8. Fuji Shibazakura ยามานาชิ


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่คนรักดอกไม้ต้องชอบ Fuji Shibazakura ยามานาชิ


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่คนรักดอกไม้ต้องหลงรัก โดยเฉพาะในเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของทุกปีที่อยากชวนทุกคนมาเดินอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้สีชมพู ดอกพิงค์มอส (Pink Moss) พืชตระกูลมอสที่เติบโตขึ้นตามพื้นดิน ปกคลุมพื้นที่ในแนวราบ ดอกมีขนาดเล็ก และกลีบดอกมีลักษณะคล้ายกับดอกซากุระ มีอยู่ประมาณ 800,000 ต้นกว่า 5 สายพันธุ์ โดยเรียกช่วงเวลานี้ว่าเทศกาลทุ่งดอกชิบะซากุระ (Shibazakura) เป็นการเฉลิมฉลองการบานสีชมพูสะพรั่ง ณ Fuji Motosuko Resort ในยามานาชิ (Yamanashi) ไฮไลท์ของสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ คือฉากหลังเป็นฟูจิซังสูงตั้งตระหง่านตัดกับท้องฟ้าสีสันสดใส เป็นภาพธรรมชาติที่งดงามที่ควรค่าแก่การไปเห็นกับตา

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08:00-16:00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 800-1,000 เยน ขึ้นอยู่กับวัน, เด็ก 250 เยน
พิกัด : https://goo.gl/maps/jjsdVMztfVP8XfBs5


9. Ouchi – juku ฟุกุชิมะ


ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่มีสถาปีตยกรรมเก่าแก่ Ouchi – juku


ย้อนเวลากลับไปสู่ยุคเอโดะกันกับที่เที่ยวญี่ปุ่นอย่างหมู่บ้านโออุจิจูคุ (Ouchi-Juku) ในจังหวัดฟุกุชิมะ (Fukushima) หมู่บ้านเก่าแก่ตั้งแต่ในสมัยเอโดะที่ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เพราะสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ ดั้งเดิม และสวยงาม มีลักษณะเป็นบ้านญี่ปุ่นโบราณที่มุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก ในสมัยก่อนหมู่บ้านแห่งนี้เป็นที่พักแรมของผู้ที่เดินทางระหว่างอาณาจักร ส่วนตอนนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีทั้งร้านขายของ ร้านอาหาร ที่พักแบบโฮมสเตย์ หอนิทรรศการที่ให้ความรู้และจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ตามวิถีชีวิตผู้คนสมัยก่อน

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 10:00-16:00  น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 250 เยน, เด็ก 150 เยน
พิกัด : https://goo.gl/maps/ybKcNiB3d2VrKCiU6


10. Sensoji Temple โตเกียว


ที่เที่ยวญี่ปุ่นใจกลางเมือง Sensoji Temple โตเกียว


ไปถึงญี่ปุ่นทั้งทีต้องได้ใส่ชุดกิโมโนถ่ายภาพสวย ๆ กับโบราณสถานสุดยิ่งใหญ่ ครั้งนี้ไม่ต้องเดินทางไปไกล เพราะในโตเกียวมีสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นอย่างวัดเซนโซจิ (Sensoji Temple) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อวัดอาซากุสะ (Asakusa Temple) หรือวัดโคมแดง วัดดังเก่าแก่แห่งโตเกียว มีโคมแดงใหญ่โดดเด่นเป็นสัญลักษณ์ที่ซุ้มประตูทางเข้าเขียนเป็นตัวอักษรคันจิว่า Kaminari-Mon ซึ่งแปลว่าประตูสายฟ้า เมื่อเดินเข้ามาภายในจะเจอกับเจดีย์ 5 ชั้น หากถ่ายรูปจนพอใจและอธิษฐานขอพรแล้ว ก่อนกลับอย่าลืมกวักเอาควันธูปหน้าวัดเข้าหาตัว เพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่าจะช่วยนำความโชคดีมาให้

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 06:00-17:00 น., ตุลาคม-มีนาคม เปิดเวลา 06:00-16:30 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
พิกัด : https://goo.gl/maps/jDxyRmA1U82fwf8v8


11. Jigokudani Monkey Park นากาโน่


ที่เที่ยวญี่ปุ่นจากนาโกย่า Monkey Park


หากเห็นภาพฝูงลิงหน้าแดงก่ำกำลังแช่ออนเซ็นอย่างเพลิดเพลินใจจะต้องร้องอ๋อเพราะที่เที่ยวญี่ปุ่นนี้ คือ สวนลิงจิโกะคุดานิ (Jigokudani Monkey Park) เป็นสวนที่ถูกสร้างขึ้นในปี 1964 ณ พื้นที่ส่วนหนึ่งของหุบเขาจิโกะคุดานิ ซึ่งถูกขนานนามว่าหุบเขานรก สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นแหล่งอนุรักษ์สายพันธุ์ลิงป่า เช่น ลิงหิมะ (Snow monkey )นอกจากนี้ยังมีสถานที่ให้นักท่องเที่ยวได้แช่ออนเซ็นและมีเส้นทางเทรกกิ้งที่เจ้าหน้าที่ประจำสวนลิงญี่ปุ่นคอยให้บริการเช่ารองเท้าเดินหิมะเพื่อช่วยเพิ่มพื้นผิวยึดเกาะหิมะ เรียกว่าเป็นประสบการณ์เที่ยวญี่ปุ่นแบบใหม่ที่สนุกไม่น้อย

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09:00-16:00 น., เมษายน-ตุลาคม เปิดเวลา 08:30-17:00 น. (อาจมีหยุดให้บริการเนื่องจากสภาพอากาศ)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (18 ปีขึ้นไป) 800 เยน, เด็กอายุ 6-17 ปี 500 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี เข้าชมฟรี
พิกัด : https://goo.gl/maps/ssXdkK625gahZoA6A


12. Sagano Romantic Train เกียวโต


ที่เที่ยวญี่ปุ่นแบบโรแมนติก Sagano Romantic Train


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เหมาะกับคนที่ชอบนั่งรถไฟไปเรื่อย ๆ ในเส้นทางสวย ๆ เมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่นต้องจองตั๋วรถไฟสาย Sagano Scenic Railway หรือ Sagano Romantic Train รถไฟสายโรแมนติกแบบโบราณที่ยังคงความคลาสสิก ซึ่งเป็นรถไฟที่นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ เลียบแม่น้ำโฮซุกาว่า (Hozugawa River) ในเกียวโต ซึ่งตลอดเส้นทางที่รถไฟผ่านเป็นระยะทางกว่า 7 กิโลเมตรจะผ่านเส้นทางหุบเขาที่สลับซับซ้อน บ้านเรือนชนบท เป็นวิวที่มองไม่เบื่อ ยิ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิจะได้เห็นใบไม้ไล่เฉดสีสวยงาม สร้างความประทับใจได้มากทีเดียว

จองตั๋วและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sagano-kanko.co.jp


13. Meguro River โตเกียว


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่นิยมในช่วงซากุระ Meguro River


สำหรับใครที่เฝ้ารอเพื่อจะไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นในช่วงเทศกาลซากุระบาน ที่เที่ยวที่ต้องปักหมุดคืออุโมงค์ซากุระที่แม่น้ำเมกุโระ (Meguro River) จุดชมดอกซากุระและจุดถ่ายภาพที่แม้แต่คนโตเกียวก็ออกมาชื่นชมความงดงามนี้ จุดเด่นของสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ คือ ต้นซากุระต้นใหญ่ที่ออกดอกแบ่งบานสะพรั่งจะตั้งเป็นแนวแถวเรียงรายไปตลอดทั้งสองข้างทางขนามแม่น้ำสายเล็ก ๆ มีทางเดินที่สุดแสนจะโรแมนติก และมีที่นั่งให้ปล่อยใจปล่อยเวลาให้ไหลไปเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิอันสวยงาม

วันเวลาเปิด – ปิด : ในช่วงเทศกาล Nakameguro Cherry Blossom Festival พระอาทิตย์ตกดิน – 20:00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/XESFKJn7bdAga6FF7


14. Sapporo Clock Tower ซัปโปโร


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นจากซัปโปโร Sapporo Clock Tower


ใครที่มาซัปโปโรแล้วควรแวะมาเช็คอินที่หอนาฬิกาซัปโปโร (Sapporo Clock Tower) ที่เที่ยวญี่ปุ่นที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองซัปโปโร สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1878 นับเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุด ในเมืองซัปโปโร โดยสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้เป็นหนึ่งในอาคารสไตล์ตะวันตก ที่มีเพียงไม่กี่แห่ง ในปัจจุบันนาฬิกาบนหอยังคงเดินอย่างเที่ยงตรง และมีเสียงระฆังดังกังวานในทุก ๆ ชั่วโมง โดยหอนาฬิกาแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมที่สำคัญแห่งชาติในปี ค.ศ. 1970 และเป็นพิพิธภัณฑ์ในการจัดแสดง เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่เกี่ยวกับหอนาฬิกาและโรงแสดงศิลปะการต่อสู้ของเมืองอีกด้วย

วันเวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน 08:45 – 17:10 น.
ค่าเข้าชม : 200 เยน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/hwCDQbEhnJaZh4JM7


15. Kawaguchiko Music Forest Museum พิพิธภัณฑ์คาวากุจิโกะมิวสิคฟอร์เรส


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นสไตล์ยุโรป Kawaguchiko Music Forest Museum


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับคนรักเสียงเพลงและชอบเดินเล่นมิวเซียม เพราะที่นี่คือพิพิธภัณฑ์เครื่องดนตรีหรือพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี ภายในอาคารจัดเก็บสะสมและจัดแสดงเครื่องดนตรียุโรปโบราณ มีเครื่องดนตรีที่บรรเลงเพลงแบบอัตโนมัติ มีการแสดงดนตรีสลับหมุนเวียนมาให้รับฟัง ทั้งการแสดงจากนักดนตรีเพลงคลาสสิค การแสดงโอเปร่าสดประสานเสียง ส่วนใครที่อยากเก็บภาพประทับใจ ภายนอกสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นนี้จะเป็นสวนสไตล์ยุโรป มีสะพานเล็ก ๆ ให้ยืนถ่ายภาพโดยมีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิอีกด้วย

วันเวลาเปิด – ปิด : เปิดวันศุกร์ – วันจันทร์ เวลา 10:00 – 18:00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็กโต 1,100 เยน เด็กเล็ก 800 เยน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/mPGRsrdFq2tu83389


16. Okinawa Churaumi Aquarium โอกินาว่า


สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับครอบครัว Okinawa Churaumi Aquarium


หนึ่งในสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นในเขตท้องทะเลโอกินาว่าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลอันอุดมสมบูรณ์ของญี่ปุ่น คือ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำชุราอูมิ (Okinawa Churaumi Aquarium) ที่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ทั้งครอบครัว เด็กก็ชอบ ผู้ใหญ่ก็ตื่นตาตื่นใจ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้เป็นแทงก์คุโรชิโอะขนาดใหญ่มหึมามีสัตว์ทะเลกว่า 70 ชนิดกำลังแหวกว่าย เป็นที่อยู่ของสัตว์ทะเลน้อยใหญ่หลายชนิดตั้งแต่ปลาเขตน้ำอุ่นจนถึงน้ำลึก มีทั้งฉลามวาฬ ปลากระเบนยักษ์ว่ายวนอยู่ในอ่างอย่างอิสระ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ อย่างโชว์ปลาโลมาให้ชมอีกด้วย

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08:30-16:00 น., ตุลาคม-กุมภาพันธ์ เปิดเวลา 08:30-18:30 น., เข้าชมก่อนเวลาปิด 1 ชั่วโมง, ปิดทำการวันพุธแรกของธันวาคมและวันถัดไป
ค่าเข้าชม : ตั๋วช่วงปกติ 8:30-16:00 น. ผู้ใหญ่ 2,180 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 1,440 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น 710 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ฟรี, ตั๋วช่วงเย็น 16:00 น. เป็นต้นไป ผู้ใหญ่ 1,510 เยน, นักเรียนมัธยมปลาย 1,000 เยน, นักเรียนประถมและมัธยมต้น 490 เยน, เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ฟรี
พิกัด : https://goo.gl/maps/bRG2XiFZcwspaFxE8


17. Shuri Castle โอกินาว่า


ที่เที่ยวญี่ปุ่นจากโอกินาว่า Shuri Castle


ไปเยือนโอกินาว่าที่นอกจากเป็นเมืองแห่งทะเลแล้ว ที่นี่ยังมีปราสาทชูริ (Shuri Castle) ปราสาทสีแดง ที่สร้างขึ้นราวปลายศตวรรษที่ 14 เป็นสัญลักษณ์เด่นและเป็นศูนย์กลางทางการเมือง การต่างประเทศ และศิลปวัฒนธรรมในสมัยอาณาจักรริวกิว อาณาจักรเก่าแก่ของญี่ปุ่น แม้ว่าตัวปราสาทนั้นได้ถูกทำลายลงในช่วงยุทธการโอกินาว่าจนเหลือเพียงกำแพง แต่ก็ได้มีการสร้างอาคารหลักและประตูชูเรมอนขึ้นมาใหม่ในลักษณะสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างญี่ปุ่นและจีน และเป็นโบราณสถานที่ถูกขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วย ที่เที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองโอกินาว่าได้ทั่ว นักท่องเที่ยวควรมีโอกาสไปเยือนให้ได้สักครั้ง

วันเวลาเปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 8:30-18:00 น.
ค่าเข้าชม : 400 เยน
พิกัด : https://goo.gl/maps/SyZvewAWsLPx9DGcA


18. teamLab Planets TOKYO


ที่เที่ยวญี่ปุ่นสุดล้ำ teamLab Planets TOKYO


ที่เที่ยวญี่ปุ่นสุดล้ำให้ทุกคนได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับงานศิลปะกับพิพิธภัณฑ์ดิจิทัลที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่งานศิลปะจัดวางที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้านในพิพิธภัณฑ์แบ่งเป็นโซนต่าง ๆ ทั้งการท่องจักรวาลดอกไม้ที่ร่วงหล่นราวกับสายฝน และเดินผ่านผืนน้ำด้วยเท้าเปล่าท่ามกลางสีสันและแสงที่สวยงาม ดูปลาคราฟดิจิทัลว่ายรอบตัว สามารถใช้ประสาทสัมผัสทั้งการมองเห็น การฟัง และการสัมผัสได้อย่างไร้สิ่งกีดขวาง

วันเวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 09:00 – 22:00 น. วันหยุด 8 กุมภาพันธ์, 6 มีนาคม และ 10 เมษายน 2024
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุ 18 ปีขึ้นไป) 4,200 เยน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษา 2,800 เยน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/BuiHBt5b7maV3zEB8


19. Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter โตเกียว


ที่เที่ยวญี่ปุ่นเปิดใหม่ Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter โตเกียว


แฟนแฮร์รี่ พอตเตอร์ต้องถูกใจ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ใหม่ล่าสุดเพิ่งเปิดเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา คือ Warner Bros. Studio Tour Tokyo – The Making of Harry Potter สตูดิโอแบบอินเทอร์แอคทีฟที่มีฉากจำลองของภาพยนตร์แฮร์รี่ พอตเตอร์มาให้ร่วมสนุกเสมือนได้ผจญภัยในโลกเวทมนตร์ที่สร้างขึ้น ที่เที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ยังมีคาเฟ่แฮร์รี่ พอตเตอร์ ชื่อ Frog Café ที่ขายเครื่องดื่มและอาหารให้เหล่าสาวกได้เพลิดเพลินอีกด้วย

วันเวลาเปิด – ปิด : เปิดทุกวัน วันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 08:30 – 19:30 น. วันเสาร์ – วันอาทิตย์ 08:30 – 22:00 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ (อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป) 6,300 เยน -เด็กอายุ 12-17 ปี 5,200 เยน -เด็กอายุ 4-11 ปี 3,800 เยน -เด็กอายุต่ำกว่า 4 ปีเข้าฟรี
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/V7egPRGTC8FDja3W7


20. Mount Zao ยามากาตะ


Mount Zao ยามากาตะ สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่นักกิจกรรมไม่ควรพลาด


ต้องมาเยือนสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ให้ได้สักครั้งสำหรับนักสกีหรือคนที่ชอบบรรยากาศของภูเขาหิมะ เพราะภูเขาซะโอ (Mount Zao) ในช่วงฤดูหนาวหิมะจะปกคลุมทั่วพื้นที่เป็นสีขาวโพลน มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวสายผจญภัยได้ทำ เช่น การเล่นสกี เล่นสโนว์บอร์ด ขึ้นกระเช้าชมวิวธรรมชาติรอบ ๆ ภูเขา หรือแม้กระทั่งการชม Snow Monster (Juhyo) ที่เกิดจากการหิมะตกลงมาปกคลุมต้นไม้บนเขาเกาะตัวจนเกิดมีรูปทรงคล้ายกับสัตว์ประหลาด ซึ่งจัดเป็นเทศกาลเรียกว่า Zao Snow Monster Festival ยิ่งในตอนกลางคืนจะมีการจัดไฟหลากสีเพิ่มความสวยงามและความน่าสนใจมากขึ้นเป็นสิบเท่า

วันเวลาเปิด – ปิด : 08:30 – 21:00 น. (การเล่นสกีช่วงกลางคืนเริ่มตั้งแต่ 17:00 น. เป็นต้นไป)
ค่าเข้าชม : ราคากระเช้าลอยฟ้า (ไป-กลับ) ปลายทาง สถานี Jizo Sancho บนความสูง 1,661 เมตร ผู้ใหญ่ 3,000 เยน เด็ก 1,500 เยน ปลายทาง สถานี Juhyo Kogen บนความสูง 1,331 เมตร ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็ก 800 เยน
พิกัด : https://maps.app.goo.gl/PG6hYbzJDTshNkCn9

เห็นลิสต์สถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่น่าไปเยือนทั้ง 20 สถานที่ในปี 2024 แล้วต้องรีบวางแผนล่วงหน้าสักนิด ทั้งแพลนการเดินทางหรือฟิตติ้งชุดที่จะใส่เพื่อเก็บภาพประทับใจ แต่สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมคือ บัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card บัตรเดียวเที่ยวญี่ปุ่นได้อุ่นใจ สะดวก ปลอดภัย มีประกันการเดินทาง และมอบสิทธิประโยชน์คุ้มค่าให้นักเดินทางอีกมากมาย ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.krungthai.com แล้วไปเที่ยวญี่ปุ่นให้สนุกนะ!

20 ที่เที่ยวญี่ปุ่น ที่ห้ามพลาด ฉบับอัปเดตปี 2024 | ธนาคารกรุงไทย 20 ที่เที่ยวญี่ปุ่นปี 2024 มีที่ไหนบ้างที่ห้ามพลาด และอัปเดตสถานที่ท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ต้องไปให้ได้ในปี 2024 จะมีที่ไหนบ้าง ไปดู