เรียนรู้การเงิน

บัตร Travel card คืออะไร ใช้ยังไง? บัตรทางเลือกของคนชอบเดินทางต่างประเทศ

อัปเดตวันที่ 26 ธ.ค. 2566

การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่หลายคนชื่นชอบ เพราะนอกจากจะช่วยให้เราได้พบเจอประสบการณ์ใหม่ ๆ แล้ว ยังช่วยผ่อนคลายเราจากความเครียดและความเหนื่อยล้าสะสมจากการทำงาน และนอกจากนี้การท่องเที่ยวยังเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยในปี 2022 มูลค่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกรวมกันอยู่ที่ 10 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการที่นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินในต่างประเทศเพื่อซื้อสินค้าและบริการ เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว

หลายคนที่กำลังคิดถึงการไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศอาจจะเป็นกังวลว่าแล้วเราจะต้องเตรียมตัวอย่างไรในด้านของการเตรียมเงินสำหรับเอาไปชำระค่าที่พักโรงแรม ค่าเดินทาง ค่าอาหาร หรือแม้แต่ของฝาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราคงต้องไปที่ธนาคารหรือไปตามผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ก็เพื่อที่จะแลกเงินสดสกุลเงินบาทไทย เป็นเงินสกุลต่างประเทศก่อนออกเดินทาง

แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวายขนาดนั้นแล้วเพราะนวัตกรรมทางด้านการเงินให้ทำให้เรามีสิ่งที่เรียกว่า Travel Card ขึ้นมา โดยที่มีเจ้า Travel Card เพียงใบเดียวก็สามารถพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างได้สบายหายห่วง ไม่ต้องเป็นกังวลกับการมาแลกเงิน หรือกังวลว่าจะต้องมาเก็บเงินจำนวนมากไว้กับตัวให้เสี่ยง วันนี้ทาง Krungthai ขออาสาพาเพื่อน ๆ ที่กำลังมีแพลนที่จะไปต่างประเทศไปรู้จักกับบัตร Travel Card ให้มากขึ้น ติดตามอ่านกันได้เลย


Travel Card คืออะไร

Travel Card คือ บัตรเติมเงินที่สามารถใช้แลกสกุลเงินต่างประเทศ เก็บไว้ล่วงหน้าพร้อมทั้ง สามารถรูดจ่ายค่าสินค้าและถอนเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้เหมือนบัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิตทั่วไป เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ไม่มีบัตรเครดิต หรือคนที่ไม่อยากพกเงินสดจำนวนมาก ไม่ต้องเสียเวลาไปแลกเงินบ่อย ๆ ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายทั่วโลกได้สะดวกขึ้นด้วยบัตรใบเดียว


Travel Card มีประโยชน์อย่างไร

Travel Card เป็นบัตรที่นักท่องเที่ยวสายเดินทางต่างประเทศควรมีติดตัวไว้โดยวิธีการเลือกว่าจะสมัครบัตร Travel Card จากผู้ให้บริการรายใด ควรคำนึงถึงสิทธิประโยชน์เบื้องต้นดังต่อไปนี้


สะดวกและปลอดภัยกว่าการพกเงินสดจำนวนมาก

Travel Card สามารถรูดจ่ายค่าสินค้าและบริการได้เหมือนบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตทั่วไป จึงไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากติดตัว ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการถูกโจรกรรมหรือสูญหาย


อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าการแลกเงินสด

Travel Card มักเสนออัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าการแลกเงินสดจากธนาคารหรือร้านแลกเงิน ซึ่งช่วยให้ประหยัดเงินได้


ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย

Travel Card หรือบัตรใช้ต่างประเทศ มักมีวงเงินจำกัด ซึ่งช่วยให้ผู้ถือบัตรสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น


ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

บางธนาคารอาจเสนอสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับ Travel Card เช่น ประกันการเดินทางหรือส่วนลดร้านค้าต่าง ๆ อย่างบัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card ประกันอุบัติเหตุการเดินทางทั้งในและต่างประเทศ ด้วยวงเงินประกันคุ้มครองสูงสุด 6,000,000 บาท

    นอกจากนี้ Travel Card ยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
  • สามารถใช้ชำระค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยว และค่าบริการอื่น ๆ ได้ทั่วโลก
  • สามารถใช้กดเงินต่างประเทศที่ตู้ ATM ได้
  • สามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการออนไลน์ได้
  • สามารถใช้การโอนเงินระหว่างประเทศได้


ประเภทของบัตร Travel Card

โดยทั่วไปแล้วประเภทของบัตร Travel Card สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ


Travel Card แบบ Pre-Paid หรือแบบเติมเงิน

ลักษณะทั่วไปของบัตร Travel Card แบบเติมเงิน ให้นึกถึงการระบบการเติมเงินของโทรศัพท์มือถือ คือเราเติมเท่าไหร่ก็สามารถใช้ได้เท่านั้น โดยบัตร Travel Card แบบ Pre-paid จะมีวงเงินเท่าใดก็ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เจ้าของบัตรเติมเข้าไป โดยผู้ถือบัตรจะต้องเติมเงินเข้าไปในบัตรก่อนจึงจะสามารถรูดใช้ได้ โดยผู้ใช้บัตรสามารถแลกเป็นเงินสกุลต่างประเทศเก็บไว้ล่วงหน้าได้เลย


Travel Card แบบเดบิต

บัตร Travel Card แบบนี้ไม่ต้องเติมเงินเข้าไป โดยบัตรใช้ต่างประเทศ ลักษณะนี้จะผูกอยู่กับบัญชีธนาคารของเรา และเมื่อรูดใช้จ่ายแล้ว ระบบจะตัดเงินจากในบัญชีของเราที่ได้ทำการผูกไว้แบบอัติโนมัติ โดยอัตราแลกเปลี่ยน ณ เวลาที่เราชำระค่าสินค้าหรือบริการจะขึ้นอยู่กับนโยบายการล็อกอัตราแลกเปลี่ยนของแต่ละธนาคาร


ความแตกต่างระหว่างบัตร Travel Card กับบัตรเครดิต

บัตร Travel Card และบัตรเครดิต ต่างก็เป็นบัตรที่สามารถใช้ใช้จ่ายเงินในต่างประเทศได้ แต่มีความแตกต่างกันในบางประการ ยกตัวอย่างเช่น


ประเภทของบัตร

  • บัตร Travel Card เป็นบัตรเดบิตหรือบัตรเติมเงินที่สามารถใช้แลกสกุลเงินต่างประเทศได้ รูดจ่ายค่าสินค้าและกดเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้
  • บัตรเครดิต เป็นบัตรที่สามารถใช้รูดจ่ายค่าสินค้าและบริการได้ โดยธนาคารจะออกเครดิตให้ใช้ก่อน และให้ผู้ถือบัตรชำระคืนภายในกำหนด


แหล่งเงินที่ใช้

  • บัตร Travel Card ใช้เงินที่เติมเข้าไปในบัตรหรือเงินที่มีอยู่ในบัญชีที่เราผูกไว้เท่านั้น
  • บัตรเครดิต ใช้เงินที่ธนาคารให้ยืม(เครดิต)


อัตราแลกเปลี่ยน

  • ธนาคารบางแห่งให้สิทธิพิเศษกับบัตร Travel Card ในการเสนอให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าการใช้บัตรเครดิต
  • บัตรเครดิต มักจะไม่มีสิทธิประโยชน์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนที่ให้มูลค่าสูง และอาจมีค่าธรรมเนียมการโอนเงินต่างประเทศ หรือการแปลงสกุลเงิน


ค่าธรรมเนียม

  • บัตร Travel Card อาจมีค่าธรรมเนียมการใช้บริการ เช่น ค่าธรรมเนียมการสมัครบัตร อาจจะมีค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมเช่นถอนเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละธนาคาร
  • บัตรเครดิต มักจะมีค่าธรรมเนียมการสมัครบัตร ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ ค่าธรรมเนียมพร้อมดอกเบี้ยในกรณีชำระล่าช้า และค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5%


สรุปความแตกต่างระหว่างบัตร Travel Card และ บัตรเครดิต

  1. 1.บัตร Travel Card สามารถใช้แลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินต่างประเทศได้ตลอดเวลาผ่านระบบออนไลน์ในเรทที่ดีกว่า เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของยอดใช้จ่ายเหมือนกับการรูดจ่ายด้วยบัตรเครดิต
  2. อัตราแลกเปลี่ยนคิดตามเรทในวันที่แลกเงิน ดังนั้นผู้ที่ใช้บัตร Travel Card สามารถแลกเงินเก็บไว้ล่วงหน้าได้ในช่วงที่อัตราแลกเปลี่ยนดีต่างจากบัตรเครดิตที่ไม่สามารถแลกเงินในวันที่มีเรทดีเก็บไว้ได้
  3. ควบคุมวงเงินการใช้จ่ายได้ดีกว่าบัตรเครดิต เพราะ Travel Card จะหักเงินจากวงเงินที่มีในบัญชี หรือวงเงินที่เราแลกสกุลเงินมาเก็บไว้แล้วในขณะที่บัตรเครดิตจะมีวงเงินเครดิตให้สูงกว่า มีโอกาสใช้จ่ายเกินลิมิตได้มากกว่า
  4. Travel Card ของบางธนาคารมีประกันอุบัติเหตุ หรือสิทธิพิเศษต่าง ๆ พ่วงมาให้ด้วย


ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ไม่ได้มองว่าการท่องเที่ยวเป็นเรื่องสิ้นเปลือง เพราะถือเป็นการซื้อประสบการณ์ที่ในครั้งหนึ่งในชีวิตอาจจะหาไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่จะสามารถทำให้เกิดการท่องเที่ยวขึ้นมาได้ก็คือ เงิน คำถามต่อมาคือเวลาเราอยากจะไปท่องเที่ยวยังประเทศต่าง ๆ แน่นอนว่าเราจะไม่สามารถนำสกุลเงินบาทไปจับจ่ายใช้สอยในประเทศนั้น ๆ ได้อยู่แล้ว ทางเลือกคือ จะแลกเงินสด แล้วเก็บเข้ากระเป๋า ซึ่งจะมั่นใจได้อย่างไรว่าปลอดภัยจากการถูกปล้นชิงวิ่งราว หรือการใช้บัตรเครดิตซึ่งก็มีข้อเสียคืออัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่ได้ดีที่สุดแถมอาจจะทำให้เรารูดเพลินจนเกินวงเงินก็ได้

ดังนั้นทางเลือกที่ผู้เขียนคิดว่าดีและเหมาะสมที่สุดคือการใช้ Travel Card โดยเฉพาะบัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card เรียกได้ว่า 3ดี เลยก็ว่าได้

  • ดีแรกคือ เรทดี อย่างที่กล่าวถึงไปเบื้องต้นว่า เวลาที่เราไปใช้จ่ายในต่างประเทศเราจำเป็นที่จะต้องแลกเงินให้เป็นสกุลเงินนั้น ๆ และคงไม่มีใครอยากอยากแลกเงินแล้วได้น้อย
  • ดีที่ 2 ก็คือสะดวกปลอดภัย รูดฟรีทั่วโลก ลดความเสี่ยงการถือเงินสดระหว่างเดินทาง แลกเงินและจัดการบัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card ง่าย ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT
  • และดีที่ 3 คือฟรี! ไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน 2.5% สิทธิพิเศษมากมายขนาดนี้ ใครที่สนใจสมัครบัตร Krungthai Travel Visa Platinum Card สามารถศึกษารายละเอียดได้ ที่นี่ เลย แอบกระซิบว่าถ้าสมัครวันนี้ ฟรีค่าธรรมเนียมการออกบัตรและค่าธรรมเนียมรายปีมูลค่า 600 บาท ทั้งบัตรหลัก และ บัตรเสริมไปเลย แล้วมาติดตามสาระความรู้ดี ๆ ด้านการเงิน การลงทุน ได้ที่ https://krungthai.com/

โอนเงินไปต่างประเทศแบบไหนดี ฟรี ถูก รวดเร็ว ปลอดภัย | ธนาคารกรุงไทย เจาะคำถาม โอนเงินต่างประเทศแบบไหนดี โอนเงินต่างประเทศฟรีหรือไม่ แอปโอนเงินต่างประเทศไหนที่ ถูก ดี รวดเร็ว ปลอดภัย ค่าธรรมเนียมถูก