เทคนิคแลกเงินต่างประเทศ ให้ได้ราคาดีที่สุด วิธีซื้อเงินต่างประเทศผ่านแอปออนไลน์
เปิดประสบการณ์ทริปสุดฟินในต่างแดนของคนรักการเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกลก็สนุกได้เต็มขั้น เพียงแค่เตรียมตัวให้พร้อม และวางแผนก่อนออกเดินทางอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องการแลกเงินต่างประเทศ เพราะนักเดินทางหลายคน มักจัดเตรียมของจนลืมซื้อเงินต่างประเทศเก็บไว้ ทำให้ต้องวิ่งหาเคาท์เตอร์ธนาคารที่สนามบินในวินาทีสุดท้ายอยู่บ่อยครั้ง
แต่รู้หรือไม่…ว่าการแลกเงินต่างประเทศในวินาทีสุดท้ายนั้นจะยิ่งทำให้การซื้อขายเงินต่างประเทศแพงจนต้องแอบสะเทือนใจ วันนี้กรุงไทยจะมาแนะนำเทคนิคแลกเงินต่างประเทศ ให้ได้ราคาดีที่สุด อย่ารอช้า มาทำให้ทริปของคุณคุ้มสุด ฟินสุดตลอดการเดินทางไปพร้อมกันเลย
การแลกเงินต่างประเทศ คืออะไร
การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ คือ กระบวนการทางธุรกรรมทางการเงินที่นำเงินสกุลหนึ่ง (เช่น เงินบาท) ไปแลกเป็นเงินสกุลของประเทศอื่น (เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ, ยูโร, เยน) เพื่อใช้ตามวัตถุประสงค์ต่าง ๆ เช่น การเดินทางท่องเที่ยว การศึกษาหรือดูงานในต่างประเทศ รวมถึงการทำธุรกิจซื้อขายสินค้า และบริการระหว่างประเทศ โดยวิธีแลกเงินต่างประเทศ สามารถทำได้ที่ธนาคารพาณิชย์หรือร้านแลกเงินที่ได้รับอนุญาต
โดยการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จะมี “อัตราแลกเปลี่ยน” ซึ่งหมายถึง ราคาของเงินสกุลหนึ่งเทียบกับเงินสกุลอื่น เช่น อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ อาจอยู่ที่ 30 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งหมายความว่าต้องใช้เงินบาท 30 บาทในการแลก 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ สถาบันการเงินจะกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนสองแบบ คือ อัตรา “ขาย” (Selling) สำหรับการนำเงินบาทไปแลกเป็นเงินต่างประเทศ และอัตรา “รับซื้อ” (Buying) สำหรับการนำเงินต่างประเทศมาแลกคืนเป็นเงินบาท
เทคนิคความคุ้ม ซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชัน
นอกจากการไปแลกเงินต่างประเทศที่ร้านแลกเงิน ปัจจุบัน มีวิธีการซื้อ - ขายเงินที่แสนง่ายไม่ซับซ้อน โดยการซื้อขายเงินตราต่างประเทศผ่านแอปพลิเคชัน รวดเร็ว สะดวกสบาย ได้ราคาที่คุ้มค่าไม่แพ้กัน และวันนี้กรุงไทยจะมาแนะนำเทคนิคดี ๆ ด้วยการซื้อผ่านแอปให้ได้เข้าใจกันแบบง่าย ๆ ที่ไม่ว่าใครก็ซื้อได้



- สมัครบัตรเครดิต Krungthai Travel Visa และโหลดแอป Krungthai NEXT
- เปิดหน้าแอป และเลือกเมนูสำหรับซื้อเงินตราต่างประเทศ
- เลือกสกุลเงินที่ต้องการแลกซื้อ
- เลือกบัญชีที่ต้องการหักเงิน และระบุจำนวนเงินที่ต้องการแลกซื้อ
- ยืนยันแลกซื้อสกุลเงิน
ออกทริปในยุค 2025 การแลกเงินต่างประเทศยังเป็นเรื่องจำเป็นหรือไม่?
ในยุค 2025 เทคโนโลยีการเงิน และระบบการชำระเงินออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้การใช้จ่ายระหว่างการเดินทางต่างประเทศสะดวก และปลอดภัยมากขึ้น นักเดินทางหลายคนเลือกใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตร Travel Card ที่ออกแบบมาเพื่อใช้จ่ายในต่างประเทศโดยเฉพาะ เนื่องจากไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมาก ได้คะแนนสะสม และมีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ การใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบ QR Code ในบางประเทศก็เพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง และลดความเสี่ยงในการสูญหายของเงินสด
ซึ่งการแลกเงินต่างประเทศในบัตรทราเวลการ์ด เป็นอีกหนึ่งวิธีบริหารความเสี่ยงจากการผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน สามารถแลกล่วงหน้าในอัตราแลกเปลี่ยนที่เราพอใจ และใช้จ่ายได้แบบไร้กังวล อีกทั้ง ยังช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากขณะเดินทาง แถมยังได้รับสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ควรวางแผนการเงินให้พร้อมโดยเริ่มจากการศึกษาข้อมูลการแลกเงินต่างประเทศ และรูปแบบการใช้จ่ายของประเทศนั้น ๆ ให้ดี พร้อมแบ่งสัดส่วนเงินระหว่างการจ่ายแบบเงินสด และการจ่ายแบบ Contactless Payments (การจ่ายผ่านบัตร/การโอน/การสแกนคิวอาร์โค้ดผ่านสมาร์ทโฟน) ให้พร้อม เพียงเท่านี้ ทริปของคุณก็จะสนุกสุดคุ้มแบบไร้รอยต่อแน่นอน
การแลกเงินต่างประเทศต้องคำนึงถึงอะไรบ้างกรุงไทยมีคำตอบ
ถ้า Pocket Money ยังเป็นสิ่งจำเป็น แล้วคนรักการเดินทางอย่างเราต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้างก่อนออกเดินทาง กรุงไทยพร้อมตอบคำถามให้คุณอย่างครอบคลุม มาเตรียมซื้อเงินต่างประเทศเก็บไว้ก่อนออกเดินทางไปด้วยกันเลย
1. วิธีแลกเงินต่างประเทศ แลกที่ไหนคุ้มและราคาดีที่สุดก่อนเราซื้อเงินต่างประเทศเก็บไว้
การเช็กอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าจะช่วยทำให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อเงินต่างประเทศได้อย่างคุ้มค่า โดยเริ่มจากการเช็กอัตราแลกเปลี่ยนของร้านรับแลกเงินต่างประเทศที่เชื่อถือได้ และมีจำนวนลูกค้าเข้าใช้บริการจำนวนมาก เช่น SuperRich , Value Pluse, Twelve Victory และเช็กอัตราแลกเงินของบัตรแบบ Travel Card เป็นต้น
ด้วยความที่อัตราการแลกเปลี่ยนของเงินต่างประเทศนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คุณก็สามารถเข้าเช็กข้อมูลของอัตราแลกได้ตลอดเวลาทั้งในเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของร้านแลกเงินดังกล่าวได้อย่างง่าย ๆ เพื่อเปรียบเทียบให้เห็นความคุ้มค่าที่สุดก่อนเลือกซื้อเงินต่างประเทศเก็บไว้
2. แลกเงินต่างประเทศเวลาไหนดีที่สุด
นักเดินทางส่วนใหญ่มักตั้งคำถามเสมอว่า “แลกเงินตอนไหนถึงจะดีที่สุด” อย่างที่เราทราบกันดีว่า อัตราการแลกเปลี่ยนนั้นมีความผันผวนแทบตลอดเวลา จึงไม่สามารถคาดเดาตัวเลขที่คุ้มค่าที่สุดได้ในทันที
ข้อแรกที่กรุงไทยอยากขอแนะนำ คือ เลี่ยงการแลกเงินต่างประเทศในวันที่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex Market) หยุด หรือช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ นั่นเอง เพราะเราจะได้อัตราแลกเปลี่ยนตอนปิดตลาด (ในวันศุกร์) ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนมีผันผวน ในช่วงวันหยุดร้านรับแลกจึงมีการบวกส่วนต่าง (Mark-up) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อป้องกันความเสี่ยง และเราก็จะได้ราคาแลกซื้อในอัตราที่สูงขึ้น
อีกหนึ่งส่วนสำคัญ คือ การติดตามการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน แต่การติดตามการเปลี่ยนแปลงเรตการขายตลอดเวลาเพื่อซื้อเงินต่างประเทศเก็บไว้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงต้องมีตัวช่วยอย่าง XE Currency แอปพลิเคชันที่จะช่วย Alert ให้เราได้ทราบเวลาอัตราแลกเปลี่ยนประเทศที่เราอยากได้ต่ำลง ทีนี้เราก็สามารถวางแผน และแลกเงินตราต่างประเทศผ่านแอปได้อย่างคุ้มค่า
3. ควรแลกเงินเผื่อใช้ หรือเอาไปแต่พอดี
เดินทางต่างประเทศให้คุ้มค่าที่สุด คือ การนำเงินไปแต่พอดี และวางแผนการเงินให้ครอบคลุมตลอดทริป เพราะการการแลกเงินต่างประเทศนั้น มีความผันผวนแทบตลอดเวลา จึงทำให้มีความเสี่ยงอยู่เสมอ ในกรณีที่เราแลกไปเยอะเกินไป แล้วเหลือกลับมาอาจได้ราคาที่ไม่คุ้มจากตอนที่ซื้อมาสักเท่าไร
อีกแนวทางความคุ้ม คือ การแลกเงินสกุลใหญ่ ๆ ของโลก เช่น US หรือ EU ติดตัวไปด้วย เผื่อเวลาเงินในประเทศที่เราไปไม่พอ ก็สามารถนำเงิน US หรือ EU แลกเพิ่มได้ หากเหลือกลับมา ก็ยังสามารถแลกคืนได้ในราคาที่ดี หรือจะเก็บเป็นเงินสดไว้ใช้ต่อทริปต่อไปก็ได้เช่นกัน
4. ถ้าประเทศนั้นเป็น Contactless Payments หรือใช้เงินสดน้อยต้องทำอย่างไร?
กรุงไทยแนะนำให้นักท่องเที่ยวทุกคนเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางด้วยการศึกษาข้อมูลการแลกเงินต่างประเทศ และการใช้จ่ายในประเทศต่าง ๆ ให้ดี แล้วนำวิธีการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของประเทศที่จะไปมาจัดการและวางแผนให้ครอบคลุมต่อการทริปของเราให้ได้มากที่สุด เตรียม Pocket Money และ Contactless Payments ให้พร้อม เพียงเท่านี้ทริปของคุณก็สนุกได้อย่างไร้ขีดจำกัดแล้ว
5. เดินทางไปต่างประเทศใช้บัตรเครดิตแทนเงินสดคุ้มหรือไม่
วิธีนี้อาจจะสบายที่สุด แต่ก็อาจไม่ใช่การแลกเงินต่างประเทศที่คุ้มที่สุด เพราะการใช้บัตรเครดิตในต่างประเทศต้องเสีย Hidden Costs 2 อย่าง ดังนี้
- ค่าความเสี่ยงจากการแปลงสกุลเงิน ประมาณ 2.00 - 2.50%
- หากเดินทางในประเทศที่ไม่ใช่ USA จะทำให้โดนชาร์จอัตราแลกถึงเปลี่ยน 2 ต่อ เช่น หากคุณไปญี่ปุ่นและรูดบัตรเครดิตที่นั่น ทาง Visa หรือ Mastercard จะทำการแปลงเงินญี่ปุ่นเป็น US ก่อนแล้วค่อยแปลงเป็นเงินบาท เป็นต้น
6. บัตร Travel Card เพื่อนคู่ใจของนักเดินทางต่างประเทศ
Travel Card คือ บัตรเดบิต หรือ บัตรเติมเงิน (Prepaid Card) อีกหนึ่งตัวช่วยการแลกเงินต่างประเทศที่สามารถใช้จ่ายทั่วโลกได้สะดวกขึ้นด้วยบัตรใบเดียว บัตรประเภทนี้สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย และเรทดีเทียบเท่าร้านแลกเงิน คุณสามารถรูดจ่ายค่าสินค้าและกดเงินจากตู้ ATM ต่างประเทศได้เหมือนบัตรเอทีเอ็มทั่วไป โดยไม่มีค่าความเสี่ยง 2.5% พร้อมสิทธิพิเศษตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารที่ให้บริการ บอกเลยว่าใบนี้คุ้ม คนรักการเดินทางต้องมี
7. ความคุ้มค่าของการแลกเงินต่างประเทศ ระหว่างร้านแลกเงิน vs Travel Card vs บัตรเครดิต
ปัจจุบันนี้มีหลากหลายรูปแบบการแลกเงินต่างประเทศให้เลือกสรร ความคุ้มค่าของการแลกเงินในก็มีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และการใช้งานของผู้เดินทาง ซึ่งในทุกอัตราการแลกเปลี่ยนนั้นจะขึ้นอยู่กับการผวนผันของค่าเงินตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (Bank of Thailand) หรือ ธปท. กำหนด
ในกรณีที่คุณต้องการความแน่นอน และเรตค่าเงินที่ถูกใจ การซื้อเงินต่างประเทศเก็บไว้อาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ที่สุด เพราะมางร้านมีอัตราแลกเปลี่ยนในการซื้อและขายถูกกว่าธนาคารพาณิชย์ทั่วไปประมาณ 5 – 10% ซึ่งคุณสามารถกะเวลาซื้อขายกับร้านแลกเงินได้ตามความต้องการ หากโชคดีก็อาจได้ราคาแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุดทั้งขาไปและขากลับ แต่การพกเงินสดเดินทางในต่างประเทศเองก็มีความเสี่ยงไม่น้อย การมี Contactless Payments เป็นแผนสำรองก็เป็นเรื่องดี
แต่ในส่วนของอัตราการแลกเงินต่างประเทศนั้นก็มีความต่างกันออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Travel Card และบัตรเครดิต บัตรทั้ง 2 ชนิดความสะดวกสบายจริง แต่ความคุ้มค่าก็แตกต่างกันออกไป เช่น Travel Card สามารถแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศได้ตลอดเวลาอีกทั้งยังได้เรตที่ดีกว่า เพราะไม่เสียค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของยอดใช้จ่าย ซึ่งบัตรเครดิตต้องเสียค่าธรรมเนียมถึง 2 ต่อในการตัดชำระยอดใช้จ่ายในแต่ละครั้ง เป็นต้น
แม้ว่าการเดินทางไปต่างประเทศ จะมีทางเลือกการชำระเงินที่หลากหลาย และทันสมัย แต่การวางแผนแลกเงินล่วงหน้ายังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะช่วยให้คุณควบคุมค่าใช้จ่าย เลือกอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีที่สุด สามารถใช้จ่ายได้อย่างคุ้มค่า เที่ยวสนุกแบบไม่มีสะดุด
กรุงไทยขอแนะนำ บัตร Krungthai Travel Premium Mastercard Debit ตัวช่วยที่ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่ ให้คุณแลกเงินล่วงหน้าในอัตราแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า รองรับการใช้จ่ายถึง 20 สกุลเงินทั่วโลก ใช้งานง่ายผ่านแอป Krungthai NEXT พร้อมสิทธิประโยชน์ เช่น เครดิตเงินคืน ฟรีค่าธรรมเนียมกดเงินที่ตู้ ATM ทั่วโลก และไม่มีค่าธรรมเนียมแลกเปลี่ยนสกุลเงิน ทำให้การวางแผนแลกเงิน และบริหารค่าใช้จ่ายระหว่างทริปเป็นเรื่องง่าย และปลอดภัยยิ่งขึ้น