ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลปลอดภัยอย่างไร พร้อมขั้นตอนจองซื้อแบบมือใหม่ก็ทำได้
“พันธบัตรรัฐบาล คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยภาครัฐ เพื่อระดมทุนหรือชำระหนี้ โดยรัฐบาลจะจ่ายคืนเงินต้น พร้อมดอกเบี้ยเฉลี่ย 3% ต่อปี ตามระยะเวลาที่กำหนด”
ใครที่อยากลงทุนต่อยอดเงินออมให้งอกเงย มาลองทำความรู้จักกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับการลงทุนที่มั่นคง เพราะความเสี่ยงน้อย ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ และได้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ เหมาะกับหลายคนที่ยังไม่พร้อมรับความเสี่ยงสูงในการลงทุน
พันธบัตรรัฐบาลคืออะไร
พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) คือ ตราสารหนี้ชนิดหนึ่งที่ออกโดยหน่วยงานภาครัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เพื่อนำเงินไประดมทุนในโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาล หรือจ่ายคืนหนี้ของรัฐ ลักษณะการลงทุนไม่ซับซ้อนเหมือนการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ โดยผู้ซื้อจะมีสถานะเสมือนเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาล ส่วนรัฐบาลมีหน้าที่จ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามสัญญา เฉลี่ยอยู่ที่ราวปีละ 3%
ว่ากันว่า การลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่ลงทุนก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน เพราะนั่นเท่ากับเรากำลังปล่อยให้เงินของเราค่อย ๆ ลดมูลค่าไปตามอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นทุกปี เช่นนั้นจะเลือกลงทุนอะไรดี ที่มีความเสี่ยงไม่สูง เน้นรักษาเงินต้น และมีโอกาสรับผลตอบแทนเหนือกว่าเงินฝากทั่วไป...
พันธบัตรรัฐบาล ทางเลือกลงทุนที่ให้นักลงทุนอุ่นใจ เห็นผลตอบแทนชัดเจน แถมความเสี่ยงระดับเซฟ ๆ เพราะมีรัฐบาลเป็นผู้ออกพันธบัตรโดยตรง หากอยากรู้ว่า พันธบัตรรัฐบาลคืออะไร และดีอย่างไร ติดตามได้จากบทความนี้
พันธบัตรรัฐบาลมีกี่ประเภท
พันธบัตรรัฐบาลจะมีทั้งแบบระยะสั้น อายุไม่เกิน 1 ปี และแบบระยะยาวที่มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป โดยประเทศไทย สามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภท คือ
- ตั๋วเงินคลัง (Treasury Bill) มีวัตถุประสงค์ เพื่อบริหารเงินระยะสั้นของรัฐบาล จัดเป็นพันธบัตรรัฐบาลแบบระยะสั้น มีทั้งแบบอายุ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี การจ่ายดอกเบี้ยของตั๋วเงินคลังจะอยู่ในรูปแบบของส่วนลด คือ เมื่อออกขาย จะขายในราคาที่หักส่วนลดจากมูลค่าหน้าตั๋ว แต่เมื่อครบกำหนดสามารถไถ่ถอนตามราคาที่ตราไว้หน้าตั๋ว ผู้ซื้อจะได้ส่วนต่างของราคาเป็นผลตอบแทน
- พันธบัตรรัฐบาลแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate Government Bond) มีวัตถุประสงค์ในการระดมทุน เพื่อพัฒนาประเทศ ปรับโครงสร้างหนี้สาธารณะ หรือชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เป็นพันธบัตรรัฐบาลแบบระยะยาว มีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และบางชนิดมีอายุยาวถึง 50 ปี การจ่ายดอกเบี้ยจะเป็นแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ (Fixed rate) ปีละ 2 ครั้ง และชำระเงินต้นคืนในวันที่ไถ่ถอน
- พันธบัตรออมทรัพย์ (Saving Bond) มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมการออมให้กับประชาชน โดยจะกำหนดเงื่อนไขให้เอื้อต่อการลงทุนสำหรับประชาชนทั่วไป เช่น การห้ามซื้อขายพันธบัตรออมทรัพย์นอกกลุ่มนักลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาภายในปีแรก หรือการจำกัดวงเงินลงทุนในพันธบัตรออมทรัพย์ให้ไม่สูงมาก เป็นต้น
- พันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ (Inflation-linked Bond) เป็นตราสารหนี้ที่ให้ผลตอบแทนตามการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อ โดยจ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน และเมื่อไถ่ถอน ผู้ลงทุนจะได้รับเงินต้นคืน พร้อมส่วนชดเชยเงินเฟ้ออ้างอิงจากดัชนีเงินเฟ้อทั่วไป (Headline inflation)
- พันธบัตรรัฐบาลอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Floating rate Bond) มีวัตถุประสงค์เหมือนกับพันธบัตรรัฐบาลอัตราดอกเบี้ยคงที่ คือ ชดเชยการขาดดุลงบประมาณของรัฐบาล และมีอายุตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป
ข้อดีของพันธบัตรรัฐบาล
พันธบัตรรัฐบาลเป็นการออมเงินรูปแบบหนึ่ง โดยเป็นการลงทุนที่มีความน่าเชื่อถือสูง และมีความเสี่ยงต่ำกว่าการลงทุนอื่น ๆ เช่น กองทุนรวมหุ้น หรือหุ้นรายตัวในตลาดหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันก็ให้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินในบัญชีออมทรัพย์ทั่วไป ตอบโจทย์คนที่อยากให้เงินงอกเงย แต่สามารถรับความเสี่ยงได้น้อย และยังสามารถเลือกซื้อได้ตามระยะเวลาของพันธบัตร หรือจะเน้นการออมเงินผ่านพันธบัตรออมทรัพย์ก็ได้เช่นกัน
สรุปข้อดีของพันธบัตรรัฐบาล
- มีความน่าเชื่อถือสูง และความเสี่ยงต่ำ เพราะออกโดยรัฐบาล
- เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย และต้องการความมั่นคง
- ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
- ได้ผลตอบแทนดีกว่าการฝากเงินบัญชีออมทรัพย์
ทำไมพันธบัตรรัฐบาลถึงมีความเสี่ยงต่ำ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า พันธบัตรรัฐบาลคืออะไร ซึ่งก็คือ ตราสารหนี้ที่ออกโดยกระทรวงการคลัง เพื่อระดมทุนให้กับรัฐบาล ซึ่งแน่นอนว่า รัฐบาลมีหน้าที่เก็บภาษีจากประชาชน นี่เองทำให้พันธบัตรรัฐบาลไม่มีความเสี่ยงในการผิดนัดดอกเบี้ย และเงินต้น
แต่ทั้งนี้ การถือครองพันธบัตรรัฐบาลก็มีความเสี่ยงอยู่บ้าง ซึ่งเกิดจากการวางแผนการลงทุนของผู้ซื้อพันธบัตร นั่นคือ ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง เพราะพันธบัตรรัฐบาลไม่รับซื้อคืนก่อนครบกำหนด หากต้องการใช้เงินส่วนนี้ อาจต้องนำไปขายในตลาดรอง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะขาดทุน หรือได้รับเงินคืนน้อยกว่าการถือครองจนครบอายุ นอกจากนี้ อาจมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย ที่อาจสูงกว่าผลตอบแทนจากพันธบัตรรัฐบาลบางประเภท แนะนำให้วางแผนการใช้เงิน และศึกษารายละเอียดก่อนการซื้อทุกครั้ง
- ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง - กรณีจำเป็นต้องใช้เงิน แต่ยังไม่ครบกำหนดรับซื้อคืน เสี่ยงต่อการขาดทุน เพราะต้องไปขายในตลาดรอง
- ความเสี่ยงจากเรื่องเงินเฟ้อ - กรณีอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าอัตราผลตอบแทน ผลตอบแทนที่แท้จริงอาจติดลบได้
- ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย - กรณีอัตราดอกเบี้ยในตลาดสูงขึ้น จะทำให้ราคาพันธบัตรมีค่าลดลง
เปรียบเทียบพันธบัตรรัฐบาลกับการลงทุนรูปแบบอื่น
มาลองเปรียบเทียบการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลกับการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ อย่างหุ้น หุ้นกู้ และกองทุนรวมตราสารหนี้ว่า ระดับความเสี่ยง และผลตอบแทนแตกต่างกันอย่างไร แล้วการลงทุนแต่ละแบบเหมาะกับใคร
พันธบัตรรัฐบาล | หุ้น | หุ้นกู้ | กองทุนรวมตราสารหนี้ | |
ระดับความเสี่ยง
|
ต่ำที่สุด |
สูงกว่า
|
ปานกลางถึงสูง
|
ต่ำ
|
ผลตอบแทน | ต่ำ คงที่เฉลี่ย 3% ต่อปี | สูงกว่า | สูงกว่า | ใกล้เคียงกับพันธบัตรรัฐบาล |
เหมาะกับใคร |
ผู้ที่ต้องการความมั่นคง และไม่ต้องการรับความเสี่ยงสูง |
ผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ และต้องการผลตอบแทนสูง |
ผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงสูงกว่าได้ และต้องการผลตอบแทนสูง |
ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย |
กดและเลื่อนเพื่อดูข้อมูลในตาราง
พันธบัตรรัฐบาล | หุ้น | หุ้นกู้ | กองทุนรวมตราสารหนี้ | |
ระดับความเสี่ยง
|
ต่ำที่สุด |
สูงกว่า
|
ปานกลางถึงสูง
|
ต่ำ
|
ผลตอบแทน | ต่ำ คงที่เฉลี่ย 3% ต่อปี | สูงกว่า | สูงกว่า | ใกล้เคียงกับพันธบัตรรัฐบาล |
เหมาะกับใคร |
ผู้ที่ต้องการความมั่นคง และไม่ต้องการรับความเสี่ยงสูง |
ผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงสูงได้ และต้องการผลตอบแทนสูง |
ผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงสูงกว่าได้ และต้องการผลตอบแทนสูง |
ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย |
พันธบัตรรัฐบาลเหมาะกับใคร
สำหรับคนที่อยากซื้อพันธบัตรรัฐบาล มาลองสำรวจกันว่า เหมาะกับเราหรือไม่ ดังนี้
- ผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย และต้องการผลตอบแทนที่แน่นอน เพราะพันธบัตรรัฐบาลมีความมั่นคงค่อนข้างสูงกว่าการลงทุนวิธีอื่น และยังระบุผลตอบแทนที่ชัดเจนจากการถือครองพันธบัตรครบระยะเวลา
- ผู้ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยให้กับพอร์ตการลงทุน สามารถกระจายความเสี่ยงจากการลงทุนรูปแบบต่าง ๆ เช่น หุ้น ตราสารหนี้เอกชน หรือกองทุนรวม มาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพื่อสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน และให้ความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตอยู่ในระดับที่ยอมรับได้
พันธบัตรรัฐบาลซื้อขายอย่างไร
พันธบัตรรัฐบาลจะมีการซื้อขายใน 2 ตลาด คือ ตลาดแรก และตลาดรอง ซึ่งอธิบายได้ดังนี้
1. ตลาดแรก (Primary Market) คือ การซื้อขายพันธบัตรโดยตรงระหว่างผู้ออกพันธบัตรกับนักลงทุนในการเปิดตัวครั้งแรก โดยแบ่งนักลงทุนออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- นักลงทุนรายย่อย หรือบุคคลทั่วไป สามารถซื้อได้ที่ธนาคารพาณิชย์ ราคาขายจะเริ่มต้นที่หน่วยละ 1-1,000 บาท หรืออาจจำกัดจำนวนเงินลงทุน หรือเป็นไปตามเงื่อนไขของพันธบัตรรุ่นนั้น ๆ
- นักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนรวม การขายจะเป็นการตั้งราคา เพื่อประมูลซื้อ
2. ตลาดรอง (Secondary Market) คือ การซื้อขายพันธบัตรระหว่างนักลงทุนด้วยกันเองโดยไม่ผ่านตลาดแรก ส่วนมากเป็นการขายก่อนครบกำหนดสัญญา โดยสามารถตกลงราคาซื้อขายกันเอง หรือซื้อขายในตลาดตราสารหนี้ผ่านโบรกเกอร์ หรือที่เรียกว่า Bond Electronic Exchange
วิธีจองซื้อพันธบัตรรัฐบาล
หากต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในตลาดแรก ควรติดตามข่าวเสนอขายให้ดี เมื่อเปิดขายก็สามารถซื้อได้ผ่านธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะตอนนี้ที่สามารถซื้อได้ผ่านแอปธนาคาร อย่าง Krungthai Next หรือหากต้องการซื้อขายในตลาดรอง ก็ยังทำได้ด้วยบริการ Money Connect ในแอป Krungthai Next เช่นกัน สนใจ คลิก เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม
นอกจากนี้ยังมีวอลเล็ต สบม. ในแอปเป๋าตัง ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้เข้าถึงการออมอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม ที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง เพียงหน่วยละ 1 บาท เริ่มต้นที่ 100 หน่วยเท่านั้น ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก
มากกว่าการออมเงิน คือ การบริหารเงินออมให้งอกเงย ซึ่งการจัดสรรเงินมาลงทุน คือ คำตอบ แต่จะเลือกลงทุนอย่างไรนั้น อย่าลืมคำนึงถึงความเสี่ยงทุกครั้งก่อนตัดสินใจลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่รับความเสี่ยงได้น้อย ต้องการความมั่นคง การลงทุนโดยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสมอย่างหนึ่ง ซึ่งตอนนี้สามารถซื้อขายได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชัน ก็ทำให้มีโอกาสเข้าถึงช่องทางการลงทุนได้มากยิ่งขึ้น