ลงทุนทองคำ สิ่งที่ต้องรู้และลงทุนอย่างไรให้ได้กำไร
ลงทุนทองดีไหม? ได้กำไร ไม่เจ็บตัว แม้จะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปัจจุบันที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่จากสาเหตุวิกฤตโรคระบาดโควิด19 และสงครามครั้งใหญ่ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ปาเลสไตน์ ที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบรุนแรง ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่ยังไต่ระดับขึ้นต่อเนื่อง ราคาน้ำมันและราคาพลังงานปรับสูงขึ้น แต่ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่สามารถยืนหยัดอยู่ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ บรรดานักลงทุนจึงให้ความสนใจที่จะเริ่มลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากขึ้นอย่างการลงทุนทองคำนั่นเอง
ทำไมนักลงทุนสนใจลงทุนทอง?
ทองคำนับเป็นสินทรัพย์ลงทุนประเภทหนึ่งที่ปัจจุบันกลายเป็นสินทรัพย์ลงทุนยอด นิยมจากนักลงทุนทั่วโลก เนื่องผลตอบแทนจากราคา (Capital Gain) ที่สามารถทำกำไรระยะสั้นได้สูง ทำให้เริ่มแบ่งเงินลงทุนจากการลงทุนในสินทรัพย์อื่นมาลงทุนทองคำเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แม้จะมีหลักคิดง่าย ๆ เกี่ยวกับการลงทุนทองว่า ทองลงให้ซื้อ ทองขึ้นให้ขาย แต่ความผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ดังนั้นก่อนตัดสินใจลงทุนทอง ลองวางแผนเพื่อให้ได้กำไรกันแบบชัวร์ ๆ โดยกรุงไทยรวบรวมเทคนิควางแผนเบื้องต้นที่ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในการลงทุนทองมาฝากทุกคน ดังนี้
เทคนิควางแผนเบื้องต้นช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน
1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนทองคำ
การลงทุนทองคำไม่แตกต่างจากการลงทุนประเภทอื่น ๆ ที่จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลขั้นพื้นฐานให้เข้าใจเพื่อจะได้วางแผนการลงทุนให้เหมาะสมกับตัวเอง เช่น
- ราคาทองคำจะขึ้นอยู่กับความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
- หากซื้อขายทองคำแท่งที่มีราคาต่ำกว่า 5 บาทจะต้องเสียค่ากำเหน็จ
- สามารถใช้ตั๋วสัญญาแทนการครอบครองทองคำแท่งที่อาจก่อให้เกิดอันตรายในการครอบครองได้
- ฯลฯ
2. กำหนดระยะเวลาการลงทุนให้ชัดเจน
เมื่อศึกษาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการลงทุนทองแล้ว ข้อสำคัญถัดมาคือการกำหนดระยะเวลาการลงทุนให้ชัดเจนหรือต้องรู้เป้าหมายการ ลงทุน คือ ต้องรู้ว่าตัวเองต้องการลงทุนทองในระยะสั้น หรือระยะยาว เพื่อให้สามารถเลือก กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมและบรรลุเป้าหมายการลงทุนได้
ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนระยะสั้น คือ ราคาทองคำที่ปรับขึ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้มีแรงเทขายเพื่อทำกำไร ซึ่งอาจเกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากจับจังหวะลงทุนผิดพลาด หรือราคาทองคำไม่ได้ปรับขึ้นไปตามที่คาดไว้ ทำให้นักลงทุนที่มีเป้าหมายลงทุนระยะสั้นหรือแค่เก็งกำไรต้องถือทองคำต่อไป และกลายเป็นนักลงทุนระยะยาวโดยไม่ได้ตั้งใจ
ข้อควรระวังสำหรับนักลงทุนระยะยาว คือ เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจตัดสินใจขายเพื่อทำกำไร จากนั้นก็รอจังหวะเข้าลงทุนหรือซื้อทองคำกลับคืนเมื่อราคาทองคำปรับลดลง แต่ราคาทองกลับไม่ได้ปรับลดลงตามที่ประเมินไว้จะทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่ตั้งใจไว้ได้เช่นกัน
3. เลือกรูปแบบการลงทุนให้เหมาะสม
นักลงทุนแต่ละคนเหมาะกับรูปแบบการลงทุนทองคำที่แตกต่างกัน แต่หลายคนอาจเลือกรูปแบบการลงทุนที่ไม่เหมาะสมกับตัวเอง ส่งผลให้ไม่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ตามที่วางไว้หรืออาจถึงขั้นขาดทุน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความเข้าใจในรูปแบบการลงทุนที่เลือก สำหรับการลงทุนในทองคำนั้นมีรูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย ได้แก่
- ทองคำแท่ง
- กองทุนรวมทองคำ
- กองทุนรวมอีทีเอฟทองคํา (Gold ETFs)
- สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures)
- การเทรดทองคำออนไลน์
-
ลงทุนทองระยะสั้น ควรเลือกลงทุน ดังนี้
- กองทุนรวมอีทีเอฟทองคํา (Gold ETFs) นักลงทุนสามารถซื้อขายได้ในตลาดหุ้น ซึ่งจะทราบราคาทองคำที่ซื้อขายได้ทันที และมีความสะดวกในการซื้อขาย
- สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) เป็นสัญญาซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ ช่วยให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้ทั้งในช่วงที่ราคาทองคำเป็นขาขึ้นและขาลง อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน Gold Futures เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในการลงทุนทองคำทั้ง 4 ประเภท เนื่องจากหากนักลงทุนคาดการณ์ราคาทองคำผิดทาง เช่น ซื้อสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า โดยคาดว่าราคาทองคำจะปรับขึ้น แต่ราคาทองคำกลับอ่อนตัวลง นักลงทุนมีโอกาสถูกเรียกเงินหลักประกันเพิ่ม (Margin Call) ซึ่งจะต้องเพิ่มเงินลงทุน ดังนั้น นักลงทุน Gold Futures จะต้องติดตามราคาและข้อมูลเกี่ยวกับทองคำไว้อย่างใกล้ชิด
- การเทรดทองคำออนไลน์ หรือการเทรดทองผ่านแอปพลิเคชัน สามารถซื้อขายทองผ่านแอปฯ ได้ราคาแบบ Real Time และแลกเปลี่ยนเป็นทองคำแท่งเอาไว้ครอบครองได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการลงทุนเพื่อเก็งกำไร เพราะซื้อง่าย ขายคล่อง และจับต้องได้ ปัจจุบันมีผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือและอำนวยความสะดวกได้ดีกว่าการซื้อขาย ทองคำทั่วไป โดยสามารถเทรดออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชั่น เป๋าตัง ได้แล้ววันนี้
-
ลงทุนทองระยะยาว ควรเลือกลงทุน ดังนี้
- กองทุนรวมทองคำ จุดเด่นของกองทุนทองคำที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล คือ ความปลอดภัยในการเก็บรักษาและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนระหว่างการลงทุน โดยกองทุนรวมทองคำอาจไม่เหมาะกับการลงทุนระยะสั้นมากนัก เนื่องจากขณะที่ซื้อขายกองทุน นักลงทุนจะยังไม่ทราบราคาทองคำที่ซื้อขาย โดยจะทราบราคาทองคำ ณ สิ้นวัน หรือในวันทำการถัดไปขึ้นอยู่กับนโยบายของกองทุน ส่งผลให้การเก็งกำไรทำได้ยากกว่าการลงทุนใน Gold ETFs หรือ Gold Futures
- การลงทุนทองคำแท่ง เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว และต้องการถือทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย แต่อาจพบความยุ่งยากในการเก็บรักษาทองคำ
4. จัดกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับระยะเวลาลงทุน
กลยุทธ์การลงทุนทองคำสำหรับนักลงทุนระยะสั้นและระยะยาวมีความแตกต่างกัน
ลงทุนทองระยะสั้น
นักลงทุนทองระยะสั้นมักเน้นการเก็งกำไร ซึ่งควรมีการกำหนดจุดซื้อและจุดขายทองคำที่ชัดเจน รวมทั้งต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด เช่น หากราคาทองคำปรับลดลงมาสู่ระดับต่ำกว่าต้นทุนมายังระดับราคาที่กำหนดไว้เพื่อ ขายขาดทุน นักเก็งกำไรที่มีวินัยก็จะขายทองคำที่ราคาดังกล่าว เพื่อให้มีเงินลงทุนในการเก็งกำไรในครั้งต่อไป ดังนั้นควรศึกษาการวิเคราะห์ทางเทคนิค เพื่อช่วยให้ทราบจุดซื้อและจุดขายที่เหมาะสม
ลงทุนทองระยะยาว
นักลงทุนทองระยะยาวสามารถลงทุนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน (DCA) ซึ่งเป็นการซื้อทองคำแบบสม่ำเสมอทุกเดือนด้วยจำนวนเงินที่เท่า ๆ กัน เป็นการสร้างวินัยในการลงทุนและช่วยกระจายความเสี่ยงในการลงทุนทองคำได้
เห็นได้ว่าการลงทุนทองคำนั้นสามารถสร้างผลกำไรตอบแทนได้ หากนักลงทุนเลือกรูปแบบในการลงทุนและกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับระยะเวลาลงทุนไปพร้อม ๆ กับการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มราคาทองคำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้การลงทุนมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายที่วางเอาไว้
สำหรับธนาคารกรุงไทย เรามีบริการซื้อขายทองออนไลน์ผ่าน Gold Wallet บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง ให้การซื้อ-ขาย-ถอนทอง สะดวก ง่าย และปลอดภัย ไม่มีค่าธรรมเนียม อิงราคาตลาดโลกแบบเรียลไทม์โดยซื้อ-ขายทองคำ 99.99% ในสกุลเงิน USD เปิดบัญชีง่าย ได้ทุกที่ ทุกเวลา สำหรับ นักลงทุนทองที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปฯ เป๋าตังทั้ง Android และ iOS และสมัครใช้งาน Gold Wallet ได้แล้ววันนี้ สามารถสแกน QR Code ด้านล่างได้เลย