การเปลี่ยนผ่านสู่ ESG Model โอกาสสำคัญของ SME ไทย
ในยุคที่ธุรกิจมุ่งแต่ผลกำไรเพียงอย่างเดียว ไม่ตอบโจทย์ความสำเร็จอีกต่อไป เอสเอ็มอีไทยจึงควรพิจารณาเปลี่ยนผ่านแนวทางการดำเนินธุรกิจไปสู่ ESG Model (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนและหลักปฏิบัติด้านจริยธรรม โดย ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย มีคำแนะนำดี ๆ มาให้กับเอสเอ็มอีไทย เพื่อก้าวต่อไปในเส้นทางธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง
ช่วยเสริมแกร่งและหนุนธุรกิจให้ขับเคลื่อนอย่างมีทิศทาง
นอกจากเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกรุงไทยแล้ว ดร.พชรพจน์ ยังเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์วิจัย “Krungthai COMPASS” ในปีพ.ศ. 2562 เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มเศรษฐกิจและเทรนด์ธุรกิจต่าง ๆ และช่วยในการกำหนดยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการสินเชื่อ รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงให้กับธนาคาร
การลงทุน คืออะไร
การลงทุน คือ การใช้เงินให้เพิ่มพูนงอกเงย โดยการนำเงินที่ได้การจากออมไปลงทุนซื้อสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เพื่อให้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต การลงทุนที่ดี อย่างน้อยควรจะได้ผลตอบแทนมากกว่าเงินเฟ้อ โดยเงินเฟ้อ เป็นภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้มูลค่าของเงินลดลง หมายความว่า เงินจำนวนหนึ่งในปัจจุบันสามารถซื้อได้น้อยกว่าเงินจำนวนเดียวกันในอดีต ดังนั้นถ้าเราลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนน้อยกว่าระดับของเงินเฟ้อ แปลว่า ต่อให้เราได้ชื่อว่าได้ลงทุนแล้ว แต่ผลจากการลงทุนก็ไม่อาจทำให้รักษามูลค่าของเงินไว้ได้อย่างเต็มที่
“ศูนย์วิจัยฯ ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นคลังสมองหรือ Think Tank ของธนาคารกรุงไทย ทำหน้าที่วิเคราะห์เศรษฐกิจระดับมหภาค เพื่อใช้ตั้งเป้าการเติบโตสินเชื่อของธนาคารให้สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจ รวมทั้งจัดทำบทวิเคราะห์เชิงธุรกิจด้วยการเจาะลึกในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ธนาคารปล่อยสินเชื่อและอุตสาหกรรมที่เรามองว่าเป็นเทรนด์ เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ โดยหนึ่งในเทรนด์ที่มาแรงและถูกพูดถึงมากในช่วงปีที่ผ่านมา คือ ESG Model ซึ่งศูนย์วิจัยฯได้มีการจัดทำบทความที่เกี่ยวกับเทรนด์ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้ประกอบเตรียมความพร้อมไปไปสู่เส้นทางที่เป็นสีเขียวได้ ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์พลังงานหมุนเวียนทั้งพลังงานแสงอาทิตย์และกรีนไฮโดรเจน พลาสติกชีวภาพซึ่งเป็นการใช้วัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่มูลค่าน้อยมา Upcycle เป็นพลาสติกชีวภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โลจิสติกส์สีเขียวที่เป็นกระบวนการจัดการทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่เป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการที่ให้ความสำคัญด้าน ESG โดยตัวอย่างบทความที่กล่าวมาข้างต้นได้รับความสนใจอย่างมากจากทั้งลูกค้าและคนภายในองค์กร”
ESG Model เข็มทิศธุรกิจและตอบโจทย์เทรนด์โลก
มุมมองของ ดร.พชรพจน์ ที่มีต่อ ESG Model คือ เป็นหลักการที่มองรอบด้านว่าสิ่งที่ธุรกิจกำลังทำอยู่มีผลกระทบต่อทั้งภายนอกและภายในองค์กรอย่างไร จากก่อนหน้านี้จะดูแค่ผลประกอบการในเชิงกำไรและขาดทุน โดย ESG Model จะให้ความสำคัญว่าการทำธุรกิจจะมีผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างไร และจะยั่งยืนหรือไม่ ด้วยการพิจารณาผ่าน 3 แกนหลัก
E-Environment การทำธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะสร้างโอกาสให้กับธุรกิจในการดึงดูดเม็ดเงินจากผู้บริโภคยุคใหม่ที่ให้ความสนใจกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น การผลิตอาหารที่ใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ก็อาจช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสินค้า ทำให้ธุรกิจมียอดขายที่เพิ่มขึ้น แต่หากธุรกิจนั้นมีกระบวนการผลิตที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังเพิกเฉยก็อาจโดนปรับ ถูกฟ้องร้อง และทำให้ธุรกิจประสบปัญหาเพราะขาดความน่าเชื่อถือ จนต้องปิดกิจการไปในที่สุด
S-Social หากเอสเอ็มอีอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างกลมเกลียวก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทำให้ เอสเอ็มอีมีแรงงาน คนมีงานทำ เมื่อมีรายได้ก็จะกลับมาซื้อสินค้าของเอสเอ็มอี แต่หากไม่ใส่ใจสังคม ทำให้เกิดมลพิษ จะทำให้เอสเอ็มอีอยู่ร่วมกับสังคมได้ยาก ดังนั้น การที่เอสเอ็มอีใส่ใจกับสังคมตั้งแต่ต้นจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดข้อพิพาทต่าง ๆ หรือการใช้แรงงานถูกกฎหมาย รวมทั้งมีค่าแรงและสวัสดิการที่เป็นธรรมก็จะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับเอสเอ็มอี
G-Governance ธรรมาภิบาลที่ดีช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้เอสเอ็มอี ช่วยให้รอดพ้นความซับซ้อนของธุรกิจในปัจจุบัน โดยการดำเนินธุรกิจที่โปร่งใส จะช่วยให้เอสเอ็มอีลดปัญหาการทุจริตและฉ้อโกง ทั้งยังได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากหน่วยงานภายนอก
ธ.กรุงไทยพร้อมผลักดันเอสเอ็มอี สู่หลักการ ESG Model
ดร.พชรพจน์ ยืนยันถึงเจตนารมณ์ของธนาคารกรุงไทยว่า เรามีความตั้งใจที่จะก้าวไปพร้อมลูกค้าเอสเอ็มอีเพื่อให้ขับเคลื่อนธุรกิจตามหลักการนี้ ด้วยการพูดคุยกับลูกค้าเกี่ยวกับแผนการดำเนินงานเพื่อปรับตัวสู่ยุค ESG ได้อย่างทันท่วงที โดยเราจะให้มุมมองกับลูกค้าว่าเทรนด์ที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง และจำเป็นต้องปรับตัวและเตรียมความพร้อมอย่างไรกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับ ESG ซึ่งมีแนวโน้มเข้มงวดขึ้น เช่น เอสเอ็มอีที่ส่งออกไปสหภาพยุโรป ต้องทราบว่าตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2566 สหภาพยุโรปจะเริ่มมาตรการปรับภาษีคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (CBAM) เพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงเข้ามาในสหภาพยุโรป โดยในช่วงแรก (พ.ศ. 2566-2568) จะถือเป็นช่วง Transition Period ที่บังคับให้รายงานข้อมูล (CBAM Declaration) ครอบคลุมอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย กระแสไฟฟ้า และไฮโดรเจน ขณะที่จะเริ่มมีการเก็บภาษีคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนอย่างเต็มรูปแบบตั้งแต่ปีพ.ศ. 2569 เป็นต้นไป และจะขยายประเภทของสินค้าให้ครอบคลุมสินค้ามากขึ้น ซึ่งจะกระทบกับผู้ผลิตและผู้ส่งออกสินค้าไปยังสหภาพยุโรปที่ไม่สามารถปรับตัวได้/p>
“นอกจากนี้ เราจะให้คำปรึกษาและแนะนำให้เอสเอ็มอีดำเนินการตามแอคชันแพลนของรัฐบาลที่ประกาศพันธกิจกับประชาคมโลกว่าจะก้าวสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และเป็น Net Zero ในปี ค.ศ. 2065 ขณะที่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในมิติที่เกี่ยวข้องกับภาคการเงิน คือ ธปท. ได้ออกแนวทางปฏิบัติที่ชื่อว่า Thailand Taxonomy ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางที่ใช้อ้างอิงในการจำแนกและจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของไทย ซึ่งแนวปฎิบัติดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อลูกค้าอย่างชัดเจน เนื่องจากธนาคารจะต้องรายงานไปยัง ธปท. ว่าปัจจุบันมีธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่าไรในพอร์ตโฟลิโอ และต้องปรับแผนธุรกิจให้มีสัดส่วนลูกค้าในกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการมองหาลูกค้าที่มีศักยภาพและความพร้อมในการปรับตัว และสนับสนุนให้ลูกค้าคว้าโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการเปลี่ยนผ่านด้านสิ่งแวดล้อม”
ดร.พชรพจน์ เน้นย้ำว่าอยากให้เอสเอ็มอีไทยมอง ESG Model เป็นโอกาสมหาศาลทางธุรกิจ เพราะเป็นวาระโลก และไทยมีข้อได้เปรียบจากการมีรากฐานด้านเกษตรกรรมที่แข็งแกร่ง ซึ่งการจะทำให้ธุรกิจเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ในหลาย ๆ เรื่องต้องอาศัยสินค้าเกษตรกรรม นอกจากนี้ สินค้ากลุ่มอาหารถือเป็นหนึ่งในสินค้าหลักที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะภาคปศุสัตว์ที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกค่อนข้างสูง ดังนั้น เอสเอ็มอีต้องมองหาทางออกอื่นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น โปรตีนจากแมลง (Insect Protein) ที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างมูลค่าเพิ่มทางการตลาดได้ โดยงานวิจัยชี้ว่ากระบวนการเพาะเลี้ยงแมลงก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่าการเลี้ยงปศุสัตว์ประเภทอื่น ขณะที่ผลิตภัณฑ์จากแมลงสามารถผลิตเป็นสารสกัดที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยาและเครื่องสำอางได้ เนื่องจากสารสกัดจากแมลงอุดมไปด้วยสารที่มีประโยชน์ เช่น กรดอะมิโน วิตามิน และแร่ธาตุ เป็นต้น โดยสร้างมูลค่าเพิ่มได้ 10-11 เท่า เมื่อเทียบกับแมลงสดหรืออบแห้งซึ่งเป็นรูปแบบดั้งเดิม
“ESG Model จะช่วยยกระดับธุรกิจและสร้างมูลค่าเพิ่มให้เศรษฐกิจไทยราว 1 ล้านล้านบาท ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยครึ่งหนึ่งมาจากภาคเกษตรและอาหาร ขณะที่ปัจจุบันมีเอสเอ็มอีอยู่ในภาคนี้เป็นจำนวนมากเกือบ 2 แสนราย ดังนั้นผู้ประกอบการควรปรับตัวให้พร้อมรับโอกาสเหล่านี้ เนื่องจากยังมีโอกาสต่อยอดได้อีกมาก อีกทั้งควรเริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้มีเวลาในการปรับตัว รวมทั้งไม่ตกขบวนหรือสูญเสียโอกาสท่ามกลางบริบทโลกใหม่ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืนมากขึ้นทุกขณะ”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการบริการทางการเงินสำหรับเอสเอ็มอีจากธนาคารกรุงไทย หากผู้ประกอบ การต้องการข้อมูลหรือคำแนะนำเพิ่มเติม สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่สินเชื่อเอสเอ็มอีที่สำนักงานธุรกิจของธนาคารกรุงไทยทั่วประเทศ หรือ โทร. 0-2111-1111
พบกับบทความดีๆ ในหัวข้อ "ESG Model" แนวคิดการจัดการธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน จาก E-Magazine กรุงไทย SME FOCUS ฉบับเดือน พฤศจิกายน 2566 - มกราคม 2567 คลิก
-
นอกจากนี้สามารถติดตามอ่านได้ที่
- ช่องทาง Website : Krungthai SME
- ช่องทาง Application : Meb
- ช่องทาง Application : Okkbee
#เคล็ดลับธุรกิจ #ESGModel #SMEFocus #KrungthaiSME #กรุงไทยSME #ติดปีกให้ธุรกิจ