เรียนรู้การเงิน

ประกันสุขภาพแบบไหนดี ที่จ่ายจบคุ้มครองครบและคุ้มค่า

อัพเดทวันที่ 20 ธ.ค. 2565

ประกันสุขภาพแบบไหนดี ที่จ่ายจบคุ้มครองครบและคุ้มค่า

หลายคนอาจมองว่า การทำประกันคือ การจ่ายเงินเพื่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง บางคนมองว่าการทำประกัน คือ การซื้อความมั่นคงให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง ซึ่งหากตัวเองไม่มีภาระที่ต้องห่วงกังวล การทำประกันอาจไม่จำเป็น

แต่เราลืมไปหรือเปล่าว่า เราทุกคนต่อให้แข็งแรงแค่ไหน แต่ก็มีโอกาสเจ็บป่วย หรือเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้เสมอ และประกันนี่แหละที่จะช่วยคุ้มครองเรา ให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ


ข้อดีของการทำประกันสุขภาพ

อันดับแรก คือ การแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในยามที่เราเจ็บป่วย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินเก็บ หรือ ไม่ต้องควักกระเป๋าเอาเงินที่เก็บไว้มาทั้งชีวิตเพี่อรักษาโรคเพียงครั้งเดียว เพราะเราต่างทราบกันดีว่า การเข้าถึงการดูแลอย่างดี ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และแม้ว่าบางคนจะมีสวัสดิการในการรักษาพยาบาลอยู่แล้ว แต่บางครั้งสวัสดิการเหล่านั้นก็ไม่ครอบคลุมการรักษา หรือไม่สามารถมอบความสะดวกสบาย และใช้ได้ทันการ การทำประกันสุขภาพให้เพียงพอต่อการคุ้มครองย่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุด

หรือสำหรับบางคนที่สุขภาพดี ก็ไม่แน่ว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝัน ทั้งจากอุบัติเหตุ และโรคร้ายแรงได้เช่นกัน การมีประกันสุขภาพที่ครอบคุ้มความคุ้มครองให้อย่างเหมาะสม ก็จะทำให้เราอุ่นใจยิ่งขึ้น


ประกันสุขภาพแบบไหนดี มาดูวิธีเลือกกัน


ประกันสุขภาพแบบไหนดี มาดูวิธีเลือกกัน


การเลือกประกันสุขภาพสามารถพิจารณาได้จากหลายแง่มุมต่อไปนี้


1. เลือกตามความคุ้มครองที่ต้องการ


ประกันสุขภาพผู้ป่วยใน (IPD : In Patient Department)

เป็นการให้ความคุ้มครองในกรณีที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเป็นเวลา 6 ชั่วโมงขึ้นไป หรือต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล (admit) ประกันสุขภาพผู้ป่วยในจะครอบคลุมหลายด้าน อาทิ ค่าใช้จ่ายทั่วไปในโรงพยาบาล ค่าแพทย์ ค่าห้องผ่าตัด และค่า X-ray ประกันสุขภาพแบบนี้ตอบโจทย์ผู้ที่กังวลเรื่องค่ารักษาพยาบาลที่สูง หรือโรคที่ต้องใช้เวลารักษาพักฟื้นที่ค่อนข้างยาว

สำหรับใครที่ต้องการทำประกันสุขภาพผู้ป่วยใน ควรเลือกแบบเหมาจ่าย เนื่องจากมีเงื่อนไขน้อยและมีการกำหนดวงเงินเหมาจ่ายต่อปี ทำให้เสียค่าส่วนต่างค่ารักษาน้อยกว่าแบบเก่า หรือแบบรายบรรทัด ที่ระบุรายละเอียดความคุ้มครองแบบตายตัว มีวงเงินจำกัดทุกค่าใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้มีส่วนต่างที่ต้องจ่ายเองมากกว่าแบบเหมาจ่าย


ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก (OPD : Out Patient Department)

เป็นการให้ความคุ้มครองกรณีเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล แต่ไม่ได้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนมากมักเป็นอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย จะมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่ายา ค่าแพทย์และค่าบริการทางการแพทย์ ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอกส่วนมากมักรวมอยู่กับประกันสุขภาพผู้ป่วยใน แต่ผู้เอาประกันสามารถเลือกไม่ซื้อความคุ้มครองนี้ได้ ควรศึกษารายละเอียดส่วนนี้ให้ดีก่อนตัดสินใจ หรือพิจารณาร่วมกับสิทธิประกันสุขภาพจากที่ทำงานที่เรามีอยู่เดิม


ประกันโรคร้ายแรง

เป็นประกันสุขภาพที่คุ้มครองกรณีเจ็บป่วยด้วยโรคที่รุนแรง เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดในสมองแตก โรคหัวใจ ฯลฯ โรคเหล่านี้จะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก ทั้งจากค่าเครื่องมือ ค่ายา และค่ารักษาอย่างต่อเนื่อง การเลือกทำประกันประเภทนี้ เราอาจพิจารณาจากความเสี่ยงด้านสุขภาพของเราเอง เช่น จากการทำงาน หรือจากกรรมพันธุ์

ลักษณะพิเศษของประกันโรคร้ายแรง คือ จะมอบเงินชดเชยเป็นเงินก้อนเมื่อตรวจพบโรคที่ระบุไว้ในสัญญา ทำให้เรามีเงินก้อนไว้ดูแลตัวเองเพิ่มเติมจากประกันสุขภาพ หรือจากเงินเก็บที่เราสำรองเอาไว้ อย่างไรก็ดี ประกันโรคร้ายแรงมีเงื่อนไขในการจ่ายเงินค่อนข้างมาก แนะนำให้ศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนซื้อประกัน


แนะนำประกันสุขภาพและเลือกตามความคุ้มครองที่ต้องการ



ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA : Personal Accident)

เป็นการให้ความคุ้มครองความเสียหายจากอุบัติเหตุในหลายกรณี ทั้งการเสียชีวิต การสูญเสียอวัยวะ การทุพพลภาพโดยสิ้นเชิง รวมทั้งค่ารักษาพยาบาลทั้งในกรณีผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอก เป็นการซื้อความคุ้มครองเพิ่มเติมตามความเหมาะสม ทั้งความจำเป็นเมื่ออายุมากขึ้น หรือเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการทำงาน ข้อสังเกตเล็กน้อย คือ ประกันอุบัติเหตุจะคุ้มครองกรณีอุบัติเหตุทั่วไปเท่านั้น หากต้องการความคุ้มครองที่มากขึ้น เช่น จากการฆาตกรรม ก่อจลาจล หรือการประท้วง ก็ต้องซื้อสัญญาแนบท้ายร่วมด้วย


ประกันชดเชยรายได้

เป็นการทำประกันเพื่อคุ้มครองรายได้ระหว่างการเจ็บป่วยที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล โดยผู้เอาประกันจะได้รับสินไหมทดแทนรายวันตามที่ตกลงไว้ในกรมธรรม์ และจะไม่ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลตลอดการพักรักษาตัว ประกันชดเชยรายได้เหมาะสำหรับผู้ที่จะขาดรายได้หากต้องหยุดงาน เช่น กลุ่มอาชีพค้าขาย ฟรีแลนซ์ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับเพิ่มเติมความคุ้มครองจากประกันสุขภาพผู้ป่วยใน ทำให้ได้รับความคุ้มครองทั้งส่วนของค่ารักษาพยาบาล และหมดกังวลเรื่องการขาดรายได้ระหว่างเจ็บป่วย


2. เลือกตามทุนประกันและค่ารักษาพยาบาล

ไม่ว่าจะเลือกประกันสุขภาพแบบไหนก็ควรพิจารณาทุนประกันที่เหมาะสมด้วย โดยอาจประเมินจากค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ประจำว่าควรเลือกประกันสุขภาพที่มีทุนประกันประมาณเท่าไหร่ และอย่าลืมเผื่อวงเงินค่ารักษาที่อาจแพงขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ดี แผนประกันที่ให้วงเงินคุ้มครองสูง ก็จะต้องจ่ายเบี้ยประกันที่สูงเช่นกัน จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ และดูจากความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันอย่างต่อเนื่องทุกปีด้วย


3. เลือกจากเบี้ยประกันที่เหมาะสม

ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเบี้ยประกันที่ต้องจ่ายมีหลายปัจจัย ทั้งเงื่อนไขความคุ้มครอง วงเงินเอาประกัน รวมทั้งคุณสมบัติของผู้เอาประกัน เช่น เพศ อายุ ประวัติสุขภาพ หลายคนจึงเลือกวางแผนทำประกันสุขภาพเอาไว้ตั้งแต่อายุยังน้อย และไม่มีประวัติการรักษาโรคที่ร้ายแรง เพื่อให้ได้ความคุ้มครองครบถ้วน และจ่ายเบี้ยประกันไม่สูงมาก


4. ตรวจสอบสิทธิประโยชน์อื่น ๆ

เช่น ตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลคู่สัญญาว่ามีโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ประจำหรือไม่ จะได้ไม่ต้องสำรองจ่าย หากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลนั้น ๆ หรืออาจพิจารณาเลือกประกันสุขภาพที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เพื่อได้รับสิทธิประโยชน์สองต่อ เป็นต้น


แนะนำประกันสุขภาพ เลือกได้ครบ ตอบโจทย์ทุกความคุ้มครอง



แนะนำประกันสุขภาพ เลือกได้ครบ ตอบโจทย์ทุกความคุ้มครอง

สำหรับใครที่มีแผนทำประกันสุขภาพอยู่ในใจ และกำลังมองหาประกันที่ใช่ ขอแนะนำประกันสุขภาพ 3 สไตล์จากกรุงไทย ที่มีไว้รับรองว่าครบเครื่องทุกความต้องการ


1. ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุส่วนบุคคล Health DIY

ประกันสุขภาพตัวเดียวที่ตอบโจทย์ทุกความคุ้มครอง ทั้งความคุ้มครองกรณีผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ค่าชดเชยรายวัน และโรคร้ายแรง พร้อมทั้งสัญญาเพิ่มเติมอื่น ๆ ที่เราเลือกได้ตามใจ ปรับเปลี่ยนได้หลากหลาย แถมความสะดวกสบายจากบัตรประกันสุขภาพ (Care Card) ที่สามารถใช้ได้กับโรงพยาบาลในเครือ ทำให้ไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาล


2. กรุงไทย สุขภาพสุขใจ

เหนือกว่าด้วยความคุ้มครองที่คุ้มค่า ทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยใน และผู้ป่วยนอก พร้อมเหมาจ่ายทั้งผลประโยชน์ค่ารักษาพยาบาล และค่าบริการทั่วไป ที่สำคัญ ไม่ต้องสำรองจ่าย เพราะมีบัตรประกันสุขภาพ (Care Card) ไว้อำนวยความสะดวก และเบี้ยประกันก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ด้วย


3. ประกันภัย “มะเร็ง ใจ แตก”

ความคุ้มครองแบบ 3 in 1 ทั้งโรคมะเร็ง กล้ามเนื้อหัวใจ และหลอดเลือดสมองแตก จ่ายเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 1.16 บาท ต่อวัน แต่คุ้มครองด้วยวงเงินสูงสุดถึง 300,000 บาท สมัครง่ายผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai NEXT เหมาะอย่างยิ่ง สำหรับเพิ่มความคุ้มครองจากโรคร้ายแรง

เพราะสุขภาพ คือ เรื่องที่เราทุกคนไม่ควรมองข้าม การทำประกันสุขภาพจะทำให้เราได้รับการดูแลอย่างดี และเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากภาระค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง สำหรับใครที่วางแผนการเงินเป็นอย่างดี อย่าลืมมีประกันสุขภาพติดไว้ด้วย เพื่อช่วยเพิ่มความมั่นคง และพร้อมให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ

ประกันสุขภาพแบบไหนดี จ่ายจบคุ้มครองครบและคุ้มค่า | ธนาคารกรุงไทย แนะนำประกันสุขภาพที่คุ้มครองครบ ครอบคลุมทั้งค่ายา ค่ารักษาพยาบาล ถ้าอยากรู้ว่าประกันแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ ก็เข้ามาดูกันเลย