ทำประกันชีวิตแบบไหนดี 2567 ที่คุ้มครองครบ ตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิต
ทำประกันชีวิตแบบไหนดี คุ้มค่า คุ้มครองครบ ตอบโจทย์ทุกช่วงชีวิต
ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน วลีคลาสสิกที่หลายคนคุ้นเคย แต่กลับเป็นเรื่องที่จริงมากๆ เรื่องหนึ่งในชีวิตของเรา ไม่มีใครรู้ว่าอนาคตเราจะเจ็บป่วยหรือสุขภาพดี เมื่อแก่ตัวไปเราจะมีอายุยืนยาวแค่ไหน หรือจะเกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรกับครอบครัวของเราบ้าง แม้ชีวิตจะเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่เรายังมีผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบหนึ่งที่ออกแบบมาให้เรารับมือกับเรื่องไม่คาดคิดเหล่านั้นได้ นั่นคือการทำประกันชีวิต
ข้อดีของการทำประกันชีวิต
การทำประกันชีวิตคือ การสร้างความมั่นคงทางการเงิน เพื่อให้เราและคนที่เรารักพร้อมรับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และการทำประกันชีวิตจะเป็นหลักประกันให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง เมื่อเราไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ นอกจากนี้ ค่าเบี้ยประกันชีวิตก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ อย่างค่าเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท แต่หากเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญ ก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท
นอกจากนี้ ค่าเบี้ยประกันชีวิตก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ อย่างค่าเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท แต่หากเป็นประกันชีวิตแบบบำนาญ ก็สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 200,000 บาท
ไม่เพียงเท่านั้น ประกันชีวิตบางประเภท เช่น ประกันชีวิตสะสมทรัพย์ และประกันชีวิตควบหน่วยลงทุน ก็เป็นหนึ่งในวิธีการออมและลงทุน ที่ทำให้เงินของเรามีโอกาสงอกเงย พร้อมได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันอีกด้วย
ประกันชีวิตมีกี่ประเภท
สำหรับใครที่กำลังคิดอยากทำประกันชีวิต แบบไหนดี ก่อนอื่นเลยควรรู้ว่าประกันชีวิตมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทเหมาะกับใคร โดยหากแบ่งตามเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ ประกันชีวิตแบบพื้นฐาน และประกันชีวิตแบบพิเศษ มาเริ่มกันที่ประกันชีวิตแบบพื้นฐาน มี 4 แบบ ได้แก่
1. ประกันชีวิตแบบพื้นฐาน
1. ประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา หรือ Term Insurance
เป็นประกันที่เน้นความคุ้มครองต่อชีวิตเป็นหลัก โดยสามารถเลือกระยะเวลาคุ้มครองและระยะเวลาการชำระเบี้ยได้ตามที่เราเห็นเหมาะสม เช่น 5 ปี หรือ 10 ปีก็ได้ โดยบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายเงินให้กับผู้รับผลประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่ประกันคุ้มครอง แต่หากครบกำหนดคุ้มครองแล้วผู้เอาประกันยังมีชีวิตอยู่ ก็จะไม่ได้รับทุนประกันคืนแต่อย่างใด
ประกันนี้เหมาะกับใคร
- คนที่ต้องการความคุ้มครองชีวิตในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
- คนที่ต้องการความคุ้มครองสูง แต่มีความสามารถในการชำระเบี้ยต่ำ
- คนที่ต้องการบริหารความเสี่ยงในช่วงเวลาสั้นๆ
2. ประกันชีวิตแบบตลอดชีพ หรือ Whole Life
เป็นประกันชีวิตที่เน้นคุ้มครองชีวิตในระยะยาว โดยผู้เอาประกันจะจ่ายเบี้ยเพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น จ่ายเบี้ยเพียง 20 ปีแรก แต่คุ้มครองชีวิตถึงอายุ 99 ปี หากเราเสียชีวิตในช่วงที่ประกันยังคงคุ้มครอง ผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้รับเงินประกันไป แต่ถ้าเราอยู่จนถึงช่วงอายุที่กำหนด เราก็จะได้ทุนประกันชีวิตกลับมาเช่นกัน
ประกันนี้เหมาะกับใคร
- หัวหน้าครอบครัวที่ต้องการสร้างหลักประกันให้คนข้างหลัง
- ผู้ที่ต้องการส่งมอบมรดก หรือเงินก้อนให้กับลูกหลาน
3. ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ หรือ Endowment
ประกันชีวิตที่มีจุดเด่นเรื่องการออมเงิน สามารถเลือกออมระยะสั้น ไปจนถึงระยะยาว โดยจะได้ผลตอบแทนตามอัตราที่กำหนดไว้ซึ่งจะมากกว่าเบี้ยประกันชีวิตที่เราจ่ายไป พร้อมทั้งได้รับความคุ้มครองชีวิตด้วย
ประกันนี้เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการออมเงินให้ได้ผลตอบแทนที่ดี ด้วยความเสี่ยงที่น้อยกว่าการลงทุน
- ผู้ที่ต้องการออมเงินเพื่อเป้าหมายในอนาคต หรือมีเป้าหมายการเก็บออมที่ชัดเจน
4. ประกันชีวิตแบบบำนาญ หรือ Annuity
เป็นประกันชีวิตที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์แผนเกษียณโดยเฉพาะ โดยผู้เอาประกันจะต้องจ่ายเบี้ยไปจนถึงอายุที่กำหนดในสัญญา และบริษัทประกันจะจ่ายเงินให้เราเมื่อเราเกษียณ หรือมีอายุครบ 55 ปี หรือ 60 ปีเป็นต้นไปจนครบกำหนดอายุตามสัญญา และยังได้ความคุ้มครองชีวิตควบคู่ไปด้วย กรณีที่เราเสียชีวิตผู้รับผลประโยชน์ก็จะได้รับเงินตามทุนประกันชีวิต
ประกันนี้เหมาะกับใคร
- ผู้ที่กำลังวางแผนเกษียณ
- ผู้ที่อยากมีรายได้ไว้ใช้จ่ายยามเกษียณ หรือสร้างมรดกให้ลูกหลาน
2. ประกันชีวิตแบบพิเศษ
นอกจากนี้ยังมีประกันชีวิตแบบพิเศษ ที่แบ่งออกได้ 2 ประเภท ดังนี้
2.1. ประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ Investment Linked Life Insurance
เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองชีวิต และให้โอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนของผู้เอาประกัน โดยเบี้ยประกันที่จ่ายไปจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของบริษัทประกัน ส่วนความคุ้มครอง และส่วนที่นำไปลงทุน ซึ่งรูปแบบที่นิยมคือประกันชีวิตแบบ Unit Link ที่ผู้เอาประกันสามารถเลือกนำไปลงทุนในกองทุนรวมที่บริษัทประกันคัดเลือกมาให้แล้ว และอีกรูปแบบเรียกว่า Universal Life ซึ่งบริษัทประกันจะเป็นผู้นำเงินไปลงทุนให้เรา พร้อมการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำ
ประกันนี้เหมาะกับใคร
- คนที่มีความรู้ด้านการลงทุน และพร้อมรับความเสี่ยง
- คนที่ตั้งเป้าออมเงินผ่านการทำประกัน โดยคาดหวังผลตอบแทนควบคู่กับความคุ้มครอง
1. ประกันชีวิตผู้สูงอายุ
เป็นประกันสำหรับผู้สูงวัยที่อายุระหว่าง 50-70 ปี หรือตามที่บริษัทประกันกำหนด ซึ่งจะให้ความคุ้มครองการเสียชีวิตทั้งจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุ สามารถทำได้โดยไม่ต้องตรวจหรือตอบคำถามสุขภาพ
ประกันนี้เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการส่งต่อมรดกให้ลูกหลาน
- ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ และต้องการสร้างหลักประกันจากการทำประกัน
เลือกประกันชีวิตแบบไหนดี ที่เหมาะกับเรา
เมื่อรู้แล้วว่าประกันชีวิตมีกี่ประเภท ต่อมาก็ต้องดูว่าหากเราจะเริ่มทำประกันชีวิตสักฉบับจะเลือกประกันชีวิตแบบไหนดี โดยมี 3 ข้อเพื่อประกอบการตัดสินใจดังนี้
1. พิจารณาความคุ้มครองที่ต้องการ
เริ่มจากสำรวจก่อนว่าเรามีหลักประกันอะไรให้กับตัวเองแล้วบ้าง เช่น ประกันสังคม ประกันกลุ่ม ประกันชีวิต ประกันออมทรัพย์ หรือประกันสุขภาพ เป็นต้น และประกันที่เรามีครอบคลุมค่ารักษาพยาบาล หรือให้การคุ้มครองมากพอตามที่เราต้องการหรือไม่
2. กำหนดเป้าหมายในการทำประกัน
เมื่อพิจารณาแล้วว่าเรายังต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติมในเรื่องใด เราก็ต้องมากำหนดเป้าหมายว่าเราจะเลือกทำประกันชีวิต แบบไหนดี ให้ได้ประโยชน์คุ้มค่าที่สุด โดยอาจเทียบระหว่างความคุ้มครอง หรือผลประโยชน์ที่ได้รับ กับค่าเบี้ยประกันที่ต้องจ่าย รวมทั้งความสามารถในการจ่ายเบี้ยประกันในปีต่อ ๆ ไปของเราด้วย
3. เฟ้นหาประกันที่ตอบโจทย์ จากบริษัทที่มั่นใจ
การเลือกซื้อประกันชีวิต ก็คล้ายกับการฝากอนาคตของเราไว้กับบริษัท การเลือกว่าจะทำประกันชีวิตแบบไหนดี และจากที่ไหนคือเรื่องสำคัญมาก ควรเลือกทำประกันชีวิตกับบริษัทที่มั่นคง น่าเชื่อถือ และมีสถานะทางการเงินที่ดี เพื่อให้อุ่นใจได้ว่าจะได้รับความคุ้มครองจนถึงวันสุดท้ายของการทำประกัน
สำหรับใครที่กำลังเลือกว่าจะทำประกันชีวิตแบบไหนดีถึงจะเหมาะสมและคุ้มค่า เราขอแนะนำ ประกันชีวิตออมทรัพย์ Life Super Save 14/5 ที่ให้คุณจ่ายเบี้ยประกันสั้นๆ เพียง 5 ปี แต่ได้รับความคุ้มครองถึง 14 ปี ให้ผลประโยชน์รวมตลอดทั้งสัญญาสูงสุดถึง 608% ของทุนประกัน ที่สำคัญยังสมัครง่าย ไม่ต้องตอบคำถามสุขภาพ แถมนำเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษีได้ ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร จัดว่าเป็นประกันที่ให้ทั้ง ความคุ้มครอง คุ้มค่า และให้บริการโดยสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้