10 วิธีเก็บเงินง่าย ๆ ออมเงินแบบไหนดีที่ใคร ๆ ก็ทำได้
ใครอยากเป็นเศรษฐี? ถ้าคุณอยากเป็นเศรษฐีที่เปิดตัวเลขในบัญชีมาแล้วไม่ต้องเครียด อยากมีเงินทุนไว้ทำตามแผนในอนาคต ต้องเริ่มหาวิธีการเก็บเงินตั้งแต่ตอนนี้! กรุงไทยรวบรวม 10 วิธีเก็บเงินง่าย ๆ ที่คุณสามารถเลือกไปปรับใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์และรายรับของตัวเองได้ รับรองว่าเป็นวิธีออมเงินที่ได้ผลแน่ ๆ แค่ทำอย่างสม่ำเสมอ
10 วิธีการออมเงินให้อยู่ที่ใครๆก็ทำได้
1. กันเงินเดือน 10% เก็บไว้ก่อนใช้จ่าย
วิธีออมเงินแบบง่ายๆ คือ แบ่งเงินออมไว้ 10% จากเงินเดือน สมมติว่าได้เงินเดือน 20,000 บาท ให้แบ่งออมเป็นเงินเก็บไว้ก่อนเลย 2,000 บาท เมื่อครบปีเท่ากับว่าจะออมเงินได้ถึง 24,000 บาท หากใครที่รายจ่ายรัดตัวจริง ๆ อาจเริ่มออมเดือนละ 5% ก่อนก็ได้
แนะนำให้เปิดบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงอีกบัญชี แยกกับบัญชีเงินเดือน เมื่อเงินเดือนเข้าก็ตั้งโอนล่วงหน้าไปที่บัญชีนั้นเลย อย่างของกรุงไทยเอง ก็มีบัญชีเงินฝาก Krungthai NEXT Savings ที่ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 1.5% ต่อปี* เปิดบัญชีเงินฝากและทำธุรกรรมก็ง่าย ผ่านแอป Krungthai NEXT
ข้อดี: วิธีเก็บเงินนี้ทำได้จริงทุกเดือน และเมื่อแบ่งเงินเก็บไว้แล้วจะไม่เบียดเบียนกับค่าใช้จ่ายส่วนอื่น
ข้อเสีย: คนที่มีรายรับแต่ละเดือนไม่เท่ากันอาจจะไม่เหมาะกับการใช้วิธีเก็บเงินแบบนี้ เพราะต้องคอยปรับสัดส่วนเงินออมให้มีเงินใช้จ่ายเพียงพอ
2. เก็บเงินตามลำดับวันใน 1 ปี
เป็นวิธีเก็บเงินโดยไล่ตามลำดับวันใน 1 ปีไปเรื่อย ๆ เช่น วันที่ 19 เก็บ 19 บาท วันที่ 350 เก็บ 350 บาท ซึ่งหากเก็บได้ครบทุกวันจะมีเงินเก็บถึง 66,795 บาทเลยทีเดียว
ข้อดี: วิธีออมเงินนี้ในช่วงแรก ๆ จะเก็บจำนวนเงินน้อย ทำให้มีแรงจูงใจในการเก็บเงิน นอกจากนี้เมื่อรู้ว่าวันต่อ ๆ ไปต้องเก็บเงินจำนวนเท่าไหร่ก็มีเวลาเตรียมตัวอีกด้วย
ข้อเสีย: ช่วงเดือนท้าย ๆ ของการออมเงิน ต้องเก็บเงินเยอะ อาจเก็บต่อเนื่องยาก และวิธีการเก็บเงินนี้ไม่เหมาะกับคนที่รายได้ยังไม่มาก
วันที่ | จำนวนเงินที่ต้องเก็บ | วันที่ | จำนวนเงินที่ต้องเก็บ |
1 - 31 ม.ค. | 1 - 31 บาท | 1 - 31 ก.ค. | 182 - 212 |
1- 28 ก.พ. | 32 - 59 บาท | 1 - 31 ส.ค. | 213 - 243 |
1 - 31 มี.ค. | 60 - 90 บาท | 1 - 30 ก.ย. | 244 - 273 |
1 - 30 เม.ย. | 91 - 120 บาท | 1 - 31 ต.ค. | 274 - 304 |
1 - 31 พ.ค. | 152 - 181 บาท | 1 - 30 พ.ย. | 305 - 334 |
1 - 30 มิ.ย. | 152 - 181 บาท | 1 - 31 ธ.ค. | 335 - 365 |
วันที่ | จำนวนเงินที่ต้องเก็บ | วันที่ | จำนวนเงินที่ต้องเก็บ |
1 - 31 ม.ค. | 1 - 31 บาท | 1 - 31 ก.ค. | 182 - 212 |
1- 28 ก.พ. | 32 - 59 บาท | 1 - 31 ส.ค. | 213 - 243 |
1 - 31 มี.ค. | 60 - 90 บาท | 1 - 30 ก.ย. | 244 - 273 |
1 - 30 เม.ย. | 91 - 120 บาท | 1 - 31 ต.ค. | 274 - 304 |
1 - 31 พ.ค. | 152 - 181 บาท | 1 - 30 พ.ย. | 305 - 334 |
1 - 30 มิ.ย. | 152 - 181 บาท | 1 - 31 ธ.ค. | 335 - 365 |
3. เก็บเงินใส่กระปุกที่เปิดยาก
ใครที่ชอบหยิบเงินเก็บมาใช้ลองวิธีการเก็บเงินแบบนี้ ให้มองหาภาชนะเป็นกระปุกที่เปิดยาก ๆ โดยเลือกกระปุกขนาดใหญ่ เพื่อสามารถหยอดทั้งเหรียญและธนบัตรได้ทั้งปี หรือหากมีเด็ก ๆ ที่บ้าน นี่ก็เป็นวิธีออมเงินสุดคลาสสิกที่ยังใช้ได้ดีเลยทีเดียว
ข้อดี: วิธีเก็บเงินนี้สามารถบังคับตัวเองไม่ให้หยิบเงินเก็บมาใช้ได้ดีขึ้น
ข้อเสีย: ถ้าจำเป็นต้องใช้เงินเก็บจะต้องทุบกระปุกเท่านั้น
4. เก็บเงินจากส่วนต่างของส่วนลด
เป็นวิธีการเก็บเงินจากส่วนต่างของราคาเต็มและส่วนลดเวลาซื้อของมาเป็นเงินออม เช่น บุฟเฟต์ราคาเต็ม 399 บาท ลดเหลือ 259 บาท จะเก็บออมได้ 140 บาท เป็นต้น
ข้อดี: วิธีออมเงินนี้ทำให้มองหาส่วนลดต่าง ๆ ก่อนใช้จ่ายมากขึ้น ประหยัดเงินในกระเป๋าและได้ออมเงิน
ข้อเสีย: อาจเก็บได้น้อยและได้จำนวนเงินไม่แน่นอน ควรใช้เป็นวิธีการออมเงินเสริมมากกว่าใช้เป็นวิธีเก็บเงินหลัก
5. เก็บเงินจากแบงก์ 50 ให้ครบปี
เป็นวิธีเก็บเงินหรือธนบัตรฉบับละ 50 บาททุกใบที่ได้รับ สำหรับวิธีออมเงินแบบนี้แนะนำว่าให้เก็บสะสมไว้จนครบปีแล้วค่อยนับ จะรู้สึกตื่นเต้นกับการเก็บเงินมากขึ้น บางคนแค่เก็บสะสมแบงก์ 50 บาท ก็ได้เงินเก็บร่วมหมื่นเลยทีเดียว
ข้อดี: เป็นวิธีการเก็บเงินที่ให้ความรู้สึกเหมือนทำภารกิจในเกม ไม่รู้สึกถูกบังคับ และได้เงินออมจากแบงก์ 50 จำนวนหนึ่งแน่นอน
ข้อเสีย: บางวันที่ได้จำนวนแบงก์ 50 หลายใบอาจเบียดเบียนค่าใช้จ่าย สุดท้ายต้องใช้แบงก์ 50 ในที่สุด ทำให้เก็บได้น้อยลง
6. เก็บเงินตามตารางออมเงิน
เป็นวิธีการเก็บเงินที่ต้องทำตารางออมเงิน โดยให้วางเป้าหมายไว้ เช่น อยากเก็บเงินให้ได้ 2,000 บาท ภายใน 60 วัน ก็สร้างตารางขึ้นมาแล้วกำหนดว่าแต่ละวันใน 60 วันนี้ ต้องเก็บเงินวันละเท่าไร จึงจะได้ 2,000 บาท
ข้อดี: ได้วางแผนการเก็บเงินล่วงหน้าให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง เป็นสูตรวิธีออมเงินที่เหมาะกับคนที่มีรายได้รายวัน
ข้อเสีย: หากไม่มีเป้าหมายการเก็บเงินที่ชัดเจน ก็อาจทำให้ท้อหรือขี้เกียจได้ง่าย
ตัวอย่างตารางออมเงิน
วันที่ 1-10 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
= 500 |
วันที่ 11-20 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
= 300 |
วันที่ 21-30 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
= 200 |
วันที่ 31-40 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
50 |
= 500 |
วันที่ 41-50 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
30 |
= 300 |
วันที่ 51-60 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
20 |
= 200 |
รวมเก็บเงินได้ |
= 2,000 |
7. เก็บเงินแบบตั้งเงื่อนไข
สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีแรงจูงใจ ก็ต้องลองใช้วิธีการเก็บเงินแบบฮาร์ดคอร์สักหน่อย โดยลองตั้งเงื่อนไขกับตัวเองดู เช่น ตื่นสาย 10 นาทีเก็บเงิน 100 บาท น้ำหนักขึ้น 1 กิโลกรัม เก็บเงิน 1,000 บาท เป็นต้น
ข้อดี: เป็นวิธีออมเงินที่สร้างแรงจูงใจให้เก็บเงินและเปลี่ยนพฤติกรรมที่ตัวเองอยากเปลี่ยน
ข้อเสีย: อาจจะเกิดการโกงตัวเองได้ หรือรู้สึกกดดันเกินไป ทำให้การเก็บเงินไม่สนุก
8. เก็บเงินตามเลขท้ายสามตัว
วิธีเก็บเงินแบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบความตื่นเต้นและชอบลุ้นสลากกินแบ่งรัฐบาล ลองเก็บเงินจากเลขท้ายสามตัวที่ออกรางวัล สร้างสีสันให้การเก็บเงินสนุกขึ้น
ข้อดี: เป็นวิธีการเก็บเงินที่ทำให้การเก็บเงินสนุกมากขึ้น และน่าจะมีเงินเก็บหลักพันต่อเดือน
ข้อเสีย: เป็นวิธีออมเงินที่จำนวนเงินเก็บไม่แน่นอน
9. แข่งเก็บเงินกับคนในครอบครัว
ลองชวนพ่อแม่พี่น้อง ลูก ๆ หลาน ๆ มาแข่งกันออมเงินชิงรางวัลกันดูสิ เป็นอีกวิธีการเก็บเงินที่น่าสนุก ได้สานสัมพันธ์ แถมมีเงินออมกันทั้งครอบครัวอีกด้วย
สำหรับเด็กๆ เอง ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ปลูกฝังนิสัยการออมตั้งแต่อายุน้อยๆ ซึ่งกรุงไทยก็มีบัญชีเงินฝากออมทรัพย์สำหรับเด็กๆ โดยเฉพาะอย่าง Krungthai Kids Savings ที่ไม่ต้องฝากต่อเนื่องทุกเดือน พร้อมรับดอกเบี้ยพิเศษหากฝากเงินเก็บมากกว่าถอน
ข้อดี: เปลี่ยนวิธีการเก็บเงินให้สนุกมากขึ้น และได้ช่วยกันเก็บเงินทั้งครอบครัว
ข้อเสีย: คุณพ่อคุณแม่หรือญาติผู้ใหญ่อาจจะไม่ค่อยได้เก็บเงิน เพราะต้องเอาไปให้รางวัลเด็ก ๆ แทน
10. เก็บเงินด้วยการเปิดบัญชีฝากประจำ
การเปิดบัญชีเงินฝากประจำเป็นวิธีออมเงินที่บังคับให้ตัวเองมีวินัยเก็บเงินทุกเดือน เหมาะสำหรับคนที่มีรายได้ประจำ ซึ่งกรุงไทยก็มีบัญชี Krungthai ZERO TAX MAX บัญชีเงินฝากปลอดภาษีที่จะช่วยให้คุณออมเงินได้อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน พร้อมได้ดอกเบี้ยเต็มๆ
- เงินฝากปลอดภาษี รับดอกเบี้ยจากเงินเก็บเต็ม ๆ เมื่อปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
- ไม่ถูกหักภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก
- เงินฝากปลอดภาษี เลือกฝากได้ตามใจ ขั้นต่ำ 1,000 บาท
- ฝากแบบ 24 เดือน 36 เดือน หรือ 48 เดือน
ข้อดี: ได้เงินก้อน พร้อมดอกเบี้ยเป็นของแถม สามารถฝากโดยตัดบัญชีอัตโนมัติได้เลย
ข้อเสีย: ไม่สามารถนำเงินฝากออกมาใช้ก่อนกำหนด ต้องปิดบัญชีเท่านั้น
ไม่ว่าจะใช้วิธีเก็บเงินหรือวิธีออมเงินแบบไหน หัวใจสำคัญของการออมเงินคือ ต้องตั้งเป้าหมายที่ไม่หักโหมเกินไป และมีวินัยต่อตนเอง กรุงไทยเชื่อว่าทุกคนสามารถมีทั้ง 2 สิ่งนี้ได้ และไม่ว่าจะเก็บเงินด้วยวิธีหรือสูตรการออมเงินแบบไหนก็จะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน