ลงทะเบียนเข้าร่วม
มาตรการฟื้นฟูธุรกิจ
จุดเด่น
ช่วยเหลือลูกค้าธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีศักยภาพให้สามารถลดภาระทางการเงินชั่วคราวในช่วงที่รอให้ธุรกิจฟื้นตัวโดยไม่เสียธุรกิจไป ด้วยวิธีการโอนทรัพย์ชําระหนี้และได้รับสิทธิซื้อทรัพย์คืนในภายใน 3-5 ปี โดย
ราคาซื้อคืน = ราคารับโอน + ต้นทุนในการถือครองทรัพย์ (Carry Cost) 1 % ต่อปี + ค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์ที่ธนาคารจ่ายตามจริง - ค่าเช่าที่ลูกค้าชำระมาแล้ว
คุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าร่วม
การเข้าโครงการเป็นความสมัครใจจากทั้งธนาคารและลูกค้าที่ต้องการเข้าร่วมมาตรการเห็นชอบทั้ง 2 ฝ่าย โดยธนาคารสงวนสิทธิคัดเลือกลูกค้าเพื่อเข้าร่วมมาตรการ ดังนี้
- เป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย และมีสถานประกอบการและประกอบธุรกิจในประเทศไทย
- มีวงเงินสินเชื่อธุรกิจและมียอดหนี้กับธนาคาร ก่อน 1 มี.ค. 2564
- ต้องไม่มีสถานะเป็น NPL กับธนาคาร ณ 31 ธ.ค. 2562
- ทรัพย์หลักประกันที่รับโอนต้องเป็นหลักประกันตามกฎหมายให้กับธนาคารก่อน 1 มี.ค. 2564
- ลูกค้าไม่เป็นผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน
- ลูกค้าไม่มีสถานะถูกฟ้องดำเนินคดี
- ธุรกิจของลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 และยังมีศักยภาพที่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติภายหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายได้
- ลูกค้า เจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกัน และผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมและร่วมลงนามในสัญญาที่เกี่ยวข้องตามมาตรการนี้
- ลูกค้าที่คุณสมบัติไม่เป็นไปตามที่กำหนดข้างต้น ลูกค้าสามารถเสนอให้ธนาคารพิจารณาการเข้าร่วมมาตรการเป็นรายกรณีได้
หมายเหตุ : คุณสมบัติลูกหนี้อย่างน้อยต้องเป็นไปตามประกาศ ธปท. (สนส. 4/2564)
ทรัพย์หลักประกันที่สามารถโอนชำระหนี้
- ทรัพย์หลักประกันที่ธนาคารรับโอนได้ ต้องจดทะเบียนเป็นหลักประกันสินเชื่อตามกฎหมายให้กับธนาคาร ก่อนวันที่ 1 มี.ค. 2564
เงื่อนไขเบื้องต้น
- ลูกค้าหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกัน มีสิทธิซื้อคืนทรัพย์ได้ภายในระยะเวลา 3-5 ปี นับตั้งแต่วันที่รับโอน โดยธนาคารจะไม่ดำเนินการขายทรัพย์หลักประกันที่รับโอน เว้นแต่ ลูกค้าหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกัน แจ้งธนาคารสละสิทธิ์การใช้สิทธิซื้อคืนทรัพย์
- หลังโอนทรัพย์ให้ธนาคาร ลูกค้าหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกัน สามารถเช่าทรัพย์กลับเพื่อนำไปประกอบธุรกิจต่อได้ตามปกติ โดยลูกค้าหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกันต้องแจ้งความประสงค์เช่าทรัพย์ให้ธนาคารทราบภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ธนาคารรับโอนทรัพย์
- กรณีลูกค้าหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกันเช่าทรัพย์ และ ทำให้ทรัพย์ที่เช่าเสียหาย ชำรุด ย้ายทรัพย์ รื้อถอนทรัพย์ ทำให้ทรัพย์เสื่อมค่าหรือด้อยค่า ธนาคารมีสิทธิยกเลิกสิทธิการซื้อคืนทรัพย์ได้
- ในช่วงระยะเวลาที่ลูกค้าหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกันยังคงมีสิทธิซื้อคืนทรัพย์ ลูกค้าหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกัน ต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาทรัพย์ อาทิ ค่าเบี้ยประกันภัยทรัพย์ ค่าภาษีโรงเรือน ค่ารักษาความปลอดภัย ค่าประเมินราคาทรัพย์(ถ้ามี) และ ค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการดูแลทรัพย์
- ราคาซื้อคืน = ราคารับโอน + ต้นทุนธนาคารในการถือครองทรัพย์ (Carry Cost) 1 % ต่อปี + ค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์ที่ธนาคารทดรองจ่ายตามจริง (หัก) ค่าเช่าที่ธนาคารได้รับชำระ ทั้งนี้ ค่าเช่าที่สามารถนำมาหักราคาซื้อคืน ต้องเป็นค่าเช่าที่ธนาคารได้รับชำระจากลูกค้าหรือเจ้าของกรรมสิทธิ์หลักประกันเท่านั้น
- กรณีโอนทรัพย์ให้ธนาคารแล้วมีหนี้คงเหลือ ลูกค้าควรทำสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ส่วนที่เหลือด้วย
สนใจติดต่อ ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา หรือหน่วยงานที่ดูแลสินเชื่อของท่าน
สอบถามโทร Krungthai Contact Center 02-111-1111